กมลชนก ปานใจ สะกิดคู่รักปลุกพลังแห่งรัก
ต้อนรับวันแห่งความรักด้วยการเปลี่ยนมุมมองและเติมเต็มประสบการณ์ใหม่เรื่องรักๆใคร่ๆกับ 'กมลชนก ปานใจ' บล็อกเกอร์สุดฮอตมีผู้ติดตามร่วมหลักล้าน
ต้อนรับวันแห่งความรักด้วยการเปลี่ยนมุมมองและเติมเต็มประสบการณ์ใหม่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับ “กมลชนก ปานใจ” ผู้ที่ได้รับการกล่าวขานให้เป็น “กูรูด้านความสัมพันธ์” อ้างอิงจากเว็บบล็อกของเธอ www.kamonchanok.com มีผู้ติดตามเกือบแตะหลักล้าน ติดอันดับ Top 5 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และมั่นใจว่าภายในปีนี้จะทะลุหลักล้านอย่างแน่นอน
ดีกรีความสวยระดับนางแบบและเต็มเปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถระดับแถวหน้าการันตีด้วยรางวัลนักธุรกิจสตรีดีเด่นหน้าใหม่เมื่อปี 2539 ปัจจุบันเธอเป็นโค้ชผู้สร้างแรงบันดาลใจ คอลัมนิสต์และนักเขียนที่มีผลงานพ็อคเก็ตบุ๊คมาแล้ว 11 เล่ม เธอให้คำจำกัดความในความสามารถที่หลากหลายของตัวเองว่า “มัลติ-ทาเล้นท์” พร้อมคติพจน์ประจำใจว่า “ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ไม่มีเรื่องที่ไม่รู้” เสริมด้วยหลักคิดการใช้ชีวิตคือ “อย่ายึดติด” ในทุกๆ เรื่องทั้งงาน เงิน ความสัมพันธ์ ยกเว้นเรื่องสุขภาพและความรัก
“อย่าปล่อยตัวเองแต่ปล่อยทุกคนให้ได้ คือว่าใครทำอะไรก็ได้ อยากกินอยากทำก็ปล่อยให้ทำ แต่เราต้องไม่ปล่อยตัวเอง ต้องดูแลตัวเอง ดูแลความคิด ใส่ใจตัวเองให้ดีและสิ่งสำคัญคือ ทำตัวเองให้มีความสุขและคิดบวกตลอดเวลา”
การได้ให้และมีความรักนั่นคือความสุข กมลชนกติดการมีความรัก รักอะไรก็ เช่น ได้กอดแมว เดินออกกำลังก็มีความสุขแล้ว เฮ้ย...ได้ทำแล้วละ เป็นความสุขน้อยๆ ที่สร้างได้ทุกวัน สุข สนุก สุขภาพดี แข็งแรง ทำตัวเองให้บวกเข้าไว้ มองโลกในแง่ดี แล้วคนรอบข้างก็จะรู้สึกมีความสุขสนุกด้วย
“ดิฉันมักเชื่อว่า ดิฉันจะมีความรักเสมอ ดิฉันชอบตกหลุมรัก และเมื่อความสัมพันธ์ไปถึงจุดหนึ่ง จุดที่ทำให้ดิฉันครั่นเนื้อครั่นตัวหรือเริ่มอึดอัด ดิฉันมักจะรีบดีดตัวออกจากความสัมพันธ์นั้น ไม่ว่า มันจะเป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนหรือคนรัก เพราะใครบางคนอาจทำให้เราแค่ตกหลุมรักแต่อาจไม่สามารถมีชีวิตอยู่ด้วยกันได้ ไม่มีอะไรต้องคาดหวังหรือยืดเยื้อให้รำคาญใจ”
ด้วยคุณสมบัติที่ครบเครื่องทั้งความสวยและสติปัญญาย่อมเป็นที่หมายปองของเหล่าผึ้งภู่หมู่แมลง และเป็นโอกาสให้เธอได้เรียนรู้ทักษะการจัดการความสัมพันธ์ของหญิง-ชาย ทั้งในมุมที่ผิดพลาดและมุมที่สมหวัง
