อาการล่าสุด ผู้ป่วยรายแรกติด "ไวรัสโคโรนาพันธุ์ใหม่2019"ในไทย
สธ.เผยผู้ป่วยติด "ไวรัสโคโรนาพันธุ์ใหม่2019"ในไทยรายแรกอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ รอยืนยันห้องแล็ปหากปลอดเชื้อพร้อมให้ออกรพ. ขณะที่ผชช.ระบุว่า โรคไม่ดูแรง มีอัตราตายน้อยยังไม่มีหลักฐานการติดต่อจากคนสู่คน ไม่น่าจะกระจายได้มาก
จากกรณีที่ประเทศไทย พบผู้ป่วยติดเชื้อ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 ซึ่งเป็นรายแรกของประเทศไทยและเป็นรายแรกที่ตรวจพบนอกประเทศจีน โดยเป็นหญิงชาวจีน อายุ 61 ปี ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่สถาบันยบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) โดยอาการภาพรวมดีขึ้น ไม่มีอาการทางเดินหายใจ และไม่อยู่ในภาวะวิกฤติ แต่จะต้องตรวจจนกว่าจะไม่มีเชื้อในเสมหะจึงจะอนุญาตให้ออกจากรพ.และกลับประเทศ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2563 ที่สถาบันบำราศนราดูร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วยรายดังกล่าว พร้อมกับได้มีการพูดคุยและให้กำลังใจกับญาติของผู้ป่วยชาวจีนรายนี้ รวมถึงให้กำลังใจผู้ป่วย และขอให้อดทน โดยญาติผู้ป่วยขอบคุณที่รัฐบาลไทยให้การดูแลรักษาเป็นอย่างดีพร้อมจัดหาที่พักให้ก่อนหน้าที่จะเข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศยังมีความเป็นห่วงเนื่องจากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวคือความดันสูงและยาที่พกติดตัวมาใกล้จะหมดแต่ขณะนี้ทางสถาบันบำราศฯ ได้มีการตรวจและจัดหายาความดันให้จึงคลายกังวลแล้ว จาากนั้น ญาติผู้ป่วยได้มีการสนทนาผ่านอินเตอร์คอมกับผู้ป่วยที่อยู่ภายในห้องแยกโรคโดยให้กำลังใจขอให้ผู้ป่วยรักษาตัวให้หายอย่ากังวลอะไร เนื่องจากขณะนี้ทางการไทยให้การดูแลเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามผู้ป่วยได้ตอบกลับว่าอยากจะกลับบ้านและมีความเป็นห่วงลูกที่ติดตามมาด้วยเนื่องจากเป็นเด็กจึงกังวลว่าจะรับประทานอาหารได้ไม่มาก อาจจะเกิดการเจ็บป่วยได้
นาย อนุทิน กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมผู้ป่วยชาวจีนรายนี้ได้รับรายงานว่าไม่มีอาการไข้ แล้วแต่รับประทานอาหารได้น้อยและมีภาวะเครียดเล็กน้อยเพราะต้องอยู่ในห้องแยกโรคคนเดียวไม่ได้ไปไหน อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามข้อมูลผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้ไปตลาดที่ทางการจีนสั่งปิด แต่ไปตลาดแห่งอื่น เบื้องต้นผู้ป่วยไม่มีไข้แล้วถือว่าหาย แต่ยังต้องรอผลตรวจแลปยืนยันผลอีกครั้ง สำหรับผู้ป่วยชาวจีนที่รับเข้ามาดูแลที่สถาบันบำราศฯ เพิ่มตอนนี้ 3 ราย เป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่ก็เครียดเพราะต้องอยู่ห้องแยกโรค บางรายขอกินไก่ทอดเคเอฟซี เราพยายามจัดหาให้เพื่อช่วยให้เขาลดความเครียดลง ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจเชื้อเพิ่มเติมถ้าตรวจแล้วไม่มีเชื้อไวรัสที่เราเฝ้าระวังอยู่ก็จะให้กลับบ้าน หากมีความประสงค์อยู่เที่ยวต่อก็ไม่มีปัญหาอะไร
ขอย้ำประชาชนอย่าตื่นตระหนก ช่วงนี้หากเลี่ยงไม่ได้ไปเมืองอู่ฮั่นได้ก็ขอว่าอย่าเพิ่งไป ส่วนในเมืองไทยเองอาจจะต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะใครไอ จาม มีน้ำมูกห่างได้ก็เป็นการดูแลตัวเองตามปกติ และตามธรรมชาติของมนุษย์เมื่อได้รับเชื้อร่างกายจะมีการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาป้องกันตัว ส่วนจะมี ยาหรือวัคซีนป้องกันโรคนี้หรือไม่ก็อาจจะต้องรอ สิ่งสำคัญคือหากมีไข้ มีความเสี่ยงขอให้มาพบแพทย์ให้เร็วเพื่อทำการรักษา ทุกอย่าง ทุกอย่างที่ประเทศไทยทำ เป็นการทำตามขั้นตอนปฏิบัติขององค์การอนามัยโลกขอให้สบายใจได้
