ปริณดา ประจักษ์ธรรม ทายาทสาวแห่งไทยออพติคอล

เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ สำหรับ “ปริณดา ประจักษ์ธรรม” ทายาทสาวในเครือข่ายหอแว่นกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจร้านแว่นตาที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 50ปี
เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ สำหรับ “ปริณดา ประจักษ์ธรรม” ทายาทสาวในเครือข่ายหอแว่นกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจร้านแว่นตาที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 50 ปี
“ปริณดา ประจักษ์ธรรม” ทายาทสาวหนึ่งเดียวของ “สว่าง ประจักษ์ธรรม” ประธานกรรมการไทยออพติคอลกรุ๊ป จึงคลุกคลีอยู่กับร้านแว่นตาตั้งแต่เกิดแถมยังมีแบ็คอัพแข็งแรงสุดๆ เธอจึงก้าวออกมาสร้างแบรนด์ของตัวเอง “Glazziq” (กลาซซิค) เปิดช้อปแว่นตากับบรรยากาศสบายๆ ในร้านกาแฟชื่อ พริณทาคาเฟ่ (Printa Café) ตกแต่งสไตล์มินิมอล เน้นการใช้สีขาวเป็นหลัก ทำให้ดูสะดุดตาและหาไม่ยาก แม้จะอยู่ในตรอกเล็กๆ ด้านหลังวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) ถนนปั้น
ปริณดาเริ่มต้นการเรียนที่โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา ต่อปริญญาตรีวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เรียนจบตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปีจากนั้นต่อปริญญาโท 2 ใบด้านซัพพลายเชนที่ Warwick มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ แถมด้วยเอ็มบีเอที่ Kellogg School โรงเรียนการจัดการของมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น เคยทำงานที่มิตรผล ประเทศจีน และสุดท้ายทำที่ Boston Consulting Group บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก
กว่ามาถึงวันนี้ได้เพราะครอบครัวให้อิสระในการคิดและตัดสินใจตั้งแต่เด็ก ไม่เคยบังคับให้ต้องทำโน่นทำเนี่ย แม้จะเป็นลูกคนเดียวก็ไม่เคยถูกกดดัน เธอจึงใช้ชีวิตวัยเด็กเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ แม้กระทั่งโดดเรียน แต่ความที่เป็นเด็กหัวดีจึงไม่มีปัญหาเรื่องการเรียน โดยสามารถรักษาอันดับ 1 ใน 10 มาตลอด
ปริณดา เล่าถึงวีรกรรมความเกเรในวัยเรียนว่า คุณครูเรียกผู้ปกครองมาพบ ระหว่างนั้นได้เห็นสีหน้าความผิดหวังของคุณพ่อคุณแม่ และรับรู้ได้ว่าท่านเสียใจกับพฤติกรรมแบบนั้น แม้ว่าจะไม่ถูกลงโทษแต่เธอก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปหลังจากนั้นทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอกลับมาตั้งใจเรียน ราวกับเป็นคนละคน
ด้วยสิ่งแวดล้อมและวัฒธรรมของมหาวิทยาลัยคลิกเข้ากับตัวเธอ จึงได้เรียนรู้และทำกิจกรรมเยอะมาก ทำให้กล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนและสามารถกลับมาสานความฝันในวัยเด็กที่อยากทำธุรกิจ เพราะซึมซับมาจากคุณพ่อตั้งแต่จำความได้
“ทุกครั้งที่ไปตามห้างสรรพสินค้ามักจะแวะคุยกับพนักงานในร้าน เมื่อพบหรือเห็นประเด็นปัญหา หรือไอเดียใหม่ๆ ก็มักจะพูดคุยกับคุณพ่อว่าทำแบบนี้ดีไหม ปัญหาแบบนี้แก้อย่างไร ที่บ้านเลี้ยงลูกเหมือนกับเพื่อนคือ สามารถปรึกษาพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะดาที่ก๊อบปี้คุณพ่อมา 100% ทั้งมุมมองความคิดรวมทั้งหน้าตาตามหลักคนจีน ก็ถือว่าดี (หัวเราะ)”
สิ่งที่ได้จากพ่อคือ การที่เติบโตมาจากครอบครัวนักธุรกิจตั้งแต่เล็กทำให้ซึมซับเรื่องราวธุรกิจเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว
*คัดย่อจาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2559