ศึกสายเลือด!? 'กอล์ฟ ณัฐวุฒิ' ยัน ไม่ใช่ทายาทมโน 'ชุดนักเรียนตราสมอ'
กอล์ฟ-ณัฐวุฒิ กริตยอานนท์ เปิดโต๊ะชี้แจงสื่อ ย้ำเป็นลูกหลานตัวจริง เพียงแต่ไม่ได้นั่งแท่นบริหาร "ชุดนักเรียนตราสมอ" ยันไม่ฟ้องตราสมอ แต่จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลอื่นที่พยายามจะปั่นกระแส ทำลายชื่อเสียง
[Exclusive] กรณีดราม่าแอบอ้างเป็นทายาท ‘ตราสมอ’ กลับมาอีกครั้ง เมื่อเฟซบุ๊กทางการของ ‘ชุดนักเรียนตราสมอ’ โพสต์แจ้งชี้ถึงบุคคลที่แอบอ้างเป็นทายาท เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 63 และ 7 ก.พ. 63
เนื้อความระบุว่า
ชุดนักเรียนตราสมอ #ขอชี้แจง ว่านายณัฐวุฒิ กริตยอานนท์ ไม่ได้เป็นทายาทเจ้าของธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอ ตามที่แอบอ้าง และนายณัฐวุฒิไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบริษัททั้งสิ้น จึงขอให้นายณัฐวุฒิหยุดพฤติกรรมดังกล่าวซึ่งทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อและกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทโดยทันที
บริษัทได้แจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวัน และได้มอบหมายให้ทนายความรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งฟ้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับนายณัฐวุฒิ โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด #บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อธุรกิจใดๆที่นายณัฐวุฒิกระทำ #ทายาทตราสมอ #กอล์ฟแอบอ้าง
ทว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ชุดนักเรียนตราสมอ ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ เพราะเมื่อดูภาพเอกสารที่นำมาประกอบการโพสต์ พบว่า เป็นเอกสารที่ทำขึ้นกับบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่ง เป็นหนังสือถึงนักธุรกิจหนุ่มรายนี้ให้ “งดเว้นกระทำกล่าวอ้าง” หรือ หยุดแอบอ้าง ตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2559 ซึ่งหมายความว่า นายณัฐวุฒิ เคยแอบอ้างว่าตัวเองเป็นทายาทตราสมอลักษณะนี้มาหลายปีแล้ว
ในปี 2561 มีเหตุการณ์ที่กระตุ้นเรื่องนี้กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 61 ได้มีสื่อต่างๆ รายงานเหตุเพลิงเริ่มลุกไหม้จากตัวรถเก๋งหรู ยี่ห้อปอร์เช่ ป้ายแดง ข 8888 กรุงเทพมหานคร เพลิงได้ลุกลามเข้าตัวบ้านอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ใช้น้ำฉีดสกัดเพลิงกว่า 30 นาที เพลิงจึงสงบ เพลิงไหม้รถปอร์เช่เกือบทั้งคัน และไหม้ห้องนั่งเล่นทั้งหมดหมด ค่าเสียหายเฉพาะตัวบ้านกว่า 6 ล้านบาท ตรวจสอบเบื้องต้น มีรายงานว่าเป็นรถของนายกอล์ฟ นักธุรกิจพันล้าน ทายาทธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอ
ภายในปีเดียวกัน สิ่งที่ตอกย้ำชัดเจนว่า 'กอล์ฟ ณัฐวุฒิ' มีการระบุว่าตัวเองคือทายาทตราสมอ คือคลิปบันทึกเทป รายการ Celeb Club (เซเลบ คลับ) ทางสถานีโทรทัศน์ ททบ. 5 เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2561 ที่มี 'กอล์ฟ ณัฐวุฒิ' ปรากฏตัวในฐานะแขกรับเชิญ พร้อมให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่าตัวเองเป็นทายาทชุดนักเรียนตราสมอ โดยเนื้อหาในรายการในช่วงนั้นคือ
พิธีกร: "คุณเป็นทายาทตราสมอจริงเหรอคะ" (เวลาคลิป 01:01)
กอล์ฟ: "ใช่ครับ จริงๆ นั่นเป็นธุรกิจของคุณตา ปัจจุบันนี้เป็นตั่วกู๋ครับ เป็นลูกคนโตดูแล" (เวลาคลิป 01:07)
