'อนุทิน' ตรวจเยี่ยมและเปิดอาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

วันนี้ (31 กรกฎาคม 2562) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดอาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ โรงพยาบาลชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้วางแผนให้โรงพยาบาลชุมแพเป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านหัวใจ ทารกแรกเกิด อุบัติเหตุ และการปลูกถ่ายอวัยวะ ภายใน 2 – 5 ปี นโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ ลดความแออัดของโรงพยาบาล ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมพบว่า มีการพัฒนาระบบบริการ และนำเทคโนโลยีด้านสุขภาพมาใช้ สามารถรักษาโรคที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญขั้นสูงได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ ศัลยกรรม มะเร็ง และเป็นศูนย์รับส่งต่อจากโรงพยาบาลชุมชนใกล้เคียง ทั้งในจังหวัดขอนแก่น และพื้นที่รอยต่อจังหวัดชัยภูมิ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดเลย ประชาชนได้รับบริการใกล้บ้าน ลดการส่งต่อและลดความแออัดในโรงพยาบาลขอนแก่น และมีแผนพัฒนาเป็นศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหารจังหวัดขอนแก่น พัฒนาศักยภาพให้เป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อผู้ป่วยในโซนตะวันตกของจังหวัดขอนแก่น และเพิ่มทักษะความเชี่ยวชาญของสหสาขาวิชาชีพทำงานร่วมกับแพทย์เฉพาะทาง   

ทั้งนี้ โรงพยาบาลชุมแพ เป็นโรงพยาบาลทั่วไป ขนาด 250 เตียง อาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุเป็นอาคาร 4 ชั้น ได้รับมอบพื้นที่จากแขวงทางหลวงขอนแก่นที่ 2 (ชุมแพ) จำนวน 2 ไร่ 3 งาน 55 ตารางวา และงบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุข ตามโครงการไทยเข้มแข็งจำนวน 60,353,042 ล้านบาทก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2558 และเปิดให้บริการประชาชน ประกอบด้วยชั้น1. ผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ ชั้น2 คลินิกเฉพาะทาง ชั้น3 หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกและข้อ หน่วยเคมีบำบัด และชั้น4 กลุ่มงานอำนวยการมีผู้ป่วยเข้ารับบริการ ผู้ป่วยนอกเฉลี่ยวันละ 1058 คน ผู้ป่วยในเฉลี่ยวันละ 237 คน

นอกจากนี้ จังหวัดขอนแก่นได้พยายามลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในพื้นที่เมืองและชนบทในการเข้าถึงบริการพื้นฐาน ตามโครงการขอนแก่นเมืองอัจฉริยะ (KhonKaen Smart city : smart living, smart hospital, smart people) ได้จัดสรรงบประมาณบูรณาการจังหวัด เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญตามแนวคิดเพิ่มศักยภาพให้โรงพยาบาลชุมแพ และก่อสร้างลิฟต์ทางขึ้นสะพานลอยหน้าโรงพยาบาลชุมแพ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็ก และประชาชนทั่วไปในการเข้ารับบริการ