“มุมมองความรักก็เหมือนกับมุมมองชีวิตคือ ไม่ยึดติด ไม่คิดว่าเขาเป็นของฉัน ฉันเป็นของเขา ไม่ยึดติดว่าเราจะต้องรักกันตลอดไป เพราะไม่มีอะไรจีรังตลอดไป วันพรุ่งนี้เขาหรือเราอาจเป็นของคนอื่นก็ได้ พรุ่งนี้เขาบังเอิญไปต่างประเทศขณะนั่งเครื่องบิน มีผู้หญิงที่นั่งใกล้ตกหลุมรักอย่างรุนแรงแล้วพยายามทำทุกอย่างให้ได้เขา แล้วบังเอิญเป็นวันที่เราทะเลาะกัน แล้วไม่พูดกับเขาอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ ส่วนตัวเราเองก็ใครจะรู้ว่าวันพรุ่งนี้อาจเจอผู้ชายในฝันที่สุดของที่สุดที่สุด ถามว่าแล้วคุณจะจากไปไหม”
“แค่รู้สึกว่า ณ วันนี้จนถึงตอนนี้มีความสุขที่สุดให้ได้ทุกวันก็พอแล้ว และเมื่อใดที่เริ่มทะเลาะกัน เริ่มพูดไม่ดีเริ่มแย่ใส่กัน ให้บอกตัวเองเสมอว่า เวลามีน้อย จึงควรทำทุกนาทีให้ดีเสมอ ก่อนออกบ้านทุกวันทุกครั้งก็กอดกันแน่นๆ 1 ที เพราะเราไม่รู้ว่าเดินออกจากบ้านไปแล้วจะจากไปตลอดกาลหรือไม่”
คำแนะนำพื้นฐานสำหรับหนุ่มสาวที่ยังรักกันดีอยู่และเป็นวิธีที่เธอปฏิบัติกับสามีรวมถึงคนใกล้ชิดรอบข้างและคุณพ่อคุณแม่ แม้ว่าช่วงแรกจะขัดเขิน แต่เมื่อทำบ่อยครั้งก็กลายเป็นเรื่องปกติ อีกหนึ่งคำแนะนำสำหรับรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวคือ การทำชีวิตให้สนุกและสรรหากิจกรรมใหม่ๆ มาเซอร์ไพรส์ชีวิตคู่ให้บ่อยครั้ง
“ทำให้เขารู้สึกว่า อยู่กับเราแล้วเดาไม่ได้ ไม่รู้ว่าวันนี้จะถูกพาไปไหน จะทำอะไร ให้มีกิจกรรมตลอดเวลา ไม่ใช่ตื่นมาแล้วก็เจอสิ่งเดิมๆ มันไม่สนุก เมื่อในบ้านไม่สนุก เขาก็จะออกไปแสวงหาความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจจากนอกบ้าน”
แต่สิ่งเดิมๆ อย่างหนึ่งที่ควรรักษาไว้คือ อารมณ์ความรู้สึกเมื่อครั้งจีบกันใหม่ “ตอนจีบกัน เราจะแต่งตัวสวยๆ ไปเที่ยวด้วยกัน แต่พอแต่งงานอยู่บ้านแล้วกลับไม่สนใจแต่งตัว ทำตัวกระเซอะกระเซิง บางทีเผลอเห็นตัวเองในกระจกยังตกใจ ไม่กล้ามองหน้าตัวเอง แต่เขาที่มองหน้าเราทั้งวันจะรู้สึกอย่างไร ความรู้สึกที่เคยปลื้มเราก็จะเหือดหายไปด้วย แล้วเมื่อถึงวันหนึ่งก็กู่ไม่กลับ”
น้ำตาลคือศัตรูตัวฉกาจของความงาม
สุขภาพเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เธอให้ความสำคัญที่สุดด้วยดีกรีระดับปริญญาโท สาขาเวชศาสตร์ชะลอวัยจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ทั้งยังปฏิบัติจริงจังจนได้ชื่อว่าเป็นกูรูสายสุขภาพอีกด้วย “น้ำตาลคือศัตรูตัวฉกาจของความงาม” เป็นคำตอบที่ได้รับทันทีเมื่อถามถึงหลักดูแลสุขภาพในแบบฉบับของกมลชนก
“พยายามที่สุดที่จะกินน้ำตาลให้น้อย เพราะมีงานวิจัยยืนยันแล้วว่าน้ำตาลทำให้แก่ กินน้ำตาล 5 ครั้งมีผลเท่ากับเสพโคเคน แล้วก็ไม่พยายามกินขนมขบเคี้ยวแบบซองๆ อย่าเริ่มกินอะไร ยิ่งใครมาบอกว่าอร่อยมากลองชิมดู ยิ่งอร่อยยิ่งไม่ชิม เพราะปูเป็นคนใจอ่อน ติดง่ายแล้วเลิกยาก ดิฉันเคยติดชานมไข่มุก กินทุกวันตลอด 3 เดือน รอบเอวใหญ่ขึ้นชัดมากๆ ฉะนั้น อย่าพยายามติดอะไร ถ้าเริ่มแล้วจะเลิกไม่ได้”
เธอเลือกที่จะกินอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด และอาหารจากธรรมชาติ เช่น ขนมหวานก็จะเลือกเฉาก๊วยเพราะมาจากหญ้าปรุงแต่งน้ำตาลเล็กน้อย หรือแปะก๊วยที่ผ่านขั้นตอนเพียงการต้มเท่านั้น ส่วนการออกกำลังกายเลือกเล่นโยคะเป็นประจำ แล้วก็ให้ความสำคัญกับการนอน โดยเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม ตื่นประมาณ 6 โมงเช้า เป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนต่างๆ ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูส่วนที่สึกหรออย่างเงียบๆ ส่งผลให้เกิดการชะลอวัย
นอกจากนี้ก็พยายามไม่เครียด หรือเมื่อรู้สึกเครียดก็จะปล่อยไป ตัดไปหรือเบนความสนใจออกจากเรื่องนั้นๆ ไปทำกิจกรรมอื่นแทน หรือถ้าโกรธมากๆ ก็ไปออกกำลัง เปลี่ยนความโกรธความเครียดให้เป็นพลังบวก
ดูแลสุขภาพกายแล้วในส่วนของสุขภาพใจก็สำคัญ เธอสมาธิตามแนวการปฏิบัติแบบ TM (Transcendental Meditation) และฝึกปฏิบัติทุกวัน เช้า-เย็น ครั้งละ 20 นาที บางครั้งบางวันจะรู้สึกน้ำตาไหล และคิดอะไรได้บางอย่างเอง เป็นเพราะสมองในช่วงฝึกปฏิบัตินั้นอยู่ในภาวะผ่อนคลายและคลายเครียด (passive) ซึ่งมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า ปัญญาจะเกิดขึ้นได้ในช่วงที่สมองผ่อนคลาย
“เคยเข้าคอร์สสมาธิในวัยเด็กแต่ไม่ประทับใจ กระทั่งเปลี่ยนมาอ่านหนังสือเพื่อให้รู้เกี่ยวกับการทำสมาธิ ประกอบกับระหว่างเดินทางท่องเที่ยวก็จะรู้ได้เองว่า สมาธิคือการทำใจนิ่งให้อยู่กับตัวเองนานที่สุด ตอนไปปั่นจักรยานที่ต่างประเทศก็รู้สึกได้เลยว่า นี่แหละคือการทำสมาธิของฉัน ไม่จำเป็นต้องนั่งนิ่งๆ เหมือนที่คนทั่วไปปฏิบัติกัน”
“คุณต้องมอง ใส่ใจและรับฟัง ไม่ใช่ว่าพูดในสิ่งที่อยากพูดเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาทำท่าทางอย่างไร ส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง คนจะอยู่กันได้ไม่ใช่แค่หน้าสวยแต่อยู่ที่การคุยกัน และที่สำคัญต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้” คำแนะนำส่งท้ายการสนทนาจากกูรูด้านความสัมพันธ์สำหรับมิตรภาพในทุกรูปแบบ
* บทสัมภาษณ์จาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560