สภาฯ เสียงเอกฉันท์ตั้ง กมธ.ศึกษาเลิกใช้พาราควอต
สภาฯ เสียงเอกฉันท์ตั้ง กมธ.ศึกษาเลิกใช้พาราควอต วางกรอบศึกษา 60 วัน
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร ที่มีนายสุชาติ จันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรมซึ่งส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น ลุกขึ้นอภิปรายเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด โดยขอให้ตั้งกมธ.วิสามัญชุดดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าสารเคมี 3 ตัว ประกอบด้วย พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส เป็นอันตราย
ทั้งนี้การอภิปราย ส.ส.มีความเห็นไปในทางเดียวกัน เพื่อให้มีการศึกษาและข้อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกเลิกการใช้สารเคมีอันตราย ทั้งนี้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายตอนหนึ่งด้วยว่า ในวงการเกษตรมีมาเฟียอยู่ในทุกระบบ ทั้ง5เสือที่ควบคุมราคาข้าว มาเฟียเมล็ดพันธุ์พืช มาเฟียอาหารสัตว์ และมาเฟียปุ๋ยเคมีเกษตรฆ่าแมลงและวัชพืช ซึ่งมาเฟียเหล่านี้รวมกลุ่มให้ผลประโยชน์ เพื่อให้สารเคมีเหล่านี้ยังคงอยู่ สารเคมีนี้มีลักษณะเป็นน้ำ และไหลลงแม่น้ำต่างๆ ตนขอท้าการประปานครหลวงพิสูจน์ว่าในน้ำมีสารพิษเหล่านี้หรือไม่ ท้าให้เอาออกจากน้ำปะปาให้ได้
“เรื่องนี้ต้นทาง คือ กระทรวงพาณิชย์ถ้าแน่จริงขอให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ สั่งให้หยุดนำเข้าทันทีได้หรือไม่ อีกทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องตรวจโรงงาน หากพบต้องสั่งปิด ที่สำคัญกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีผลประโยชน์มหาศาล ร่วมหัวอนุมัติต่ออายุ เงินทั้งนั้น แต่วันนี้ดีใจที่ที่ปรึกษารัฐมนตรีได้เอ่ยว่าจะหยุด ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ต้องเข้าไปตรวจคุณภาพน้ำว่าใช้ได้หรือไม่ ดังนั้น สภาฯจึงต้องตั้งกมธ. เพื่อเรียกผู้เกี่ยวข้องคุยกัน เราไม่ได้ล้มธุรกิจ แต่เป็นเพียงการหาทางออกร่วมกัน สารเคมีเหล่านี้ต้องหมดไปจากประเทศไทย” ส.ส.เชียงราย กล่าว
หลังจากอภิปรายอย่างกว้างขวาง ที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน 399 ต่อ 0 เสียง ให้ตั้งกมธ.วิสามัญชุดดังกล่าว จำนวน 39 คน กรอบเวลาศึกษาภายใน 60 วัน