กรมอนามัย ห่วงไฟป่ากระทบสุขภาพ แนะกลุ่มเสี่ยงป้องกันตนเอง
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงปัญหาไฟป่าในภาคเหนือและหลายพื้นที่ทำกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว สุขภาพแย่ แนะสวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงกิจกรรมนอกบ้าน
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันภาคเหนือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงขณะนี้ พบว่า ทุกจังหวัดมีค่า PM2.5 เกินมาตรฐาน มีค่าระหว่าง 6-189 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรสูงสุดที่ จังหวัดลำปาง รองลงมา คือ แพร่ และตาก ตามลำดับ โดยเฉพาะในช่วงนี้พื้นที่ ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีค่า PM2.5 อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) และคาดการณ์ว่าจุดความร้อนของภาคเหนือจะมีแนวโน้มสะสมเพิ่มขึ้น โดยเดือนมกราคมมีจุดความร้อนสะสม 12,750 จุด และในเดือนกุมภาพันธ์มีจุดความร้อนสะสม 10,213 จุด ยังรวมถึงสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่ ได้แก่ อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ในพื้นที่แนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครนายก และไฟป่าในพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา จังหวัดตราด ที่ยังคงเกิดไฟไหม้ป่าอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคปอด โรคภูมิแพ้ และโรคหัวใจ ต้องเฝ้าระวังและป้องกันสุขภาพ โดยติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟป่าตามการประกาศ แจ้งเตือนจากสื่อต่าง ๆ ของหน่วยงานราชการ หรือติดตามรับฟังข่าวสารทางช่องทางอื่นๆ ในพื้นที่ ได้แก่ โทรทัศน์ท้องถิ่น วิทยุชุมชน เป็นต้น หรือติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศจากเฟซบุ๊กเพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM2.5” ของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้สังเกตที่สีเป็นหลัก หากเป็นสีส้มและสีแดง ซึ่งเป็นค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐานและมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยลดการทำกิจกรรมนอกอาคาร หากอยู่ในพื้นที่ที่มีควันไฟหรือหมอกควัน ควรใส่หน้ากากอนามัย ลดการออกกำลังกายกลางแจ้งหรือการทำกิจกรรมที่ใช้แรงอย่างหนัก
“สำหรับบ้านที่ไม่มีระบบปรับอากาศหรือระบบกรองอากาศ ต้องปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด เพื่อป้องกันควันไฟหรือหมอกควันเข้ามาในบ้าน และทำความสะอาดบ้านแบบเปียกอยู่เสมอ ส่วนอาคารสาธารณะ เช่น โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก สถานพยาบาล และศูนย์การค้า ควรมีเครื่องกรองอากาศจากภายนอกเข้าสู่อาคาร และเปลี่ยนหรือล้างระบบกรองอากาศเป็นประจำ หากตนเองหรือคนในครอบครัว มีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ ควันและฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาในที่โล่ง อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพแก่ประชาชนซึ่งถือว่าเป็นเหตุรำคาญ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หากผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกคำสั่งแก่ผู้ก่อเหตุรำคาญจากฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาในที่โล่ง หากมีการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว