'กาญจนบุรี' พบติดโควิด-19 แล้ว 2 ราย
"ผู้ว่าฯ กาญจน์" แถลงพบติดโควิด-19 แล้ว 2 ราย เข้าข่ายเสี่ยงอีกเพียบ พร้อมประกาศกฎเหล็ก ปิด 8 สถานที่เสี่ยง ฝ่าฝืนคุก 1 ปีปรับ 1 แสนบาท
เมื่อวันที่ 19 มี.ค.63 เวลา 16.00 น. ที่ศูนย์กาญจนบุรีร่วมใจ เอาชนะภัยโควิด-19 ห้องประชุมแควน้อย ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวในการเป็นประธานการแถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยมี ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ นายสมยศ ศิลปีโยม รองผู้ว่าฯ กาญจนบุรี นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี นพ.นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และสื่อมวลชน เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าว ว่า
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งวิตกกังวล จ.กาญจนบุรี ขอแจ้งว่าสถานการณ์ยังไม่วิกฤต ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวลมากเกินไป ขอให้เปลี่ยนความกลัวเป็นความรู้ที่ถูกต้อง หากมีพฤติกรรมที่ดี สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ อย่างไรก็ตาม อยากขอให้ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม ถ้าร่วมมือป้องกันตนเอง ป้องกันการแพร่เชื้อให้คนอื่น ทำตามคำแนะนำที่ถูกต้อง
นายจีระเกียรติกล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ขณะนี้สถิติการแพร่ระบาดพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 1 ราย ส่วนผู้ป่วยเข้าข่าย 2 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยัน และผู้ใกล้ชิดเฝ้าระวัง 23 ราย ยังไม่พบอาการ แบ่งออกเป็น 5 กรณี ได้แก่ 1.ผู้ที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีจากการเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย หรือที่เรียกว่าผีน้อย 5 ราย จากการกักตัวเฝ้าติดตามอาการตามระยะเวลา 14 วัน ทั้ง 5 ราย ไม่มีอาการเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 2.ผู้ที่เป็นเซียนมวย อยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.หวายเหนียว อ.ท่ามะกา ได้รับเชื้อมาจากนอกพื้นที่ ได้เดินทางกลับมายัง จ.กาญจนบุรี ผลตรวจยืนยัน 2 ครั้ง พบว่าติดเชื้อโควิด-19 ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมะการักษ์แล้ว จากการติดตามอาการผู้สัมผัสใกล้ชิด 5 ราย ผ่านมาเป็นระยะเวลา 8 วัน ขณะนี้ยังไม่พบว่าเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19
นายจีระเกียรติกล่าวต่อว่า 3.ผู้ที่เข้าไปเที่ยวผับทองหล่อ ซึ่งเป็นคน จ.กาญจนบุรี 1 ราย อาศัยอยู่ที่ ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี ได้ไปยังสถานที่เสี่ยง ขณะนี้ได้กักตัวอยู่ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยันเป็นครั้งที่ 2 ส่วนผู้ติดตามมีผู้สัมผัสใกล้ชิด 5 ราย ได้ให้เฝ้าระวังตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ขณะนี้ยังไม่พบอาการว่าเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19. 4.ผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 ต.หนองโรง อ.พนมทวน ที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งก่อนที่จะได้รับผลตรวจยืนยัน และเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ได้เดินทางมายัง จ.กาญจนบุรี มีผู้สัมผัสใกล้ชิด 10 ราย ได้ให้เฝ้าระวังตัวเองเป็นเวลา 14 วัน
ขณะนี้ยังไม่พบอาการว่าเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และ 5.ผู้เข่าข่ายติดเชื้อโควิด-19 เป็นหญิง อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา มีสามีเป็นชาวฟินแลนด์ จากการตรวจสอบอาการ มีอาการที่เข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19 จึงได้น้ำเชื้อส่งตรวจ รอผลการยืนยัน ขณะนี้ได้กักตนเองเฝ้าระวังเป็นเวลา 14 วัน และปฏิบัติตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดมี 12 ราย ได้ให้เฝ้าระวังตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ขณะนี้ทั้งหมดยังไม่พบอาการว่าเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19
“การควบคุมการแพร่ระบาดนั้น จ.กาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันอย่างเต็มความสามารถ ได้วางมาตรการต่างๆ ในพื้นที่จังหวัด รวมถึง ด่านชายแดน ได้เพิ่มการคัดกรองผู้ที่ออก และเข้ามายังประเทศ หากตรวจคัดกรองแล้วพบว่ามีไข้ จะไม่ออกหนังสือผ่านแดนให้ และส่งตัวไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล พร้อมตรวจสังเกตอาการหากพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อ หรือกลุ่มเสี่ยงก็จะมีการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อรักษาทันที สถานการณ์ภายในจังหวัดถือว่ายังควบคุมได้ โดยผู้ป่วยที่เป็นชาวกาญจนบุรีที่พบว่าเข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19 เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อมาจากที่อื่น ขอยืนยันว่ายังไม่พบผู้เข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19 ที่ติดต่อกันภายในจังหวัด” นายจีระเกียรติ กล่าว
นายจีระเกียรติกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางจังหวัดประกาศให้ปิดสถานประกอบการเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ถึงวันที่ 1 เมษายน โดยออกคำสั่งคณะกรรมการโรคิดต่อจังหวัดกาญจนบุรี เรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยให้ดำเนินการปิดสถานบริการตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 ทุกแห่ง และสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะสถานบริการที่จำหน่ายสุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่น ที่มีสภาพปิด คือเป็นห้องปรับอากาศ
รวมถึง สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ได้แก่ ร้านสปา ร้านนวดเพื่อสุขภาพ สถานประกอบการออกกำลังกายที่อยู่ภายในอาคาร สระว่ายน้ำทุกแห่ง ร้านคาราโอแกะ ร้านเกมส์ ลานเบียร์ โรงเรียนกวดวิชา ศูนย์เด็กเล็ก โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงลิเก ขอให้ปฏิบัติตามคำสั่ง หากไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับร้านค้าผู้ประกอบการค้าขายในที่โล่ง เช่น ตลาดนัด ถนนคนเดิน หาบเร่ แผงลอย ฯลฯ ได้พิจารณาให้ประกอบอาชีพได้ตามปกติ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อรายได้ที่นำไปเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่ได้กำชับให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลในเรื่องความสะอาดให้ทำความสะอาด การฆ่าเชื้อในบริเวณที่มีการค้าขาย ภายในร้านค้า ที่มีการรวมตัวของประชาชนเป็นจำนวนมากด้วย
“ทางจังหวัดได้ดำเนินการจัดหาน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และแจกจ่ายไปยังอำเภอทุกอำเภอ เพื่อนำไปฆ่าเชื้อในสถานที่ที่มีการชุมนุม เช่น สถานที่ราชการ โรงพยาบาล ตลาด สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น โดยจะเริ่มในวันที่ 23 มีนาคม ทุกพื้นที่ ทั้งนี้ การเผยแพร่ข่าวปลอม ข้อมูลเท็จ ที่สร้างความแตกตื่นให้ประชาชน ทางจังหวัดได้จัดเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ หากพบว่ามีการกระทำในลักษณะดังกล่าว จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป” นายจีระเกียรติ กล่าว
นายจีระเกียรติ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่ได้แพร่ระบาด และติดกันได้โดยง่าย ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองอย่างถูกต้อง ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ สธ.และร่วมรับผิดชอบต่อสังคม หากพบว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยงให้กักตัวเอง และเฝ้าสังเกตอาการ เป็นการป้องกันทั้งตนเอง และผู้อื่นด้วย