เตือนฉีดสารแปลกปลอมขยายขนาดอวัยวะเพศ เสี่ยงอันตราย ได้ไม่คุ้มเสีย!
กรม สบส.เตือนหนุ่มน้อย-ใหญ่ ฉีดสารแปลกปลอมขยายขนาดอวัยวะเพศ เสี่ยงอันตราย ได้ไม่คุ้มเสีย!!
ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ค่านิยมที่ว่าผู้ชายทั้งต้องมีอวัยวะเพศขนาดใหญ่เพื่อให้เพศตรงข้ามจะเกิดความประทับใจยังไม่หายไปจากสังคม แม้จะมีการนำเสนอข่าวถึงอันตรายจากการฉีดสารแปลกปลอมเพื่อขยายขนาดอวัยวะเพศอยู่เป็นระยะแต่ก็ยังมีหนุ่มน้อย-หนุ่มใหญ่บางรายยอมเสี่ยงอันตรายเข้ารับบริการ กรม สบส.จึงขอยกประเด็นดังกล่าวมาบอกเล่าถึงอันตรายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง โดยการฉีดสารแปลกปลอมเพื่อขยายขนาดอวัยวะเพศนั้น จะให้บริการโดยบุคคลที่มิใช่แพทย์ ซึ่งมักจะใช้สารแปลกปลอมที่ไม่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ เช่น น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก ไขมัน ซิลิโคนที่ใช้ในอุตสาหกรรม มาฉีดเข้าใต้ผิวหนังของอวัยวะเพศชาย และอ้างว่าจะช่วยเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ แต่ความจริงนั้นส่วนที่ทำให้ขนาดของอวัยวะเพศดูใหญ่ขึ้นมีเพียงส่วนของผิวหนังที่หุ้มอวัยวะเพศ ขนาดของตัวแกนอวัยวะเพศไม่ได้ใหญ่ขึ้นแต่อย่างใด ทำให้ผิวหนังที่ได้รับการฉีดสารแปลกปลอมเข้าไป เกิดอาการอักเสบ บวมแดง หรือหมดความยืดหยุ่นเกิดการดึงรั้งอวัยวะเพศ จนไม่สามารถปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์ได้ ทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการติดเชื้อเป็นหนองและติดเชื้อไวรัสอันตราย เช่น ไวรัสเอชไอวี (Human immunodeficiency virus, HIV) หรือไวรัสตับอักเสบจากการฉีดโดยอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด และการอักเสบเรื้อรังจากการฉีดสารแปลกปลอมเข้าอวัยวะเพศก็อาจจะทำให้เกิดมะเร็งจนต้องตัดอวัยวะเพศทิ้งอีกด้วย เป็นการเสียทั้งเงิน เจ็บทั้งตัวและใจต่อหนุ่มน้อย-หนุ่มใหญ่ทั้งหลาย
ทันตแพทย์อาคม กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่ลักลอบประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้บริการฉีดสารแปลกปลอม โดยอ้างว่าสามารถขยายขนาดอวัยวะเพศ จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานเป็นหมอเถื่อน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานเปิดคลินิกเถื่อน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และสำหรับประชาชนที่ทราบเบาะแสการกระทำผิดของคลินิกเถื่อน หรือหมอเถื่อนอย่าได้นิ่งดูดาย หากอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ขอให้แจ้งมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กรม สบส.ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18618 แต่หากอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ในวันและเวลาราชการ เพื่อร่วมคุ้มครองประชาชนในด้านระบบบริการสุขภาพ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย