เพราะวันนี้ ไม่ดีที่สุด

เพราะวันนี้ ไม่ดีที่สุด

สร้างแรงบันดาลใจในแบบ เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน เพื่อธุรกิจและครอบครัวเดินไปพร้อมๆกัน

ในแวดวงการออแกไนเซอร์อีเว้นท์ของเมืองไทย เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก บริษัท อินเด็กซ์ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด(มหาชน)บริษัทยักษ์ใหญ่ลำดับที่ 7 ของโลก ภายใต้การนำองค์กรโดย 2 ผู้บริหารฝาแฝด หนึ่งในนั้นคือ หมอก-เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน

วันนี้เรามารู้จักหนึ่งในผู้บริหารองค์กรนี้ให้ลึกมากยิ่งขึ้น ว่าเหตุใดเขาจึงสามารถสร้างอาณาจักรทางความคิด สยายปีกกว้างไกลกลายเป็นบริษัทผู้รับจัดงานระดับโลก...เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานผู้บริหารร่วมบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด(มหาชน) พร้อมเปิดใจ

นิยามตัวตนของคนชื่อ เกรียงกานต์
คิดว่าเป็นดั่งคนทั่วไป แต่เป็นคนที่ชอบงานทางด้านครีเอทีฟ ชอบสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆเสมอ ไม่อยู่นิ่งลุกมาทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา จนบางคนพูดว่าเราแตกไลน์มาค่อนข้างไกลจากที่ตนเองเคยเป็น อย่างเช่น ตอนนี้ที่หันมาทำละครเวที 3 มิติครั้งแรกและเป็นเรื่องแรกของไทย ละครเวทีเรื่องนี้มีชื่อว่า มนตร์ดำคอมเพล็กซ์ โดยจะเริ่มแสดงตั้งแต่วันที่ 6 - 22 มิถุนายนนี้ ละครเวทีเรื่องนี้สร้างความใหม่เกิดขึ้นในวงการละครเวทีไทยถือเป็นความท้าทายใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากๆ

ความถนัดที่แท้จริงของตนเอง
ผมคิดว่าความถนัดจริงๆของเรา คือ ความถนัดของอินเด็กซ์ นั้นเป็น ความถนัดทางด้านอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอดชีวิตครับ

แบ่งแยกการทำงานกันอย่างไรระหว่างพี่น้อง
ตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนในเรื่องการดูแลลูกค้า แถมตอนนี้เราบุกทำธุรกิจต่างประเทศ ทางด้านเมฆ(เกรียงไกร)ดูตลาดพม่า ส่วนตัวผมเองนั้นดูทางด้านตลาดเวียดนามครับ

พูดถึงหมวกสองใบกับ สองบทบาทการทำงาน
ผมทำอยู่ 2 ตำแหน่ง คือ หน้าที่ของผู้บริหารก็จะรู้ถึงการบริหารจัดการ นโยบายบริษัท การขยายกิจการ นั่นคือหน้าที่ในหมวกแรก ฐานะผู้บริหาร ส่วนหมวกใบที่ 2 คือการเป็นครีเอทีฟ

หัวใจการทำงานแบบเกรียงกานต์
หัวใจการทำงานของผม คือหัวใจการทำงานของบริษัท นั่นคือ never stop creating เราไม่เคยที่จะหยุดคิดสร้างสรรค์ เราคิดเสมอว่า เราต้องมีอะไรใหม่ๆ เราต้องสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา การบ้านของผมคือต้องหาอะไรใหม่ๆในทุกๆปี ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี ครีเอทีฟไอเดียที่ใหม่จนลูกค้าเห็นแล้วต้องตื่นตาตื่นใจ นั่นคือสิ่งที่ผมทำตลอดเวลาครับ

ไอเดียใหม่ๆได้มาจากไหน
ผมคิดว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่เราต้องหาแรงบันดาลใจอะไรใหม่ๆตลอดเวลา คนที่เป็นผู้นำเราก็ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้องค์กรของเราสามารถก้าวต่อไปได้ คือมันต้องมีอะไรใหม่ๆ ฉะนั้นเวลาที่ว่างก็จะนั่งค้นหาดูทางอินเตอร์เน็ต ดูทีวี ดูภาพยนตร์ หรือไปต่างประเทศ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆทั้งสิ้น เพียงแต่เราต้องคิดหยิบเอาประเด็นไหนมาใช้ต่อยอดงานของเราก็เท่านั้น

ช่วงเวลาที่คิดงานไม่ออกทำอย่างไร
ส่วนตัวเมื่อเวลาที่กระโดดลงน้ำ ตูมแรกเลย มันเหมือนกับเป็นการปลดปล่อยทุกอย่างออกไป และทำให้สมองสามารถรีชาร์จใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นค่อยมานั่งคิดใหม่ว่าโจทย์ที่ได้รับจะต้องแตกยอดไอเดียต่อไปอย่างไร ที่สำคัญคือเรามีขุมกำลังมนุษย์ที่เป็นทีมของเราอยู่ เราระดมทีมระดมสมองกัน น้องๆของเราเก่งขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งบางคำที่น้องๆเขาพูดออกมามันใช่เลย เกิดไอเดียใหม่ๆขึ้นมามากมาย
ผมคิดว่างานครีเอทีฟมันเครียดไม่ได้เลย เราต้องสนุก ยิ่งเรามีทีม เราโยนคำถามอะไรไปแล้วมีคนตอบได้อย่างนี้แหละที่เรียกว่าสนุก

ดนตรีมีส่วนช่วยในการทำงานอย่างไร
ผมต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกแบบเปิดโอกาสให้เลือกเล่นได้อย่างเต็มที่ ไม่ปิดกั้นให้อิสระได้อย่างเต็มที่ไม่มาคอยกำกับให้เราทำอย่างโน้น ทำอย่างนี้ ทั้งหมดเป็นพรสวรรค์ที่คุณพ่อ คุณแม่ให้มา แต่โรงเรียนเองก็มีส่วนอย่างมากเช่นกัน ผมเรียนจบโรงเรียนสาธิตจุฬาฯที่ค่อนข้างให้อิสระในด้านความคิด ส่งเสริมให้เด็กกล้าที่จะคิด กล้าที่จะลุกขึ้นมาพูด ลุกขึ้นมาแสดงออกหน้าห้อง

ถามว่าตอนเด็กเวลาอยู่หน้าห้องเป็นอย่างไร บอกตามตรงเลยครับว่า อายมาก แต่เมื่อจบมัธยมศึกษามาแล้วต่อมหาวิทยาลัย ทำให้เราเห็นว่าพื้นฐานเหล่านั้นที่ทางโรงเรียนปูมาให้ล้วนเกิดประโยชน์และทำให้เราเป็นคนที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนตัวผมคิดว่า ดนตรีนี่แหละที่ทำให้เราคือครีเอทีฟ ตอนเด็กเราไม่รู้หรอกเรารู้แค่ว่า เวลาที่เล่นดนตรี หากเป็นคนอื่นเขาจะเล่นในแบบฉบับที่เหมือนต้นฉบับเป๊ะ แต่สำหรับผมมันไมใช่ ผมชอบที่จะคิดว่า ท่อนนี้เราอยากโซโลตามแบบฉบับของเราเอง เราจึงได้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้แหละเป็นพื้นฐานของความเป็นครีเอทีฟ

แบ่งเวลาในชีวิตอย่างไร
ผมจะยุ่งเป็นช่วงๆ แต่จะแบ่งเวลาอยู่เสมอ ก็จะต้องมีเวลาอยู่กับครอบครัวกินข้าวกัน ยิ่งช่วงที่ต้องไปต่างประเทศจะต้องไปกี่วัน วางแผนล่วงหน้าว่าเราจะกลับมาแล้วใช้เวลากับครอบครัวอย่างไร ผมมองว่าชีวิตของเรามันต้องสมดุลทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องการทำงาน ทั้ง 2 อย่างต้องควบคู่ไปด้วยกัน

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ในด้านการทำงานเราก็เต็มที่ แต่โชคดีที่ว่าครอบครัวเข้าใจ ในช่วงแรกสมัยก่อน เราต้องลงโปรเจคเอง กลับดึกมาก แต่ปัจจุบันเราสร้างคนเก่งขึ้นมามาก เรามีคนเก่งที่จะดูแลในแต่ละส่วนแทนเรา ฉะนั้นเราเองจึงไม่จำเป็นที่จะต้องลงโปรเจ็คเองแล้ว

อย่างที่บอกว่า ชีวิตต้องสมดุล ผมเองก็จะหาเวลาไปว่ายน้ำ ปั่นจักรยานบ้าง ผมมองว่าทีมงานต้องสมดุลด้วยจึงได้สร้างฟิตเนสให้น้องๆได้ใช้ฟรี ให้เขาได้รีแล็กซ์ตามมุมกาแฟ ต้นไม้เขียวๆ ทุกอย่างเหล่านี้มันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรทั้งสิ้น

วางแผนเกษียณไว้อย่างไร
ผมคิดอยู่ตลอดเวลา ยิ่งช่วงก่อนหน้านี้ที่ใครเกษียณไวแล้วจะเท่ห์มากๆ ผมก็คิดมาเรื่อยๆจนพบว่า ความสุขของเราจริงๆนั้นอยู่ที่การทำงาน คือถ้าเราหยุดทำงานความสุขเราจะหายไปในทันที เวลาที่คิดงานอะไรออกมาแล้วมันสำเร็จอย่างที่คิดและวางแผนไว้ ได้รับเสียงปรบมือ ได้รับรางวัลมากมาย ลูกค้าชอบในงานที่เราทำมันเหมือนประสบความสำเร็จทั้งลูกค้าและตัวเราด้วยควบคู่กัน ทั้งหมดนี้มันสร้างความสุข

ผมคิดว่าถ้าวันหนึ่งเกิดเลิกทำงานไป ความสุขผมคงหายไป จึงคิดได้ว่า ก็ไม่เห็นต้องเกษียณเร็วๆตามกระแสเลย เลยไม่ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเกษียณช่วงเวลาอายุเท่าไหร่ แต่หากวันหนึ่งผมคิดว่าเริ่มเบื่อไม่อยากมาทำงานแล้ว แบบนั้นต่างหากที่บ่งบอกว่าเราควรเกษียณแล้ว ตอนนี้ยังคงมีความสุขอยู่ ฉะนั้นก็จะทำต่อไป

ความตื่นเต้นและความสนุกในการทำงาน
ความตื่นเต้นในการทำงานของผม คือการได้รับไอเดียใหม่ๆจากคนหลากหลายวัย ทั้งจากผู้ที่แก่ประสบการณ์ในการทำงาน และเด็กรุ่นใหม่ ปัจจุบันผมทำงานละครเวทีกับคนเขียนบทและทีมงานที่อายุ 20 ต้นๆ มันได้แชร์มุมมองคนรุ่นใหม่ เขามีไอเดียแบบใหม่ที่เราเห็นว่าน่าสนใจมากๆ และเมื่อนำมาประกอบกับตัวเราเองที่ประสบการณ์การทำงานเยอะ ทำให้เรารู้ว่าเราจะประสานกันได้อย่างไรเพื่อให้งานออกมาใหม่และประสบความสำเร็จ
นี่คือสิ่งที่ทำให้สนุกและตื่นเต้น แม้ในช่วงประชุมผมก็ให้เด็กฝึกงานประชุมด้วยเลย เราจะถามเขาว่าเขาคิดอย่างไร และให้เขาแชร์ว่าเด็กรุ่นเขาใช้ชีวิตในยุคของเขาอย่างไร เราก็จะก้าวทันเด็กก่อเกิดมุมมองทางการตลาดใหม่ๆ

