นักวิจัยชี้กิน'ดักแด้'22ตัว เทียบไวอากร้า
นักวิจัยพบสารสำคัญ “ซิลเดนาฟิล” ใน “ดักแด้ไหม” พันธุ์ไทยพื้นบ้าน ชี้กิน 22 ตัว เทียบชั้นไวอากร้า
นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า จากการที่นายวิโรจน์ แก้วเรือง ผู้เชี่ยวชาญกรมหม่อนไหม และคณะได้ร่วมกับ ผศ.ดร.สมชาย จอมดวง คณะอุตสาหกรรมเกษตร รศ.ดร.ปรัชญา วงศ์ทวีเลิศ และดร.ณัฐชัย ดวงนิล อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำการศึกษาวิจัยต่อยอดเพื่อศึกษาสารสกัดในดักแด้ไหมที่มีฤทธิ์ต่อร่างกาย โดยนำดักแด้ไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน2พันธุ์ คือ พันธุ์นางน้อยศรีสะเกษ-1และพันธุ์เหลืองสุรินทร์ ทั้งตัวผู้และตัวเมียเข้าสู่กระบวนการสกัด หลังตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการพบว่า ดักแด้ไหมทั้งตัวผู้และตัวเมียมีฤทธิ์เทียบเท่าสารซิลเดนาฟิล (Sildenafil)หรือไวอากร้า โดยมีฤทธิ์เป็น102%ของซิลเดนาฟิล และสารสกัดจากดักแด้ไหม จำนวน 22 ตัว จะมีฤทธิ์เทียบเท่าไวอากร้าขนาด 100 มิลลิกรัม
ทั้งนี้ สารสกัดในดักแด้ไหมเป็นสารที่มีฤทธิ์เช่นเดียวกับที่มีในยาไวอากร้า ซึ่งจากการทดสอบทางห้องปฏิบัติการพบว่า สารสกัดจากดักแด้ไหมและสารซิลเดนาฟิลมีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดโดยเฉพาะในเพศชาย ทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัวเมื่อมีสิ่งเร้าหรือมีสิ่งมากระตุ้น หรือแค่ใจเกิดความต้องการทางเพศ ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ความเป็นชายคึกคักฟิตปั๋งได้เทียบชั้นหรืออาจดีกว่ายาไวอากร้า
นอกจากนั้น ดักแด้ไหมยังมีโปรตีน เกลือแร่และมีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายชนิดถึง67 %เช่น กรดไลโนเลอิก (linoleic acid)ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโอเมก้า-6ที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างสมองร่วมกับโอเมก้า-3ที่ช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทั้งยังมีกรดไลโนเลนิก (linolenic acid)ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโอเมก้า-3ที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองในด้านการมองเห็น การปรับตัว การเรียนรู้ และอารมณ์ และดักแด้ไหมยังอุดมไปด้วยวิตามินบี1และวิตามินบี2ด้วย
“คนไทยนิยมบริโภคดักแด้ไหมที่สุกแล้ว โดยนำไปคั่วซึ่งมีรสมันและอร่อยดี หรือนำไปปรุงอาหารชนิดอื่นก็ได้ เช่น ยำ ไข่เจียวดักแด้ และกะเพรา เป็นต้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะบริโภคดักแด้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะมีดักแด้ไหมขายตามฤดูกาลเลี้ยงไหม ราคากิโลกรัมละ ประมาณ 150-200 บาท ขณะที่ชาวญี่ปุ่นก็บริโภคดักแด้ไหมที่ปรุงแล้วเช่นเดียวกับชาวจีน เกาหลี อินเดีย และพม่า ซึ่งซุปเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งมีการนำดักแด้ไหมไปวางจำหน่ายเพื่อรองรับความต้องการ และในอนาคตองค์การสำรวจอวกาศการบินญี่ปุ่นจะนำดักแด้ไหมไปเป็นอาหารของนักบินอวกาศด้วย เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก” อธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าว