ปัจจุบัน เมื่อลองสืบค้นชื่อ 'ณัฐวุฒิ กริตยอานนท์' ผ่านระบบค้นออนไลน์ พบลิงก์ไปสู่เฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า 'Natthawut Gritayarnon' เมื่อกดเข้าไปขึ้นข้อความว่า 'ขออภัย เนื้อหานี้ไม่พร้อมใช้งานในขณะนี้'
ณัฐวุฒิ ชี้แจงภายในหลังการแถลงข่าวว่าเพจนี้เป็นเพจเก่าที่ทีมการตลาดเคยทำไว้ให้นานแล้ว และไม่ได้ใช้เพจดังกล่าวมาหลายปีแล้ว
ล่าสุดเวลา 14.00 น. 13 ก.พ. 63 'กอล์ฟ ณัฐวุฒิ กริตยอานนท์' พร้อมด้วยทนาย นางสาววรวรรณ แสงกระจ่าง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงประเด็นถูกกล่าวหาว่าแอบอ้างเป็นทายาทชุดนักเรียนตราสมอ ทั้งที่เป็นลูกหลานตัวจริง โต้กลับยืนยันอากงเป็นผู้ก่อตั้ง
‘ตอนเด็ก คุณแม่ เล่าให้ฟังว่า ท่านคือลูกสาวสมอทอง ผมเองรับรู้และเข้าใจมาโดยตลอดว่าธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอ อากง (คุณสงวน ศิริปทุมมาศ พ่อของแม่ มีศักดิ์เป็นคุณตา) เป็นผู้ก่อตั้ง และพอมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ผมยังมีไปถามแม่เพื่อความมั่นใจอีกรอบ ท่านก็ตอบว่าอากงเป็นผู้ก่อตั้ง
และถ้าให้นับวงศาคณาญาติ คือ อากง (พ่อของแม่) ผม มีลูก 8 คน มีลูกสาว 2 คน เป็นพี่คนโต และน้องคนสุดท้องคือแม่ของผม และอีก 6 คนเป็นผู้ชาย โดยบริษัท สมอทองการ์เมนท์ จำกัด ก่อตั้งโดยอากง และลูกชายอากง ทั้ง 6 คน ที่นี่ผมมานั่งดูข้อความที่สื่อสารกัน เขาว่าผมแอบอ้าง ตรงที่ว่า อากงไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง ผู้ที่ก่อตั้งคือ อากู๋ (พี่ชายของแม่ มีศักดิ์เป็นลุง) ต่างหากที่เป็นผู้ก่อตั้ง เพราะฉะนั้นคุณเป็นเครือญาติก็จริง แต่ไม่ใช่ทายาท เพราะคุณไม่ใช่สายเลือดของคุณกิตติที่เป็นตัวอากู๋
โดย ณัฐวุฒิ ชี้แจงถึงกรณีที่เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ ที่มีข่าวคราวในปี 2561 ว่า
"ตอนปี 2560 - 2561 ไฟไหม้บ้าน ไหม้รถปอร์เช่ สื่อก็เอาไปลงว่ารถปอร์เช่ตระกูลตราสมอไฟไหม้ ผมงงมาก นักข่าวรู้ได้อย่างไร ทั้งที่ไม่ได้สัมภาษณ์ผม เหตุเกิดตอน 7 โมงเช้า ไม่เกิน 9 โมง ข่าวออก และช่วงบ่ายจึงมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ผมก็เล่าแค่เหตุการณ์ว่า เกิดอะไรขึ้น ถัดจากนั้นอีก 3-4 วัน เขาให้ทนายโทรมาคุยกับผมว่าทำให้ข่าวกับสื่อแบบนั้น เลยชี้แจงไปว่า ผมไม่เคยพูดกับสื่อเลย แต่เพื่อความสบายใจ เดี๋ยวผมจะถูกเชิญไปออกรายการเล่นใหญ่จัดใหญ่ พิธีกรเป็นพี่บุ๋ม ปนัดดา เดี๋ยวจะชี้แจงว่าผมไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ทนายก็โอเค"
"ตอนปี 2560 - 2561 ไฟไหม้บ้าน ไหม้รถปอร์เช่ สื่อก็เอาไปลงว่ารถปอร์เช่ตระกูลตราสมอไฟไหม้ ผมงงมาก นักข่าวรู้ได้อย่างไร ทั้งที่ไม่ได้สัมภาษณ์ผม"
"ย้อนกลับไปเป็นช่วงเวลาที่เขามีหลักฐานจะแจ้งผม โนติสผมว่าผมแอบอ้างตราสมอ ตั้งแต่ปี 2559 ตอนนั้นผมไปทำการตลาดให้แบรนด์อื่นนี่แหละ แล้วเวลาที่ผมออนสเตจหรือเป็นเทรนนิ่งสอน โดยเฉพาะคลาสแรก เราจำเป็นต้องแนะนำตัว ซึ่งเป็นการแนะนำตัวสั้นๆ 2-3 นาทีว่าเราเป็นใคร จบอะไร พ่อแม่ อากง อาม่าทำอะไร อากง จบใน 2 นาที
คลาสแรก เราจำเป็นต้องแนะนำตัว ซึ่งเป็นการแนะนำตัวสั้นๆ 2-3 นาทีว่าเราเป็นใคร จบอะไร พ่อแม่ อากง อาม่าทำอะไร อากง จบใน 2 นาที
แต่เวลาออนสเตจเวทีใหญ่ๆ บางทีมันจะมีคลิป โพสต์ลงยูทูป ทีนี้คนก็ไปเขียนว่าทายาทตราสมอ ซึ่ง ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราว ในความเข้าใจผม ข้อมูลนั้นไม่ได้ผิด แต่ในข้อมูลทางเขา ผมไม่รู้ และไม่ได้แก้อะไร
จนกระทั่งเขามีโนติสมาเตือนผม แต่ผมดันไม่ได้โนติสอันนี้ เพิ่งจะเห็นในเพจเขานี่แหละว่ามีโนติสตั้งแต่ปี 2559 และไม่ได้โทรมาด้วย"
ผ่านมา 2 ปี จนถึงปัจจุบัน ไม่มีเรื่องอะไรเลย เพราะผมเองก็ไม่ได้ใช้แบรนดิ้งอะไรที่เกี่ยวกับตราสมอในการทำการตลาดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาผมอยู่ในทีมการตลาดของคนอื่น จนกระทั่ง 3 เดือนที่ผ่านมาผมมาทำการตลาดให้ตัวเองเลยต้องโปรโมท และทำการตลาด ซึ่งมีทีมหลายสิบคน ต่างคนต่างทำการตลาด มีบางคอนเทนต์ที่หยิบเอาคำว่า "ทายาทตราสมอไปใช้" จึงเกิดประเด็นนี้ขึ้น โดยถ้าแจ้งผมว่า "หลานอย่าใช่คำนี้เลย" ผมก็เข้าใจได้ แต่ไม่มีการติดต่อมา มารู้อีกทีคือเกิดเรื่องราวตามสื่อ
"ทุกครั้งที่ผมไปออกรายการผมจะพูดประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ ว่าตอนนี้อากงเป็นผู้ก่อตั้ง ตอนนี้เป็นของลูกชายคนโตดูแล คุณแม่ผมแต่งงานออกไปทำธุรกิจส่วนตัว แบบนี้หมด เพราะทุกอย่างคือเรื่องจริงครับ" ณัฐวุฒิ กล่าวย้ำ
ศึกสายเลือด?
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้จะกลายเป็นศึกสายเลือดหรือไม่ ณัฐวุฒิ กล่าวว่า "ผมมองว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด การมาแถลงข่าวในครั้งนี้ เพียงต้องการพื้นที่ส่วนตัวในการอธิบายข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่งเท่านั้น เพราะที่มาไม่โอกาสได้อธิบาย ไม่อยากพูดถึงธุรกิจในครอบครัวที่เกิดขึ้น"
พร้อมทั้งยอมรับว่า ข่าวในครั้งนี้กระทบทางจิตใจของตัวเอง ส่วนผลกระทบทางเครดิตก็มีบ้าง อีกทั้งยังรู้สึกเสียใจ เพราะรู้สึกว่าไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้
เมื่อถามถึงการฟ้องร้องตราสมอ ณัฐวุฒิ กล่าวว่า "ตัวผมไม่อยากฟ้องร้องอะไรอยู่แล้ว อยากให้จบเร็วที่สุดเลย เพราะว่าเรามองเป็นเครือญาติ เป็นครอบครัว เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ผมก็ยังเคารพอยู่แล้ว แล้วยิ่งแบรนด์ตราสมอเองก็เป็นแบรนด์ที่คนทั้งตระกูลภูมิใจ ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวอยู่แล้ว
แต่สำหรับคนที่พยายามจะปั่นกระแส ทำลายชื่อเสียง เราอยากจะดำเนินการทางกฎหมาย เพราะอยากให้การเล่นโซเชียลมีบรรทัดฐานบางอย่างบ้าง ไม่งั้นก็จะเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ ผม สร้างความสูญเสีย สร้างความเข้าใจผิดให้คนในสังคมอีกเยอะ”
ในตอนท้าย ณัฐวุฒิ ได้ฝากถึงธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าผมจะถูกหรือจะผิด อย่างน้อยๆ ก็มีมุมที่ผมทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่สบายใจ แล้วก็ถ้ามีโอกาสก็อยากจะพูดคุยกัน”
ทั้งนี้ ทีมข่าวกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้ตรวจสอบรายได้ของบริษัท สมอทอง การ์เมนท์ จำกัด ซึ่งเปิดเผยไว้บนฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในปี 2561 บริษัท สมอทองฯ มีรายได้รวม 595 ล้านบาทเศษ มีกำไร(สุทธิ) ในปีดังกล่าวที่ 16.37 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 2560 ซึ่งมีรายได้รวมที่ 533 ล้านบาทเศษ และมีกำไรสุทธิที่ราว 15 ล้านบาท โดยถือเป็นผู้เล่นรายสำคัญในตลาดชุดนักเรียนในประเทศไทย ซึ่งเว็บไซต์ marketeeronline ได้เคยให้ตัวเลขมูลค่าตลาดไว้ที่ราวๆ 7 พันล้านบาท โดยทิ้งห่างแบรนด์ น้อมจิตต์ และ สมใจนึก อยู่หลายช่วงตัว!