ความสุขจริงๆของชีวิตสไตล์ หมอก เกรียงกานต์
ผมคิดว่า คือ ความสมดุลของชีวิต เช่นช่วงวันหยุดเราใช้เวลากับครอบครัว เราก็มีความสุขเพราะเราก็จะไม่ต้องใช้โทรศัพท์ตลอดเวลา ไปเที่ยวก็มีความสุข เนื่องจากว่าเราสร้างคนมาให้เขารับผิดชอบในส่วนต่างๆโดยที่เราไม่ต้องดูก็ได้ ตอนนี้เขาทำงานกันเองได้แล้ว เราก็จะสามารถมีช่วงเวลาที่เราสามารถให้กับตนเองและครอบครัวได้อย่างเต็มที่ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราสามรถจัดสรรเวลาเพื่อให้สมดุลกับชีวิตได้อย่างดี

เป้าหมายในอนาคต
ผมอยากให้องค์กรเป็นองค์กรที่ต่อยอดเป็นสถาบันที่สร้างคนรุ่นใหม่ๆให้เกิดขึ้นตลอดเวลา เหมือนกับองค์กรในต่างประเทศที่เมื่อจบรุ่นหนึ่งยังคงมีรุ่นต่อไปที่สานต่อแนวคิดองค์กร สามารถสานต่องานองค์กร นี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้องค์กรยืนต่อไปได้ด้วยตนเองรุ่นต่อรุ่น ผมคิดว่าไม่จำเป็นที่คนรุ่นต่อไปจะมาเริ่มต้นใหม่ แต่คุณสามารถที่จะเหยียบบ่าผมเพื่อต่อยอดต่อๆไปได้ เพื่อองค์กรเติบโตไปในทิศทางที่เราตั้งไว้
ตอนนี้ผมอยากให้เป็นสถาบันอย่างนี้ และก็ได้เริ่มต้นวางและมองๆไว้ในระดับหนึ่งแล้ว ทั้งเรื่องการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรซึ่งตรงนี้น้องๆที่เข้ามาจะรู้ดีว่าวิธีคิดของเราเป็นอย่างไร

วิธีเริ่มต้นความฝันเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ
ให้ทำในสิ่งที่คุณรักและทำให้ดีที่สุด ด้วยการค้นคว้าหาสิ่งใหม่ ทุกความสำเร็จมันไม่ใช่ว่าจะได้มาโดยง่าย สำหรับผมกว่าจะมีวันนี้ได้ เหนื่อยและต้องต่อสู้ ดิ้นรน มามาก ยกตัวอย่างง่ายๆผมจะเล่าให้น้องๆฟังว่า ในช่วงเวิลด์เอ็กซ์โปผมเดินจนเท้าพอง เพราะผมอยากรู้ให้ได้มากที่สุดตลอดเวลา 3 วันที่อยู่ที่นั่น ผมจะต้องเข้าพาวิลเลียนให้ได้เยอะที่สุด ช่วงเปลี่ยนพาวิลเลียนจากที่หนึ่งไปอีกพาวิลเลียนหนึ่ง ผมไม่ได้เดินนะแต่ใช้การวิ่ง เพื่อที่เราจะได้ดูได้เยอะที่สุด แทบไม่กล้าหลับเพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไป

เพราะเชื่อว่าไอเดียมันสามรถเกิดขึ้นได้ในทุกๆที่ หลับไปอาจจะไม่ได้เห็น ผมมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งใหม่ตลอดเวลาเพราะผมมีความคิดมาตลอดชีวิตว่า สิ่งที่ทำวันนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้ามันดีที่สุดคุณจะหยุดคิดและหยุดที่จะพัฒนา นั่นคือแนวคิดที่ทำให้ผมสู้มาจนเป็นได้อย่างทุกวันนี้