สเต็ปชีวิตของ กิ๊ฟท์ G-20

กิ๊ฟท์-กรรณาภรณ์ เอี่ยมวิบูลย์ หญิงสาวร่างบาง สูงโปร่งสะดุดตา สมาชิกวง G-Twenty กับบทดสอบหลากหลายที่ต้องชนะ

กิ๊ฟท์-กรรณาภรณ์ เอี่ยมวิบูลย์ หญิงสาวร่างบาง สูงโปร่งสะดุดตาด้วยความสวยที่มีตำแหน่งดาวโรงเรียนและดาวคณะการันตีแล้ว เธอผ่านการแคสนักร้องหน้าใหม่เข้ามาเป็น 1 ใน 7 New generation ของวง G-Twenty ในตำแหน่ง Chorus แต่กว่าจะได้ออกซิงเกิ้ลและขึ้นเวที ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักมาหลายปีทั้งเรียน ร้อง เต้น พร้อมทั้งบทดสอบหลากหลายที่ต้องเอาชนะ

"ของฟรีไม่มีในโลก" (Ain't Nothing Free) ซิงเกิ้ลล่าสุด กิ๊ฟท์ บอกว่า ซิงเกิ้ลนี้นำเสนอเพลงเต้นกับสเต็ปโดนใจ ที่ต้องซ้อมเต้นทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมง กว่าจะออกมาเป็นจังหวะและท่าเต้นสวยๆ

: ย้อนรอยสาวเซ็กซี่ปนหวาน

เมื่อถูกถามว่า ความชอบร้อง ชอบเต้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เลือกมาเป็นนักร้องหรือไม่ เธอใช้เวลาคิดก่อนตอบว่า จริงๆ แล้วเธอไม่รู้ตัวว่าชอบด้านเต้นรำร้องเพลง แต่เมื่อนึกย้อนไปในวัยเรียนก็พบว่า ตัวเองชอบทำกิจกรรมด้านการเต้น เป็นลีดเดอร์ ดรัมเมเยอร์ หรือครั้งที่ใช้ชีวิตเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา ก็มีประสบการณ์เรื่องเต้นเหมือนกัน ไม่ใช่เต้นฮิปฮอปหรือแจ๊ส แต่เป็นเชียร์ลีดเดอร์ บวกกับชอบฟังเพลง ก็เลยเหมือนอยู่กับการร้องเต้นมา ทำให้มีพื้นฐานในระดับหนึ่ง

"เป็นนักร้องยากไหม ตอบเลยว่า ยากมาก แรงกดดันเยอะ เพราะถ้าแค่ร้อง เต้นธรรมดามันไม่ใช่เรื่องยาก แต่พอเป็นศิลปิน มันไม่ใช่แค่นั้น เราต้องมอบความสุขให้คนดู ทำให้คนที่มาเชียร์เราสนุก มีความสุขกับสิ่งที่เราทำ มันก็เลยยากอยู่เหมือนกัน"

ยากขึ้นไปอีกกับการร่วมวงเกิร์ลแบนด์ที่รวมสาวๆ ไว้ถึง 7 คน ทั้งในแง่ของการนำเสนอตัวตนและการทำงานเป็นทีม กิ๊ฟท์มองว่า G20 มี 7 คน แต่ละคนล้วนมีเสน่ห์ของตัวเอง เช่นเดียวกับตัวเธอเองที่ต้องสร้างคาร์แรกเตอร์ให้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ พยายามนำเสนอความเป็นตัวเองมากที่สุด

เธอขยายความว่า ตัวตนแบบ "กิ๊ฟท์" จะออกแนวแบ๊วๆ แง๊วๆ ปกติเป็นคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง จะดูงงๆ แต่เมื่อต้องมาร้องเพลงก็ทำให้มีสติมากขึ้น ยิ่งต้องทั้งร้องและเต้นก็ยิ่งต้องซ้อมให้หนัก เพื่อให้ร่างกายจำได้ว่าต้องขยับอย่างไร ท่าไหน แล้วสมาธิก็โฟกัสที่การร้องเพลงและการเอาใจใส่เอนเตอร์เทนคนดู

ช่วงก่อนปล่อยซิงเกิ้ลของฟรีไม่มีในโลก สาวน้อยทั้งเจ็ดต้องไปเรียนการเต้นที่เกาหลี 3 เดือน พร้อมทั้งปรับพื้นฐานทักษะการเต้นของแต่ละคนให้เท่ากัน เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น คล้ายกับการไปเข้าคอร์สละลายพฤติกรรมแต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือ ความเป็นตัวตนของทั้ง 7 คนที่ไม่มีใครเปลี่ยนเลย

แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือ ความเข้าใจในความเป็นเพื่อน ทุกคนมีความเป็นผู้ใหญ่และได้เรียนรู้อะไรมากมายโดยเฉพาะการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆ ในวง โดยกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันก็ถือว่าโหดพอสมควร เนื่องจากโปรแกรมที่ฝึกนั้นใช้เวลา 1 ปี แต่นำมาดัดแปลงให้เป็นหลักสูตรเหลือเพียงแค่ 3 เดือน ทำให้การฝึกนั้นค่อนข้างหนัก ซึ่งเธอบอกว่านั่้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดี

ความเป็นคนมีน้ำใจ ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น วันเกิดก็เตรียมหาของขวัญ หรือความเป็นคนพูดตรงๆ ไม่ค่อยเสแสร้งเป็นจุดเด่นที่กิ๊ฟท์มองว่า เป็นตัวตนของเธอที่เพื่อนชอบ

ความเครียดหรือข่าวเชิงลบที่มาคู่กับแวดวงมายา ไม่เว้นกระทั่งสาวแบ๊วๆ แง๊วๆ เธอเล่าว่า ในเรื่องงานบางทีในเพจก็มีแนะให้เราพัฒนาเรื่องการร้องบ้าง นี่ก็เครียดแล้วนะ ต้องรีบมาดูว่า ร้องผิด ร้องเพี้ยนตรงไหน แล้วก็มาปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ที่เครียดมากกว่าคือ การเรียนพร้อมกับทำงานเพราะต้องทุ่มเททั้งสองด้าน ถ้าเรียนไม่ดี คุณแม่จะไม่ให้ทำงาน ก็ต้องทำให้ดีทั้งคู่ แต่ก็สำเร็จปริญญาตรีวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยบูรพา คณะศิลปศาสตร์ เอกการติดต่อสื่อสารเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.74

"การเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยนั้นก็อยู่ต่างจังหวัด ทำให้ช่วงแรกมีปัญหามาก จึงพยายามจัดตารางเรียนและตารางงานให้ไม่ชนกัน พยายามเช็กวันถ่ายงานก่อนแล้วลงเรียน หากตรงกันก็มีเรียนเช้า แล้วมาทำงานตอนบ่ายก็มี"

สุขภาพของกิ๊ฟท์ ส่วนใหญ่คุณแม่เป็นผู้ดูแลโดยเฉพาะเรื่องอาหารและอาหารเสริมต่างๆ เปรียบเหมือนโภชนากรส่วนตัวที่จะเลือกอาหารให้เหมาะสมและที่สำคัญคือ ต้องเป็นไปตามที่คนกินชอบด้วย เธอไม่ชอบข้าวสวยแต่เลือกกินก๋วยเตี๋ยวและขนมแทน

"ชอบกินสเต็กเนื้อมาก จัดเต็มมาเลย เซลลูไลท์ผิวเปลือกส้มก็ตามมาด้วย กิ๊ฟท์เริ่มคิดได้ก็หันมากินผักสลัดและเสริมด้วยวิตามิน ทำให้ช่วงที่ทำงานหนัก เรียนหนัก ร่างกายจึงไม่ทรุดโทรม ทั้งยังกินเฉพาะเมนูไขมันต่ำมาโดยตลอด พอร่างกายเจอกลิ่นน้ำมัน ไขมันสัตว์ ก็จะไม่ชอบ นมหรือโยเกิร์ตก็ต้อง free fat ไม่งั้นจะมีกลิ่น กินไม่ได้ ปัจจุบันเมนูโปรดคือพวกสลัด สลัดแซลม่อน สลัดปลา ใส่น้ำสลัดบัลซามิคหรือน้ำมันมะกอก ไม่ชอบน้ำสลัดครีม"

เคล็ดลับการทานอาหารในช่วงเวลาที่ต้องดูแลรูปร่าง กิ๊ฟท์แย้มว่า น้ำเปล่าดีที่สุด ผลไม้ที่ให้น้ำตาลน้อยแต่มีกากใย เช่น มะละกอ 2 ชิ้น สัปปะรดแบบเปรี้ยว แก้วมังกร โดยในโทรศัพท์มือถือจะบันทึกข้อมูลตารางแคลอรี่ไว้ด้วย เช่น ชมพู่ 4 ลูก 60 แคลอรี่ก็กิน 2 ลูก แอปเปิ้ล 1 ลูก 60 แคลอรี่ก็กิน 1 ลูก ต้องคำนวณตลอด แต่ความลำบากนี้ใช้เฉพาะเวลาที่ต้องจำกัดน้ำหนัก ถ้าเวลาปกติก็กินตามปกติ

สำหรับการออกกำลังกาย แม้จะไม่ได้ทำโดยตรงแต่ทุกวันมีซ้อมเต้นวันละ 3 ชั่วโมง ถ้าไม่มีซ้อมเต้นก็จะวิ่งประมาณ 30 นาที ให้หัวใจเต้นเร็วหรือออกกำลังกายที่บ้าน เช่น กระโดดตบ 200 ครั้ง สำหรับกีฬาชอบเล่นสกีและว่ายน้ำแต่ทำไม่ได้ทั้งสองอย่าง เพราะแพ้คลอรีนและไม่มีลานหิมะในไทย โดยรวมแล้วไม่ค่อยได้ใช้เวลากับกีฬามากนัก

เมื่อถามว่า 5 ปีในวงการบันเทิงได้อะไรมาบ้าง คำตอบขอบเธอไม่ใช่ชื่อเสียงและความร่ำรวย สิ่งที่ได้กลับมาคือ ความสวยเพราะได้เรียนรู้ทักษะการแต่งหน้าทำผม รู้วิธีบำรุงรักษาตัวเองให้สวยขึ้น ส่วนอนาคตภายภาคหน้าสำหรับความไม่นอนในวงการบันเทิงเธอเตรียมพร้อมโดยการลงทุนทำธุรกิจเบเกอรีชื่อร้าน 90's Bite ขายแฮมเบอร์เกอร์สไตล์อเมริกัน

"ตอนแรกคิดทำร้านขนม ขนมที่ขายต้องอร่อย สวย ต้องใช้ใจทำ แต่ด้วยความที่เราเป็นนักร้อง ต้องฝึกหนัก ไม่มีเวลา จึงคิดใหม่โดยนึกย้อนไปว่า ตอนที่อยู่อเมริกา อะไรที่กินแล้วมีความสุข อร่อย อิ่ม ก็ลงตัวที่แฮมเบอร์เกอร์ ทานง่ายชิ้นเดียวอิ่มได้"

ร้านแฮมเบอร์เกอร์นี้ยังอิงตามเทรนด์สุขภาพ โดยทุกเมนูเป็นออร์แกนิกและเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ เช่น เนยแท้ น้ำมันทอดไม่ใช้ซ้ำ เนื้อคุณภาพดี ส่วนสูตรก็สร้างสรรค์เองจากความชอบและประสบการณ์ที่เคยรับจากร้านต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ

"การตอบรับดี ตอนแรกคิดว่าจะไม่โอเค เพราะโลเคชั่นของร้านอยู่หัวมุมที่หลบมากๆ พื้นที่ก็ไม่เอื้อให้ทำอาหาร ไม่มีระบบดูดควัน ไม่มีระบบน้ำทิ้ง ไม่มีสาธารณูปโภคที่เอื้อ แต่ตั้งใจแล้วว่าจะทำก็ต้องทำให้ได้ เพราะ Everything is Possible"

การเป็นนักร้องกับนักธุรกิจ เธอยอมรับว่า ยากพอๆ กันแต่คนละแบบ นักร้องต้องใช้ร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก แต่เรื่องธุรกิจต้องใช้สมองคิดวางแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น การบริหารจัดการสต๊อกวัตถุดิบ การวางแผนโปรโมชั่น

"อนาคตอาจจะจับทางธุรกิจ เพราะไม่ชอบอยู่เฉยๆ คิดทำนู่นนี่ พัฒนาร้าน 90' Bite ให้ดีขึ้น ขยายสาขา พยายามทำให้ดีที่สุด คาดว่าภายใน 2 ปีจะเพิ่มอีก 1 สาขา หรืออาจจะมีอย่างอื่นที่ชอบก็พัฒนาเป็นธุรกิจต่อไป สำหรับ G20 ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดร่วมกันทั้ง 7 คน เป็นกลุ่มก้อนที่ทำงานเพลงออกมาเรื่อยๆ มีแฟนคลับติดตามอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะทำสิ่งที่รักให้เต็มความสามารถ ส่วนอนาคต 3 ปี 5 ปี ต้องดูว่าแนวเพลงจะเปลี่ยนไปอย่างไร หรือว่าตลาดเปลี่ยนไปชอบอะไร อย่างอื่น เราก็ไม่รู้ ดังนั้น ตอนนี้ต้องทำให้ดี พัฒนาให้ดีกว่าเดิมและดีที่สุด"

นี่คือ สเต็ปชีวิตที่จะก้าวสู่วันที่ดีที่สุดของ กิ๊ฟท์-กรรณาภรณ์ เอี่ยมวิบูลย์ สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป G-Twenty