‘กัปตันอุ้ย’ นายทหารกับหลักแห่งความ‘พอเพียง’

‘กัปตันอุ้ย’ นายทหารกับหลักแห่งความ‘พอเพียง’

พันตรีชำนาญ วงศ์รักษา ผู้ช่วยนายทหารปฏิบัติการข่าว กองทัพภาคที่ 3 เป็นอีกคนที่น้อมนำ "หลักการทรงงาน” ของพระองค์ท่านมาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติงาน

พันตรีชำนาญ วงศ์รักษา ผู้ช่วยนายทหารปฏิบัติการข่าว กองทัพภาคที่ 3 เป็นอีกหนึ่งคนที่น้อมนำ “หลักการทรงงาน” ของพระองค์ท่านมาใช้เป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติงานให้ประสบความสำเร็จและนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ชีวิต


ตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชย์ พระองค์ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทรวมถึงคำสอน มอบให้กับพสกนิกรในประเทศได้น้อมนำไปเป็นแนวทางการพัฒนาชีวิตตนและสังคมให้พบประโยชน์สุขอย่างยั่งยืน พันตรีชำนาญ วงศ์รักษา ผู้ช่วยนายทหารปฏิบัติการข่าว กองทัพภาคที่ 3 เป็นอีกหนึ่งคนที่น้อมนำ “หลักการทรงงาน” ของพระองค์ท่านมาใช้เป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติงานให้ประสบความสำเร็จและนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ชีวิตตนเองและสังคมไทย

พันตรีชำนาญหรือ“กัปตันอุ้ย” ผู้ดำเนินรายการแทนคุณแผ่นดิน ออกอากาศทางทีวีดิจิทัลช่อง NOW26 รายการทีวีเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยร่วมทำดี เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำชุดที่ 94 เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ ก่อนหน้านี้ปฏิบัติหน้าที่เป็นนักบินของกองทัพบก

“ผมศรัทธาในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งในตรรกะของผมก็คือ การใช้ชีวิตอย่างสมดุลตามอัตภาพ พออยู่พอกินสมควรตามฐานะ หรือใช้ชีวิตอยู่ในสมดุลตามธรรมชาติของตนอย่างมีความสุข”

ทั้งนี้ นิยาม “3 ห่วง 2 เงื่อนไข” ที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำมาใช้รณรงค์เผยแพร่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วยความ “พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน” บนเงื่อนไข “ความรู้” และ “คุณธรรม”

กัปตันอุ้ย เสริมว่า นิยาม “3 ห่วง 2 เงื่อนไข” ดังกล่าวยังนำมาประยุกต์ใช้ได้กับอาชีพนักบิน ที่มีหลักการและวิธีคิดสอดคล้องกัน เช่น การคิดคำนวณวางแผนภารกิจให้สมดุล พอประมาณหรือเหมาะสมกับศักยภาพอากาศยาน บางภารกิจไม่จำเป็นต้องเครื่องใหญ่ หรือเปลี่ยนมาใช้อากาศยานลำเล็กที่เหมาะสมก็ลดการสิ้นเปลืองลงได้

“ผมโชคดีที่เป็นนักบินทำให้มีวิธีคิดประเมินอย่างนักบิน โดยหลังจากรับทราบภารกิจแล้วก็จะทำการวิเคราะห์ ต้องคิดทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับภารกิจ มีการวางแผนการบินอย่างละเอียด ตรวจสอบสภาพอากาศ ทิศทางการบิน สภาพการข่าวเป็นอย่างไร ตรวจดูความพร้อมของเครื่องบินและนักบิน และอื่นๆ”

หมายความว่า เราต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ตำแหน่งไหน ณ ปัจจุบัน มาจากไหนและจะไปไหน ไกลหรือใกล้ ระยะทางเท่าไร ความเร็วในการบิน ระดับความสูงเท่าไร นั่นก็คือหลักการมีสติ มีเหตุผล รู้ตัวเสมอ อย่างไรก็ตาม แม้การปฏิบัตินั้นยากที่เป็นไปตามแผนงาน 100% เหตถจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ แต่การปฏิบัติก็ต้องใกล้เคียงแผนที่สุด ดังนั้น นักบินจึงต้องมีความพร้อมที่จะแก้ปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงสอดคล้องกับหลักการ “มีภูมิคุ้มกัน” ซึ่งก็คือการมีแผนสำรองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินนั่นเอง

นอกจากหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว กัปตันอุ้ยยังน้อมนำหลักการทรงงานของพระองค์ท่านไปเป็นแนวทางการปฏิบัติงาน โดย 1 ในหลักการทรงงาน 23 ข้อของในหลวงคือ ศึกษาข้อมูลอย่างเป็นระบบ พระองค์ท่านทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบ จากข้อมูลเบื้องต้น จากเอกสาร แผนที่ สอบถามจากเจ้าหน้าที่ นักวิชาการและราษฎรในพื้นที่ เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพื่อที่พระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วตรงตามที่ประชาชนต้องการ

“การทำงานของผมจะมองภาพรวมทั้งหมดก่อน โดยศึกษาข้อมูลทั้งระบบแล้วจึงค่อยลงในรายละเอียด ซึ่งก็คือการวางแผนงานอย่างรัดกุม ไม่ประมาท ทำตามลำดับขั้นตอน”

อีกหนึ่งตัวอย่างคือเรื่องของ “หลักทำให้ง่าย" พระองค์ทรงคิดค้น ดัดแปลง ปรับปรุงและแก้ไขงาน โดยง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และที่สำคัญอย่างยิ่ง คือสอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนและระบบนิเวศโดยรวม ขณะที่อาชีพนักบินมีหลักปฏิบัติเคร่งครัดคือ จะไม่นำตัวเองไปอยู่ในสภาวะวิกฤติที่ต้องใช้ขีดความสามารถสูงสุดของนักบิน ซึ่งก็คือหลักทำให้ง่ายตามหลักการทรงงานนั่นเอง

“กรณีที่เจอเมฆพายุฝนสภาวะอากาศที่เลวร้ายที่สุด มีอันตรายอย่างยิ่งต่อเครื่องบินในอากาศ นักบินย่อมตัดสินใจหลีกเลี่ยงการบินผ่านเข้าไปในพายุฝนฟ้าคะนอง แม้จะเป็นนักบินที่มีประสบการณ์หรือมีชั่วโมงบินสูงก็ต้องเลือกบินอ้อมเมฆพายุนั้นๆ ยกเว้นแต่ผู้ที่มั่นใจในความสามารถของตัวเองผิดๆ”