แก้ว จริญญา เมื่อชีวิตติดดราม่า

ร่วม 8 ปีบนเส้นทางบันเทิงของ “แก้ว” จริญญา ศิริมงคลสกุล นักร้องเกิร์ลแก๊งแนวป๊อป FFK ขยับมาท้าทายฝีมือการแสดงอีกรูปแบบหนึ่งบนจอแก้ว
“แก้ว” จริญญา ศิริมงคลสกุล เข้าสู่วงการบันเทิงจากการชักนำของฝ่ายแคสติ้งที่อาร์เอส และได้มาเป็นนักร้องหนึ่งสมาชิกของวง “เฟย์ ฟาง แก้ว” (FFK) สังกัดค่ายกามิกาเซ่ เป็นทั้งนักแสดง พิธีกรรายการโทรทัศน์และนางแบบชาวไทย
๐ งานในวงการบันเทิงของคุณเป็นอย่างไร?
แก้วอยู่วงการนี้มาประมาณ 8 ปี เริ่มตั้งแต่อายุ 14-15 ปี จากการเป็นนักร้องวงเฟย์ฟางแก้ว ค่ายกามิกาเซ่ ตอนนั้นยังไว้ผมสั้น ดูห้าวๆ หลายคนยังนึกว่าเป็นทอม แต่เป็นคอนเซปต์ของการทำงานมากกว่า จากนั้นจึงมีโอกาสได้เล่นภาพยนตร์ เรื่อง บางกอกกังฟู แล้วก็มีงานพิธีกร งานละครก็เล่นมา 6-7 เรื่อง
ความแตกต่างของนักร้องกับนักแสดง มันต้องเอนเตอร์เทนคนละแบบ เวลาโชว์บนเวที เราต้องดึงคนดูให้สนุกไปกับเรา แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ดี บนเวทีมันสด พลาดแล้วพลาดเลย แต่การเล่นละครอยู่หน้ากล้อง ก็ต้องแสดงให้ผู้ชมสนุก อินไปกับเรื่อง ถ้าพลาดก็ยังถ่ายทำใหม่ได้
สำหรับแก้วมองว่า การร้องเพลงเป็นสิ่งที่เราชอบ เป็นตัวของตัวเอง มีแฟนคลับที่รักเรา ทำให้รักและสนุกกับการเป็นนักร้อง ส่วนการแสดงเป็นการสวมบทบาทเป็นคนอื่น ต้องทำในสิ่งที่แปลกใหม่ ไม่ใช่เรา แต่ก็ท้าทาย ทำให้ยิ่งสนุกกับการทำงานตรงนี้ แต่ก็ยังไม่ทิ้งงานเพลง
เมื่อผู้ใหญ่เห็นในความสามารถว่าเหมาะสมและน่าจะแสดงละคนได้ดี แก้วก็ไม่อยากเสียโอกาสตอนนี้ไป การเล่นละครช่วงแรกยากมากโดยเฉพาะเรื่องอารมณ์ ต้องปรับและฝึกตัวเองเยอะมากกับการขยับมาทำงานอีกรูปแบบหนึ่ง
การปรับตัวของแก้วก็ต้องมีสมาธิมากขึ้น ทำการบ้านมากขึ้น ยิ่งเราอยากทำงานที่ชอบในวงการให้อยู่ยาวนานแบบยั่งยืน ยิ่งต้องฝึกตัวเองให้หนักขึ้น เพราะคลื่นลูกใหม่ก็มีเข้ามาเยอะ
เราอาจจะไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร แข่งกับตัวเอง กล้ารับการเปลี่ยนแปลง ลองทำอะไรที่แปลกใหม่ ท้าทาย อย่ายึดติดกับสิ่งเดิมๆ น่าจะสนุกกับการทำงานตรงนี้ได้อีกนานค่ะ
๐ 8 ปีในวงการได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
หน้าที่ ความรับผิดชอบ ความอดทนและโอกาส เป็นสิ่งที่แก้วได้เรียนรู้และเข้าใจมากขึ้น ตอนเด็กๆ อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีกฎเกณฑ์เยอะ แต่พอโตขึ้น ทำงานกับคนหมู่มากเยอะขึ้น สภาพแวดล้อมทุกอย่างที่อยู่รอบตัวจะสร้างอะไรบางอย่างให้เราเรียนรู้ไปพร้อมกัน
การทำงานกับหลายๆ คนหลาย ๆ ส่วน ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ต้องรู้จักฟัง คิด แก้ไข ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง คุณถึงจะเดินไปข้างหน้าได้ แต่ต้องไม่เสียความเป็นตัวตนของเรา
การเป็นตัวของตัวเองสำคัญ ความเสมอต้นเสมอปลายก็สำคัญ การรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ก็สำคัญ เรื่องไหนที่รู้ว่าสำคัญก็ต้องรักษาและทำอย่างเคร่งครัด และหากเราจะทำงานในวงการ โอกาสทุกอย่างที่ผู้ใหญ่มอบให้ ถ้าทำแล้วมีความสุข ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือทำให้ไม่สบายใจ ก็ใช้โอกาสนั้นในการแสดงให้ท่านเห็นถึงความไว้วางใจและศักยภาพที่มีในตัวเราค่ะ
๐ ตอนนี้มีผลงานอะไรบ้าง?