นพ.สุวรรณ ชัยวัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยชาวจีนที่เข้ารับการรักษาที่สถาบันบําราศนราดูรอาการดีขึ้นไม่มีไข้แต่เนื่องจากยังมีการตรวจพบสารพันธุกรรมของโคโรนาไวรัสในสิ่งส่งตรวจจึงยังไม่สามารถปล่อยตัวให้กลับบ้านได้เพราะขณะนี้เรายังมีข้อจำกัดเรื่องข้อมูลของโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่จึงไม่อาจปล่อยให้เกิดความเสี่ยงที่จะไปแพร่เชื้อต่อประชาชนในพื้นที่สาธารณะได้ เราต้องดำเนินมาตรการควบคุมป้องกันโรคสูงสุดเทียบเท่าการติดเชื้อเมอร์ส อย่างไรก็ตามคาดว่าผู้ป่วยน่าจะสามารถออกจากห้องแยกโรคได้ในวันนี้
"สารพันธุกรรมหากจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับมนุษย์เมื่อเวียชีวิตแล้ว ยังสามารถตรวจหาดีเอ็นเอได้ ดังนั้นแม้เชื้อโคโรนาก็เหมือนกัน แม้เชื้อตายแล้วแต่เรายังสามารถตรวจหาสารพันธุกรรมได้ อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้เราได้เก็บตัวอย่าง เชื้อเอามาเพราะเพื่อหาข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องต่อไป"นพ.สุวรรณชัย กล่าว
นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผอ.สถาบันบำราศฯ กล่าวว่าขณะนี้ทางสถาบันฯ ยังได้รับตัวชาวจีน 3 รายเข้ามารับการดูแลในห้องแยกโรคเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโคโรนาด้วย เนื่องจากตรวจพบพบว่ามีไข้ รายแรกเป็นเด็กอายุ 6 ขวบเข้ามารับการดูแลที่สถาบันบำราศฯ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา ส่วนอีก 2 รายเป็นเด็กอายุ 5 ขวบและผู้สูงอายุ อายุ 75 ปีเข้ามารับการดูแลเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมาขณะนี้ได้เก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจไปตรวจทางห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดว่าจะทราบผลการตรวจเร็วๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิตและหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า โรคปอดบวมอู่ฮั่น โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่การระบาดและการกระจายของโรค จะรุนแรงหรือกว้างขวาง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และอำนาจในการกระจายของโรค หรือที่เรียกว่า basic reproductive number ผู้ป่วย 1 คนกระจายโรคไปได้กี่คน ถ้า 3 คนตัวเลขนี้ก็จะ เป็น 3 ถ้าโรคที่มีความรุนแรง การระบาดจะไม่กระจายมาก เพราะผู้ป่วยมีอาการรุนแรงไม่สามารถเดินทางไปได้ไกล เช่น Ebola ถ้ารุนแรงถึงเสียชีวิตมาก การกระจายก็จะน้อย เพราะไวรัสที่อยู่ในคนที่ป่วยรุนแรง และ ถึงเสียชีวิตก็จะจบอยู่ตรงนั้น
อำนาจในการกระจายโรค หมายถึงผู้ป่วย 1 คนสามารถกระจายโรคไปได้กี่คน เช่น SARS มีอำนาจการกระจายโรคเท่ากับ 3 หมายความว่า ผู้ป่วย 1 คน จะมีผู้มารับช่วงเป็นโรค 3 คน และจาก 3 คนก็จะเป็น 9 คน แต่เนื่องจากโรค SARS รุนแรงเสียชีวิตถึง 1 ใน 3 และคนป่วยเกือบทุกคนต้องนอนโรงพยาบาล จึงทำให้สามารถควบคุมโรคได้ และหมดไปในที่สุด
ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดทั่วโลก โรคไม่รุนแรงโอกาสเสียชีวิตน้อยมาก เมื่อเป็นแล้วยังสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ง่าย โดยที่ไม่รู้จึงมีการกระจายได้ทั่วโลก ทั้งที่อํานาจการกระจายโรค ไข้หวัดใหญ่ อยู่ที่ประมาณ 1.5 ถึง 2 เท่านั้นก็ยังระบาดใหญ่ทั่วโลกได้
โรคปอดบวมอู่ฮั่น ดูแล้วโรคไม่ดูแรง มีอัตราตายน้อยกว่า 1 รายที่เสียชีวิตมีโรคประจำตัวอยู่มาก อัตราการกระจายโรค น้อยกว่า 1 เพราะยังไม่มีหลักฐานการติดต่อจากคนสู่คน ก็ไม่น่าจะกระจายได้มาก ถ้ามีหลักฐานการติดต่อจากคนสู่คน และโรคไม่รุนแรง โรคนี้ก็จะพบได้ทั่วโลก และเป็นโรคทางเดินหายใจ Corona ได้เช่นเดียวกับ Corona ตัวอื่นที่พบได้บ่อยอยู่แล้ว หรือเหมือนกับ ไข้หวัดใหญ่ ได้เช่นกัน