ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์

ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์

ศูนย์หน้าอันดับหนึ่งของไทยได้รับการยกย่องจากเหล่าคอบอลด้วยคำว่า ‘เทพ’ ทั้งฝีเท้าฉกาจฉกรรจ์และแง่มุมคิดที่ลุ่มลึกในวงการลูกหนัง

ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายที่ “มุ้ย-ธีรศิลป์ แดงดา” จะติดโผรายชื่อทุกครั้งที่มีการจัดอันดับนักฟุตบอลไทยพรีเมียร์ระดับแถวหน้า ด้วยทักษะความสามารถครบถ้วนที่รวมอยู่ในตัวคนเดียวทั้งความแข็งแรง ความว่องไว เทคนิคส่วนตัวและความแม่นยำในการยิงประตู ชัดเจนที่จะบอกว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็น ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์แห่งสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด


ขณะที่เยาวชนนักเตะมองเขาเป็นไอดอลบนเส้นทางการค้าแข้ง ด้วยการเป็นผู้เล่นไทยคนแรกที่ได้ลงเล่นในฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศสเปน ทั้งมีโอกาสไปร่วมทีมกับลีกอังกฤษอย่าง “แมนเชสเตอร์ซิตี้” รวมถึงสโมสรฟุตบอลในสวิตเซอร์แลนด์
บันไดสู่ความสำเร็จของเขาคือ ความรักในกีฬาชนิดนี้ สะท้อนชัดเจนจากสีหน้าและนัยน์ตาที่แวววาวขณะพูดถึงฟุตบอลและเกมในสนามแข่ง


๐ เสน่ห์ของเกมฟุตบอลอยู่ตรงไหน?
ความสนุก เวลาอยู่ในสนามเป็นเวลาที่มีความสุขมาก บางครั้งเจอเรื่องอื่นมาเครียดๆ แค่ได้ลงสนามเล่นกับเพื่อนก็ทำให้ลืมทุกอย่าง เรื่องเครียดนอกสนามไม่มีในหัว แมทช์ไหนถ้ามีความสุขหรือสนุกที่ลงไปเล่น ส่วนใหญ่ก็จะทำได้ดี


๐ ความสุขนอกสนามของคุณคืออะไร?
ไม่มีครับ ผมไม่มีของสะสม ไม่มีงานอดิเรก อาจมีเล่นเกมบ้างเหมือนกับเด็กผู้ชายทั่วไป ช่วงที่ว่างเว้นจากการแข่งขันก็พักผ่อนต่างจังหวัด ไปเที่ยวบ้าง ไม่ได้วางแผนอะไร อยากทำอะรก็ทำ อยากไปก็ไป จากปกติช่วงฤดูกาลแข่งขัน ชีวิตอยู่ในแบบแผนอยู่แล้ว ตื่นเช้าก็ซ้อม กินข้าว ซ้อม กลับบ้าน นอน ไม่สามารถไปทำกิจกรรมอื่นหรือทำตามใจตัวเอง พอหมดฤดูกาลแข่งขันผมก็อยากใช้ชีวิตสบายๆ ไม่ต้องมีแบบแผน ไม่ต้องมีตารางเวลามากำหนด
แต่ก็ต้องยอมรับว่าชีวิตอาชีพนักฟุตบอลสั้น อาชีพอื่นอาจจะเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี แต่อาชีพนักฟุตบอลมีช่วงเวลาแค่ 10-15 ปี พอคุณอายุ 30-31 ก็ถือว่าช่วงท้ายแล้ว ที่ผ่านมาผมจึงตัดเรื่องอื่นออกไปก่อน อยากอยู่กับฟุตบอลอย่างเต็มที่ เรื่องอื่นก็เอาไว้ในอนาคตค่อยมาว่ากันอีกที


๐ ชีวิตวัยเด็กเป็นอย่างไร?
คุณพ่อ (พ.อ.อ.ประสิทธิ์) เป็นนายทหารอากาศ ชอบฟุตบอลมากและเป็นผู้เล่นให้กับทีมของทหารอากาศด้วย ท่านพยายามปลูกฝังโดยพาผมไปดูท่านซ้อมเตะกับเพื่อนๆ แล้วก็เล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับฟุตบอลให้ฟัง ผมก็นั่งดูบ้าง หลับรอบ้าง สิ่งเหล่านี้ก็ค่อยๆ ซึมซับโดยไม่รู้ตัว ท่านยังวางเส้นทางอนาคตให้ด้วยการพาไปสมัครเข้าโครงการนักกีฬาทุนโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ต้องเข้าไปเป็นนักประจำที่กินนอนอยู่ในโรงเรียน ตั้งแต่มัธยมปีที่ 1 - 6 กิจวัตรประจำเช้าเย็นคือซ้อมบอลส่วนกลางวันก็เรียนหนังสือ
การฝึกซ้อมที่โรงเรียนทำให้ผมเริ่มพัฒนาทักษะการเล่นมาเรื่อยๆ เห็นเพื่อนติดทีมชาติก็อยากเก่งเหมือนเขา เพื่อนจึงเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งที่กระตุ้นให้ต้องพัฒนาตัวเอง แต่รุ่นผมตอนที่จบมัธยมปลาย ลีกฟุตบอลอาชีพยังไม่ชัดเจน เพื่อนๆ ก็เลยกระจัดกระจายไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยบ้าง ก็เหลือผมนี่แหละที่เลือกฟุตบอลแทนการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย


๐ แล้วความรักในฟุตบอลเกิดขึ้นอย่างไร?
ส่วนหนึ่งจากที่คุณพ่อปลูกฝัง ตามมาด้วยการได้ลงสนามเล่นๆ กับเพื่อนวัยใกล้เคียงกัน ก็รู้สึกว่าสนุก ชอบ อย่างน้อยก็ได้เจอเพื่อน ได้เล่นสนุกกับเพื่อนทุกๆ เย็น โดยมีฟุตบอลเป็นตัวเชื่อม ความรู้สึกเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อได้เข้าเรียนอย่างจริงจังที่อัสสัมชัญ


๐ คุณพ่อเป็นแรงบันดาลตัวจริง?
คุณพ่อสำคัญมาก ด้วยความที่ผมโตมากับท่านตลอด ท่านสอนทุกอย่าง ตามไปอยู่ข้างสนามทุกนัดในการแข่งฟุตบอลนักเรียน กระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่งผมอายุประมาณ 14 ปี ท่านติดธุระมาไม่ได้ ผมเองก็ทราบอยู่แล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคอยมองหาจนขาดสมาธิในการเล่น ขาดความมั่นใจ เหมือนเล่นไม่เป็น ครั้งนั้นก็ทำให้คิดได้ว่าเราต้องโตขึ้นแล้วนะ แต่ถึงยังไงก็ยังอดมองหาท่านไม่ได้อยู่ดี ท่านเป็นโค้ชและเรียนโค้ชมาด้วยครับ เวลาคิดไม่ออกก็จะมองไปที่ท่าน บางช่วงท่านก็จะส่งจดหมายน้อยจากข้างสนามแนะนำเทคนิคการเล่น


๐ นักฟุตบอลในดวงใจ?
พี่ซิโก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) ตอนที่ผมติดทีมชาติรายการแรกก็เป็นรายการสุดท้ายของพี่ซิโก้ ตอนนั้นสมาชิกในทีมก็เป็นรุ่นพี่ๆ มีแค่ผมที่เป็นเด็ก โค้ชหรั่ง (ชาญวิทย์ ผลชีวิน) ก็จัดให้ผมกับพี่ซิโก้พักด้วยกัน ทำให้ได้เรียนรู้และเห็นทุกอย่างทั้งเรื่องในสนาม นอกสนาม การวางตัวและการดูแลตัวเอง
ส่วนนักเตะต่างประเทศก็ชอบ ซีเนดีน ซีดาน สุดยอดตำนานมิดฟีลด์ตัวรุก ก็ไม่เกี่ยวกับศูนย์หน้าเลย ผมชอบความสวยงามในการเล่นบอลของเขา เล่นบอลได้เป็นศิลปะ มีการเคลื่อนไหวที่สวยงาม ซีดานไม่ใช่นักเตะที่เร็ว แต่ก็ใช้ในสิ่งที่ตัวเองมีได้อย่างสมดุล


๐ ประตูยิงที่ประทับใจ?
ลูกที่ยิงออสเตรเลียกับโอมานได้เมื่อตอนคัดบอลโลก มันไม่ใช่ประตูที่สวยที่สุด แต่มีความหมายมากกว่าประตู 1-0 โดยเฉพาะกับออสเตรเลียที่ก่อนแข่ง มีแต่คนบอกว่าไทยสู้ไม่ได้ ไม่มีใครเชื่อว่าเราจะยิงได้ จะทำประตูนำไปก่อนได้ พอผมยิงได้ พวกเราคิดกันเลยว่า เราสู้ทีมระดับโลกได้เช่นกัน ถ้าทีมมีความพร้อม เตรียมการเล่นมาดีและมีวิธีการเล่นที่ดี ถ้าตั้งใจจริงก็ทำได้เหมือนกัน


๐ ความสำเร็จในวันนี้เป็นเพราะอะไร?
อันดับแรกคือการฝึกซ้อมที่หนักมาก แล้วก็มีเรื่องของวินัยทั้งในสนามและนอกสนาม หมายความว่าต้องเคร่งครัดตลอด 24 ชั่วโมง ต้องดูแลตัวเอง จะไปกิน เที่ยว ดื่ม ไปเดินห้างไม่ได้ พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารให้สมบูรณ์ เรื่องนี้ไม่มีคนข้างนอกมาบอก เราต้องรู้และดูแลตัวเอง ขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆ ว่า เช้าต้องตื่นมากินไหม อาหารเที่ยงไม่กินไม่ได้ ไม่กินก็ไม่มีแรงซ้อม
การซ้อมสำคัญมาก ถ้าซ้อมมากก็มั่นใจ ก็รู้ว่าเพื่อนอยู่ตรงไหน การเล่นหรือการตัดสินใจในสนามที่มีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็จะผิดพลาดได้น้อยสุด


๐ สไตล์การเล่นของคุณเป็นอย่างไร?
ผมไม่ใช่สไตล์ศูนย์หน้ายิง 100% ไม่ใช่สไตล์ผู้เล่นที่ไม่เห็นอยู่ในเกมแล้วโผล่มารอยิงอย่างเดียว ผมเล่นกับเพื่อนได้ จ่ายบอลให้เพื่อนยิงได้ เมื่อก่อนจะเห็นว่าบอลไทยเน้นใช้กองหน้า 2 คนคือ คนใหญ่แข็งแรง ครองบอลดีๆ เพื่อให้เพื่อนเติมขึ้นมา อีกคนก็จะตัวเล็กๆ วิ่งเร็วๆ คอยวิ่งมายิง พอเริ่มโตมาผมก็คิดว่าทำอย่างไรให้มีโอกาสลงสนาม ไม่ว่าจะทีมชาติหรือบอลนักเรียน ผมต้องรวมความสามารถของของคนตัวใหญ่และคนวิ่งเร็วไว้ในตัวเองให้ได้ ต้องเก็บบอลได้ เลี้ยงได้ โหม่งได้ ทำได้ดีทั้งสองแบบ ต้องทำให้ได้หลายๆ อย่าง


๐ การเข้าร่วมสโมสรอัลเมเรีย สเปน?
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นภาคภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในลาลีกาของสเปน เริ่มจากมีเอเย่นต์มาดูฟอร์มการเล่นแล้วนำเสนอไปทางสโมสรอัลเมเรีย ผมโชคดีมีโอกาสไปต่างประเทศหลายครั้ง คนไทยส่วนคิดว่าส่งเด็กไปฝึก 2 เดือนกลับมาก็จะเก่งกว่าคนอื่นๆ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด คุณไปฝึกซ้อมก็จริงแต่ก็ต้องได้ลงสนามแข่งด้วย ไม่ใช่ไปซ้อมอย่างเดียวเป็นสิงห์สนามซ้อม ไม่ได้เข้าสู่ระบบอาชีพจริงๆ
ที่สเปน ผมได้เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพของลีกระดับโลกที่มีอายุยาวนานร่วมร้อยปี เขาทำงานกันทุกอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่โค้ช ทีมงาน ทีมแพทย์จนถึงรายละเอียดปลีกย่อยเรื่องอาหาร เทียบกับลีกไทยซึ่งถือว่ากำลังเริ่มต้นตั้งไข่ หัดเดินหัดวิ่ง กำลังหาจุดที่เหมาะสม มีการลองผิดลองถูกอยู่ว่าอันใดจะดีกว่า เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา


๐ ก่อนไปสเปน ตัดสินใจยากไหม?
ไม่ยากครับ แต่ยากตอนตัดสินใจขอยกเลิกสัญญา อาจเพราะเคยไปฝึกซ้อมมาแล้ว 2-3 ครั้งก็รู้ว่าต้องเจออะไร ที่สำคัญคือใจมันอยากไปอยู่แล้วเพราะนี่คือลาลีกาสเปน ที่มีบาเซโลน่า มีแอต.มาดริด ความสนใจของผมเทให้กับส่วนของฟุตบอล แล้วก็คิดว่าปัญหารอบข้างคงไม่เท่าไร แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ส่งผลต่อในสนาม โดยเฉพาะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารที่ทำได้ไม่ดีเท่าไร