ตอนนี้มีงานละคร 2 เรื่อง กำลังออกอากาศอยู่ทางช่อง 8 คือ “เพลิงพ่าย” และซีรีย์ “หลวงพี่ดิจิตอล” ทั้งสองเรื่องแตกต่างกันสุดขั้วเรื่อง “หลวงพี่ดิจิตอล” เป็นละครธรรมะอารมณ์ดี แนวคอมเมดี้ ฮาๆ เล่นไม่ยากเพราะคงคาแรกเตอร์ของเราไว้ แล้วเสริมมุกตลกลงไปเพื่อตามพี่ๆ นักแสดงให้ทัน
แต่สำหรับ “เพลิงพ่าย” ถือว่าพลิกคาแรกเตอร์มาก จากเดิมเน้น แก่น ห้าว ฮา แต่ครั้งนี้ต้องเล่นเป็นผู้ใหญ่ ทำให้ต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้เข้าถึงบทว่า ทำไมถึงยอมน้องสาวมากขนาดนี้ จากชีวิตจริงที่แก้วเป็นน้อง ก็ต้องเรียนรู้เพิ่ม โดยเฉพาะการออกเสียง ท่าทาง ที่ยังดูเด็กๆ ไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ก็ต้องฝึกเพิ่มทั้งการแสดงและบุคลิกให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น
สำหรับดราม่าหนักๆ ถือว่าเป็นครั้งแรก เพราะปกติที่เคยเล่นละครมาก็จะเป็นคอมเมดี้ ส่วนกระแสตอบรับมีมาตั้งแต่ละครยังไม่ออกอากาศ พอรู้ว่าแก้วต้องมาเล่นบทนี้จะมีเข้ามาคอมเม้นท์รูปเวลาเราเอาลงโซเชียลมีเดีย คนดูอยากเห็นแก้วเล่นบทดราม่า เจ้าน้ำตา ฉากปะทะอารมณ์ คือเขาไม่เคยเห็นเราเล่นบทแบบนี้ ก็รอดู แต่พอละครออกอากาศ กระแสตอบรับดีมาก เกิดความสงสารที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอด บางคนชมว่าร้องไห้เก่ง มาให้กำลังใจกันเยอะมาก ก็ดีใจที่ทุกคนชอบ เพราะการตัดสินใจเล่นเรื่องนี้ น่าจะเป็นการฉีกตัวเอง ก้าวข้ามบทที่โตขึ้นอีกหนึ่งก้าวค่ะ
ปัญหาหลักของแก้วคือ เรื่องการร้องไห้ ตอนถ่ายเพลิงพ่ายช่วงแรก เปิดมาต้องร้องไห้ ต้องรู้สึกเศร้าสะเทือนอารมณ์เลย มันยากมากค่ะ เหมือนเรายังไม่อินไปกับตัวละคร และยิ่งร้องไห้ไป มีบทพูดไปด้วย บางครั้งมันกังวล แต่พอเริ่มอินมากขึ้น ทุกอย่างก็ง่าย ต้องขอบคุณพี่เอ๊ะ (อิศริยา สายสนั่น) ผู้จัดละคร และผู้กำกับ พี่เบิร์ด (ภูมิภัทร สังวาลย์วรกุล) ที่ช่วยอธิบายอารมณ์ที่อยากได้ ทั้งยังแนะนำเทคนิคการเล่น การสร้างอารมณ์ให้อินไปกับตัวละคร จึงช่วยได้เยอะมาก
๐ ทั้งงานเพลง งานละคร มีวันหยุดพักผ่อนไหม?
