'กรมการค้าภายใน' ลั่น 9 มี.ค. 'หน้ากากอนามัย' ราคาต้องไม่เกิน2.50บาท
"กต." เผย 9 มี.ค.เป็นต้นไป "ผีน้อย" มีไข้ เกาหลีฯ ไม่ให้ขึ้นเครื่องกลับไทย "กรมการค้าภายใน" ลั่นจันทร์หน้า "หน้ากากอนามัย" ราคาต้องไม่เกิน 2.50 บาท ชี้ต้องจัดลำดับความสำคัญ ยันบุคลาการทางการแพทย์ไม่ขาดแคลน
เมื่อวันที่ 6 มี.ค.63 เวลา 14.00 น. ที่ตึกนารีสโมสร นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตราการแก้ไขปัญหาจากโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19 ) พร้อมด้วย นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข นายจักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษารมว.แรงงาน และนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
โดยนายเชิดเกียรติ กล่าวว่า เรามีแรงงานที่อยู่ในประเทศเกาหลีใต้ทั้งหมด 209,909 แบ่งเป็นถูกกฎหมาย 57,470 คน แบบผิดกฎหมาย 152,439 คน โดยแสดงความประสงค์กลับไทยแล้ว 5,386 คน ในจำนวนนี้เดินกลับไทยแล้ว 4,727 คน ซึ่งทางเกาหลีกำหนดให้ผู้ที่จะเดินทางกลับรายงานตัวระหว่างวันที่ 11ธ.ค.-30 มิ.ย. 63 จะไม่มีความผิด และไม่เสียค่าปรับ และสามารถกลับมาทำงานที่เกาหลีได้อีก โดยจะใช้เวลาพิจารณาขั้นตอนด้านเอกสาร 3-15 วัน จากนั้นจะคัดกรองก่อนขึ้นเครื่อง 3 จุด คือ 1.ก่อนเข้าอาคารผู้โดยสารขาออก 2.จุดตรวจหนังสือเดินทางก่อนกระบวนการตรวจร่างกายและ 3.จุดตรวจประตูทางออกก่อนขึ้นเครื่องซึ่งถ้ามีอุณหภูมิร่างกายมากกว่า 37องศาเซลเซียส จะถูกกักตัวไม่ให้ขึ้นเครื่อง โดยเริ่มตั้งวันที่ 9 มี.ค. เป็นต้นไป
นายเชิดเกียรติ กล่าว่า โดยทางตม.เกาหลีและกระทรวงการต่างประเทศไทย ทำเอ็มโอยูเพื่อรับส่งข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศห่วงใยในเรื่องของการที่จะทำอย่างไรให้ทุกคนได้เดินทางกลับมา ยืนยันเราต้องรับทุกคนกลับมา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด แต่การกลับมาเราต้องห่วงใยถึงความปลอดภัยภายในประเทศ เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการคัดกรอง
ด้าน นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า ถ้าหากพบว่าผู้ที่เดินทางเข้าประเทศสามกลุ่มคือ กลุ่มแรกไม่สบาย มีไข้ หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ จะนำตัวส่งโรงพยาบาลในเครือข่ายสธ.หรือสถาบันบำราศนราดูรทันที กลุ่มที่สอง มาจากพื้นที่เสี่ยง รัฐบาลได้จัดสถานที่ในการดูแลแล้ว และกลุ่มที่สาม กลุ่มเสี่ยงน้อย เจ้าหน้าที่กระทรวงสธ.มีอำนาจหน้าที่ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว และจะมีเจ้าหน้าติดตามดูแลสอบถามอาการอย่างต่อเนื่อง จากการประสานกับทุกหน่วยงาน เราทราบข้อมูลทุกคนที่เดินทางกลับเข้าประเทศ โดยจะมีทีมแพทย์ที่แยกติดตามดูกลุ่มนี้โดยเฉพาะ อีกทั้ง จะมีการเริ่มนำแอพลิเคชั่นติดตามตัวเหมือนในต่างประเทศมาใช้ เพื่อเตรียมการไปสู่ในระยะต่อไปทั้งนี้ ตนยืนยันว่าเชื่อไวรัสไม่ได้ลอยในอากาศ จะติดต่อกันสองวิธีคือ ไอ หรือจามใส่ กันเป็นละอองฝอยขนาดใหญ่ในระยะ 1 เมตร หรือหนึ่งเอื้อมแขน และการพบเชื้อตามจุดต่างๆแล้วไปสัมผัสและใช้มือหยิบจับอาหารเข้าปาก ยืนยันว่าขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อในประเทศ 47 ราย
“สิ่งสำคัญที่ต้องฝากคือบุคคลเหล่านี้ ไม่ใช่เชื้อโรค เขาเป็นประชาชน ถ้าเราให้ความเห็นอกเห็นใจ เขาจะให้ความร่วมมือ”นพ.รุ่งเรือง กล่าว
ขณะที่ นายจักษ์ กล่าวว่า สำหรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเกาหลี มีการเดินทางกลับตั้งแต่เดือนธ.ค. 62 สัปดาห์ละ 200-400 คน เดือนม.ค.200-300 คน และเดือนก.พ.300 คน แสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้ อยู่ในระยะเวลาเฝ้าดูอาการ 14 วันแล้ว แต่ก็ได้ส่งอาสาสมัครเข้าไปดูแล ยืนยันว่าไม่ได้ละเลย หรือมองข้าม
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรณีของหน้ากากอนามัยนั้น กระทรงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการร่วมกัน โดยมีโรงงานที่ผลิตทั้งหมดในประเทศ 11 โรงงาน มีกำลังการผลิตได้ล่าสุดวันละ 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน โดยส่งให้บุคลากรทางการแพทย์ไปใช้วันละ7 แสนชิ้น ที่เหลือส่งไปขายตามสนามบิน สายการบินและร้านขายยา 2 แสนชิ้น
ทั้งนี้ การนำหน้ากากมาใช้ป้องกันโรคเราต้องบริหารให้ได้ผลต้องจัดอันดับความจำเป็นในการใช้ เพราะถ้าเราสนองความจำเป็นในการใช้ทั่วไปนั้น ใช้เท่าไหร่ก็ไม่พอ โดยเราให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้อันดับแรกคือบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล สถานพยาบาล ยืนยันว่ากลุ่มเหล่านี้ไม่ขาดแคลน แต่ถ้าหากไม่เพียงพอ หรือต้องใช้เพิ่มจะบริหารจัดการจาก 5 แสนชิ้นที่เหลือมาเพิ่มในจุดนี้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 มีนาคมนี้เป็นต้นไปราคาหน้ากากต้องไม่เกิน 2.50 บาท หากพบมีการขายเกินราคาให้แจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้อง ซึ่งผู้กระทำความผิด มีโทษจำคุก 5 ปี หรือ ปรับ 1 แสนบาท