๐ วางอนาคตไว้อย่างไร?
อีก 3-4 ปีน่าจะพัก แต่ผมก็อยากเล่นให้นานที่สุด บอลไทยลีกตอนนี้เหมือนทำร้ายผู้เล่น ยกตัวอย่างผมเตะมา 2 ปีพักเต็มที่ก็ประมาณ 10 วัน ร่างกายควรมีเวลาพักมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจซ้อมนะ แต่ถ้าเป็นลีกต่างประเทศจะให้ผู้เล่นมีเวลาพัก 2-3 เดือนแล้วกลับมาเล่นใหม่ นักเตะลีกไทยเหมือนคนทำงานหนักทุกวันก็จะเบื่อ บางครั้งก็คิดไม่ออก เวลาเล่น ร่างกายก็ยังใช้ได้ ยังวิ่งได้ แต่ในสมองก็คิดไม่ออก บางครั้งก็ไม่รู้จะส่งเพื่อนอย่างไร เหมือนเล่นตามปฏิกิริยาที่ซ้อมมา ไม่มีจินตนาการออกจากตัวเอง


๐ จะบอกเด็กที่อยากเข้าสู่อาชีพนี้อย่างไร?
อย่ากลัวที่จะฝึกหนัก มันเป็นสิ่งที่เจออยู่แล้ว บางทีก็ต้องแข่งกับตัวเอง ถึงแม้จะเหนื่อยมากจนท้อ ไม่เอาแล้ว อยากกลับบ้าน แต่ด้วยความรักและชอบจะทำให้มีแรงฮึดสู้ต่อ เพื่อนก็มีส่วนสำคัญที่คอยให้กำลังใจและความช่วยเหลือ บ่อยครั้งเพื่อนจะบอกว่า ทนอีกนิดนะก็จะถึงแล้ว ค่อยๆ วิ่งมาพวกเรารออยู่ หรือบางครั้งก็ ไหวไหมๆ มาวิ่งไปด้วยกัน พวกผมก็จะมีคำพูดกันประมาณว่า “เอาหน่อยน่า อาบน้ำเดี๋ยวก็หายเหนื่อยแล้ว” ก็จริงตามนั้น
ทุกวันนี้เส้นทางสู่นักฟุตบอลอาชีพเปิดกว้าง หลายๆ จังหวัดมีสโมสรของตัวเองแล้วก็เปิดรับสมัครอยู่บ่อยๆ เริ่มตั้งแต่ทีมเยาวชนรุ่นอายุ 12 ปีขึ้นไป สโมสรอยากจะปั้นเด็กใหม่จากคนในพื้นที่ ซึ่งมีความผูกพันกับท้องถิ่น กองเชียร์ก็เป็นคนในท้องถิ่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าคุณต้องใช้เวลาและความสามารถที่มีอยู่เหมือนกัน
สิ่งสำคัญคือคุณต้องมีวิธีคิดหรือทัศนะเกี่ยวกับฟุตบอลในมุมที่ดี และพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งต่างๆ ถ้าคุณปิดกั้นก็จะไม่รับสิ่งใหม่ โค้ชสอนอะไรใหม่ก็จะปฏิเสธ เหมือนกับว่าเคยเล่นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วจะเปลี่ยนทำไม แต่ในมุมกลับกันเพียงแค่เปลี่ยนมุมคิดว่า ลองดูว่าวิธีใหม่ของโค้ชเป็นอย่างไร ถ้าเล่นได้ คุณก็มีทักษะการเล่นเพิ่มขึ้น
......................
“กายใจ” ปิดท้ายการสนทนาด้วยการถามถึงเป้าหมายสูงสุดของเทพมุ้ย (ฉายาจากแฟนบอล) “อยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นๆ เรื่อยๆ” เป็นคำตอบที่คล้ายกับสองซูเปอร์สตาร์ลูกหนังโลก “เมสซี-โรนัลโด” พวกเขาเล่นบอลเพื่อความเป็นเดอะเบสท์ และเป็นคำตอบที่ก้าวพ้นเรื่องของชื่อเสียงเงินทองไปแล้ว