การพักผ่อนสำหรับแก้ว ไม่ได้มีวันว่างติดๆ กัน ส่วนมากก็ 1 วันชอบที่จะอยู่บ้าน นอนหรือไปออกกำลังกาย นอกจากนี้ก็เข้าฟิตเนสสัปดาห์ละ 3-4 วัน เพิ่มกล้ามเนื้อให้ดูแข็งแรงขึ้น จากปกติที่ชอบออกกำลังกายอย่างแบดมินตันหรือเล่นกอล์ฟ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลา ฟิตเนสตอบโจทย์ที่สุด เพราะแก้วชอบกิน กินเยอะด้วย ยิ่งของอร่อยเราก็จะไม่ค่อยคิดเรื่องน้ำหนัก แต่ก็ไม่ได้ปล่อยจนไม่ควบคุม ถ้ามากเกินไป คุณแม่จะเบรก พี่ๆ ก็จะเตือนว่าไม่ได้แล้วนะ ต้องลด เราก็พยายามทำ แม้จะทรมานเล็กๆ (หัวเราะ)
คนไทยแปลกนะ ชอบให้ตัวเองผอมๆ หรืออยากผอม ทั้งที่หนูคิดว่า คนที่หุ่นดี สุขภาพดี มีน้ำมีนวล เจ๋งกว่า
สำหรับอาหารไม่ได้มีหลักอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้เสริมอะไรเป็นพิเศษ แก้วก็กินปกติ 3 มื้อ แต่ที่บ้านมีคุณแม่คอยดูแลเรื่องอาหารการกินอยู่แล้ว ท่านเน้นวิตามินจากผักผลไม้สดและดื่มน้ำสะอาดมากๆ ค่ะ พื้นที่ในตู้เย็นจะมีแต่ผักผลไม้เป็นส่วนมาก ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลมก็ไม่ค่อยทานอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ชอบกินอะไรที่มันๆ เลี่ยนๆ ด้วย
ดังนั้น ถ้าถามว่า การดูแลสุขภาพในแบบตัวเองมีอะไรเป็นพิเศษ ก็คือ กินอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลจากภายในสู่ภายนอก พยายามไม่เครียด ทำอะไรที่เราสบายใจ อย่างการถ่ายรูป ดูหนัง ฟังเพลง ดื่มน้ำเยอะๆ จะดีต่อผิวต่อสุขภาพค่ะ
๐ แล้วเรื่องการดูแลรูปร่างหน้าตา?
เราทำงานตรงนี้ เรื่องรูปร่างหน้าตา หลีกเลี่ยงที่จะไม่ดูแลคงไม่ได้ แต่แก้วก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษมาก ทำปกติแบบที่ผู้หญิงทั่วไปทำกัน ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ ทาครีม ไปนวดหน้า รักษาผิวบ้าง เพราะเราใช้งานกับร่างกาย ผิวพรรณเยอะ บางครั้งก็ต้องดูแลฟื้นฟูกันบ้าง ไม่มีใครไม่อยากสวยหรือดูดีอยู่ตลอดเวลาหรอกค่ะ แต่เอาที่พอดี หรือช่วงไหนว่างก็เน้นก็บำรุงมากกว่าปกติค่ะ
ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ก็ดูแลตัวเองปกติ แล้วก็มีบริษัท พี่ๆ ผู้ใหญ่ แนะนำสิ่งที่เหมาะสมให้อยู่แล้ว แล้วส่วนตัวเราก็ไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดี เพราะรู้หน้าที่ของตัวเองว่า ทำงานตรงนี้ เท่ากับเป็นคนที่อยู่ในที่แจ้ง จะถูกจับจ้องอยู่แล้ว เราก็จะไม่ทำอะไรที่ไม่ดี หรือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับน้องๆ