นกกระเรียนไทยเพาะเลี้ยงฯวางไข่แล้ว ลุ้นฟักไข่

นกกระเรียนไทย เพาะเลี้ยงพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่บุรีรัมย์ วางไข่แล้ว จนท.ย้ำดูแลใกล้ชิด ลุ้น30วันฟักไข่
วันนี้ (13 ส.ค.) นกกระเรียนพันธุ์ไทยเพศผู้และเพศเมียอายุ 8 - 9 ปี ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง 1 ใน 15 ชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย ที่นำมาเพาะเลี้ยงในกรงบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าชั่วคราวห้วยแสงเหนือ ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ 1 ใน 6 แห่งของประเทศ เพื่อให้แพร่ขยายพันธุ์
ล่าสุดนกกระเรียนได้วางไข่แล้ว รอลุ้นประมาณ 30 วัน แม่นกจะฟักไข่ให้กำเนิดลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทยเป็นตัวที่สอง จากที่ก่อนหน้านี้นกกระเรียนพันธุ์ไทยที่นำมาทดลองเพาะเลี้ยงและปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในโครงการแรกเมื่อปี 2552 - 2555 ได้ให้กำเนิดลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทยและปล่อยคืนสู่ธรรมชาติไปแล้ว 1 ตัว
อย่างไรก็ตามระยะเวลาฟักไข่ในช่วง 30 วัน เจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าดูแลไข่อย่างใกล้ชิด ไม่ให้มด แมลงรบกวน และไม่ให้น้ำท่วมถึงรัง เพราะอาจจะเสี่ยงทำให้สูญเสียไข่หรือลูกนกได้ ทั้งยังมีการปรับสภาพพื้นที่กรงหรือบริเวณรอบๆให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติมากที่สุด เช่น เป็นพื้นที่นาร้าง และมีน้ำท่วมขังไม่เกิน 20 เซนติเมตร
นายชัยพร ทับทิมทอง หัวหน้าเขตห้ามล่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า การนำพ่อแม่นกกระเรียนพันธุ์ไทย มาเพาะเลี้ยงเพื่อให้ผสมพันธุ์และวางไข่ตามธรรมชาติในครั้งนี้ เป็นโครงการต่อเนื่องในการปล่อยนกกระเรียนคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อแพร่ขยายพันธุ์นกกระเรียนไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากประเทศเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
ซึ่งการวางไข่ในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จในการเพิ่มขยายพันธุ์นกกระเรียน แต่จากการนำนกกระเรียนมาทดลองเพาะเลี้ยงและปล่อยคืนธรรมชาติโครงการแรกกว่า 40 ตัว ที่ผ่านมายังพบปัญหานกกระเรียนที่ออกไปไปหากินตามพื้นที่ต่างๆ ถูกล่าทำร้าย และได้รับสารเคมีจากการกินพืชไร่ตามไปแล้วหลายตัว
ปัจจุบันพบนกกระเรียนที่ยังหากินและใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติอยู่กว่า 30 ตัว จึงขอความร่วมมือประชาชนหรือผู้พบเห็นอย่าได้ล่าหรือทำร้าย ให้ช่วยกันอนุรักษ์เพื่อไม่ให้นกกระเรียนสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย แต่หากพบผู้ใดล่าหรือทำร้ายก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายมีโทษทั้งจำและปรับ เพราะนกกระเรียนเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง