เชียงใหม่วิกฤติหนัก ฝุ่นควันพิษทะลุ500ไมโครกรัมฯ
ช่วยด้วย!! ชาวเชียงใหม่สำลักฝุ่นควันพิษ วิกฤติหนักทะลุ500ไมโครกรัมฯ เผยเผาป่า 5 อำเภอ
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ฝุ่นควันพิษที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ได้กลับเข้าสู่ภาวะวิกฤติหนักสุดในรอบเดือน โดยพบว่าทั่วเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันสีขาวขุ่นหนาแน่น และทัศนวิสัยย่ำแย่ โดยดัชนีคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพชาวเชียงใหม่ในช่วงเช้าของวันนี้ พบว่าค่ามลพิษในอากาศทั่วจังหวัดเชียงใหม่อยู่ระดับอันตราย โดยหลายพื้นที่มีค่า PM2.5 เฉลี่ยรายชั่วโมงสูงเกิน 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงมากจนอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้างได้
ศ.นพ.ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้สภาพอากาศในจังหวัดเชียงใหม่เข้าขั้นวิกฤติ โดยดูข้อมูลจากจุดที่มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ 9 แห่ง ในพื้นที่อำเภอรอบนอก เช่น อำเภอสะเมิง, อำเภอแม่แตง, แม่ริม , สันป่าตอง และอำเภอพร้าว มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM.2.5 ทะลุ 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงเกินค่ามาตรฐานมีผลกระทบต่อสุขภาพในระดับอันตราย โดยในมาตรฐานสากลหากว่าอยู่ระดับที่เกินค่าตัวเลขดังกล่าว ถือว่าเกินค่าดัชนีคุณภาพอากาศที่จะรายงานได้ หรือที่เรียกกันว่า Beyond AQI
ขณะที่ในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ พบว่าคุณภาพอากาศก็อยู่ในระดับวิกฤติเช่นเดียวกัน โดยค่าPM2.5 วัดได้ที่ 300-400ไมโครกรมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งปี 2561 ได้เข้าไปตั้งสถานีวัดคุณภาพอากาศทั้ง 25 อำเภอ และในปี 2562 ได้ขยายเข้าสู่ตำบลแล้วกว่า 100 แห่ง และคาดว่าสิ้นปีนี้จะตั้งสถานีวัดคุณภาพอากาศได้ครบ 210 แห่ง ดังนั้น ปีนี้จึงเป็นปีแรกที่ได้พบข้อมูลว่า ดัชนีคุณภาพอากาศเป็นอย่างไร และรู้ทันทีว่าหากว่ามีการเผาป่าในพื้นที่ใด จะสะท้อนภาพออกมาด้วยค่าฝุ่นPM2.5 ที่สูงเกินค่ามาตฐาน
ดังนั้น ภาวะวิกฤติของฝุ่นควันพิษที่เกิดขึ้น จึงขอแนะนำมาตรการฉุกเฉินด้านผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในภาวะวิกฤติหมอกควัน โดยขอให้จังหวัดเชียงใหม่แจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์และให้อยู่แต่ในบ้านหรืออาคารที่มีระบบฟอกอากาศ ขณะที่ควรจะงดจัดกิจกรรรมนอกอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องใช้แรงมากและเป็นเวลานาน หรือเลื่อนออกไปก่อนจนกว่าอากาศจะดีขึ้น รวมไปถึงหากว่าบ้านไหยไม่มีระบบฟอกอากาศ ประชาชนควรไปที่อาคารสาธารณะที่มีระบบฟอกอากาศซึ่งทางจังหวัดดำเนินการให้ประชาชนสามารถใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราว และหากทำไม่ได้ให้ประชาชนใช้หน้ากาก N95 และให้ใส่ตลอดเวลาจนกว่าคุณภาพอากาศจะเข้าสู่ภาวะปกติ