'สิว'วัยใสคิดก่อนหาหมอ

อาหารการกินและการเลี้ยงดู เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กเป็นสาวเป็นหนุ่มเร็ว
อาหารการกินและการเลี้ยงดู เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กเป็นสาวเป็นหนุ่มเร็ว จึงไม่แปลกที่เด็กประถมจะเริ่มมีสิว และใช้บริการกับคลินิกรักษาสิวโดยขาดข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง
วัยรุ่นมีสิวไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ เพราะเมื่อร่างกายเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ จะผลิตฮอร์โมนเพศออกมามากกว่าปกติ รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมน้ำมันผลิตน้ำมันออกมาตามรูขุมขนจำนวนมาก จนเกิดการอุดตันและพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ โดยทั่วไป จะพบในเด็กหญิงก่อนมีประจำเดือนประมาณ 1 ปี และจะเป็นมากในช่วงอายุ 17-18 ปี ส่วนเพศชายจะเริ่มเป็นสิวในช่วงแตกเนื้อหนุ่ม และจะเป็นมากในช่วง 19 ปี ปริมาณสิวบนใบหน้าของเด็กๆ จะมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกินและการทำความสะอาดผิวหน้าในแต่ละวัน
กรณีสิววัยประถมนั้น พึงระวังว่าผิวของเด็กนั้นบอบบางมาก ขณะที่ความเข้มข้นของยาทาจากคลินิกรักษาสิวหรือผลิตภัณฑ์รักษาสิวทั่วไป ไม่ได้พัฒนาเพื่อใช้กับผิวบอบบางของเด็ก จึงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ ผิวบาง ผิวลอก หน้าแดง แพ้ง่ายโดยเฉพาะแสงแดด ฉะนั้น การเริ่มต้นรักษาเร็วอาจจะไม่ได้เป็นผลดีกับเด็กๆ ทุกคน
พญ.มาริษา พงศ์พฤฒิพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และคณะอนุกรรมการวิชาการ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย บอกว่า เวลาเป็นสิวพยายามเก็บมือไว้กับตัว อย่าใช้มือที่ไม่สะอาดไปลูบหรือสัมผัสหน้าบ่อยๆ หรือไม่สัมผัสเลยถ้าไม่จำเป็น และ “ห้าม” บีบหรือแกะสิวเป็นอันขาด เพราะจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่รักษาได้ยาก
ส่วนผู้ที่เล่นกีฬาเมื่อมีเหงื่อ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าโพกศีรษะที่ใช้ซ้ำๆ อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่หัวสิวแล้วเกิดการอักเสบได้ ควรหมั่นทำความสะอาดสิ่งของที่ต้องสัมผัสกับใบหน้า และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงที่มีน้ำหอมเป็นส่วนผสม ซึ่งมีส่วนกระตุ้นทำให้เกิดสิว
แม้สิวจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้องเป็นและหายได้เองเมื่ออายุ 21-25 ปีขึ้นไป แต่ก็ยังมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมรับในธรรมชาติ แถมหมดความมั่นใจในการเข้าสังคม เพราะใบหน้ามีแผลเป็นจากสิว จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะทำความเข้าใจและสอนลูกเรื่องการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย รวมถึงสอนวิธีการทำความสะอาดที่ถูกวิธี เพื่อที่เขาจะได้ไม่รู้สึกว่าการมีสิวบนใบหน้าเป็นปมด้อยที่ทำให้ไม่มั่นใจในการเข้าสังคม
ผู้ปกครองควรสอนบุตรหลานให้ทำความสะอาดให้เป็น ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งเช้าเย็นก็พอแล้ว ส่วนเรื่องการพอกหน้า มาสก์หน้า หรือขัดหน้า สัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอ บางคนชอบขัดหน้า ชอบล้างหน้าบ่อยๆ เพราะคิดว่าขัดผิวบ่อย ล้างหน้าบ่อยจะทำให้หน้าสะอาด แต่จริงๆ แล้วเป็นการกระตุ้นให้ต่อมผลิตน้ำมันทำงานมากจนเกิดสิวอุดตันแล้วอักเสบแทนก็ได้
อาหารที่กินก็มีผลต่อสิวบนใบหน้าเช่นกัน เพราะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตไขมันมากกว่าปกติ เช่น ขนมรสหวาน ไอศกรีม อาหารที่มีส่วนจากนม ขนมปังขัดขาว ทั้งยังไม่มีข้อสรุปทางวิชาการว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 สารต้านอนุมูลอิสระ สังกะสี วิตามินเอ และกากใยอาหาร จะทำให้ไม่เกิดสิว
“การรักษาด้วยการกดสิว การฉีดสิว การยิงเลเซอร์ หรือการดูแลผิวพรรณด้วยแพ็คเกจต่างๆ มีส่วนช่วยเสริมการรักษามาตรฐานให้ได้ผลดียิ่งขึ้น แต่สุดท้ายแล้วคือการรักษาเสริมที่แก้ปลายเหตุ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือป้องกันสาเหตุการเกิดสิวในระยะยาวได้ แถมบางวิธีก็มีค่าใช้จ่ายสูงทำให้เสียเงินโดยไม่จำเป็น จึงต้องมีการวางแผนและไตร่ตรองก่อนจะเลือกใช้บริการให้ดี”แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง กล่าว
รู้จักสิวก่อนรักษา
สิวหัวผด เป็นชนิดของสิวที่พบได้ในวัยรุ่นทั่วไป ใช้เพียงยาแต้มสิวธรรมดาก็ทำให้ตุ่มสิวยุบได้ ส่วนสิวระดับกลาง ซึ่งมีการอักเสบ ตุ่มแดง ตุ่มหนอง การรักษาอาจต้องใช้ทั้งยาทาและยากินร่วมด้วย เพื่อควบคุมไม่ให้กระจายตัวมากกว่าเดิมหรือเกิดแผลเป็นตามมา
สิวหัวช้าง หรือหัวสิวระดับรุนแรงที่เป็นเม็ดใหญ่ๆ การรักษาสิวชนิดนี้อาจต้องมีการวางแผนโดยแพทย์ผิวหนังเพราะบางจุดบางหัวอาจมีต้นตอของสิวที่เชื่อมต่อกันใต้ผิวหนัง ทำให้การรักษาต้องใช้ทั้งยากินยาทาหรือวิธีการกด การฉีด หรือการยิงเลเซอร์ร่วมด้วย เพื่อให้หัวสิวที่มีหายไปและไม่เป็นแผลเป็น
การกินยารักษาสิว ไม่ควรซื้อกินเองแต่ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะแต่ละคนมีผิวหนังที่ไม่เหมือนกัน ต้องการการดูแลที่แตกต่างกันไป อีกทั้งยากินบางกลุ่มก็มีอันตรายไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ อาจทำให้แท้งบุตรได้ เช่น ยาด๊อกซีไซคลิน (Doxycycline) คนที่คิดจะมีบุตรควรหยุดยากลุ่มนี้อย่างน้อย 1 เดือน และไม่ควรบริจาคเลือดเพราะคนที่รับเลือดไปอาจได้รับอันตรายจากฤทธิ์ของยาดังกล่าวได้