กรมการขนส่งฯ ปรับเวลาเดินรถโดยสารสาธารณะ หลังคลายล็อกดาวน์รอบ 2
กรมการขนส่งฯ ปรับเวลาให้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท หยุดให้บริการในช่วง 23.00-04.00 น. ตามประกาศข้อกำหนด ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. เป็นต้นไป หลังคลายล็อกดาวน์รอบ 2
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 63 นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่มีประกาศข้อกำหนดออกความตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 7) ผ่อนคลายการห้ามบุคคลทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 23.00 - 04.00 น. มีผลตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. 63 เป็นต้นไป กรมการขนส่งทางบก จึงได้ออกคำสั่งกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ระงับการเดินรถโดยสารสาธารณะเป็นการชั่วคราว ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (ฉบับที่ 2) เพื่อปรับระยะเวลาห้ามรถโดยสารสาธารณะวิ่งให้บริการให้สอดคล้องตามข้อกำหนดฯ โดยให้หยุดให้บริการในช่วงเวลา 23.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ตามประกาศข้อกำหนด ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. 63 เป็นต้นไป ซึ่งครอบคลุมรถโดยสารประจำทางในทุกเส้นทางทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด อาทิ รถ บขส., รถร่วม บขส., รถเมล์ ขสมก., รถร่วม ขสมก., รถสองแถว
รวมถึงรถโดยสารไม่ประจำทาง อาทิ รถบัสเช่าเหมา รถตู้เช่าเหมา โดยผู้ประกอบการขนส่งต้องพิจารณาการเดินรถให้ผู้โดยสารและผู้ประจำรถสามารถกลับถึงที่พักหรือจุดหมายได้ก่อนเวลาตามประกาศข้อกำหนดห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานด้วย ในส่วนของรถแท็กซี่ , รถจักรยานยนต์รับจ้าง , รถสามล้อรับจ้าง (รถตุ๊กตุ๊ก), รถสี่ล้อเล็ก ให้ถือปฏิบัติตามข้อกำหนด ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ สำหรับรถโดยสารที่มีความจำเป็นต้องขนย้ายประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยานให้เดินรถได้โดยต้องมีเอกสารรับรองความจำเป็นและมีมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด หากพบการฝ่าฝืนมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ขณะเดียวกันในช่วงเวลาที่สามารถให้บริการได้นั้น รถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ต้องดำเนินการตามมาตรการเว้นระยะห่าง Social Distancing อย่างเคร่งครัด เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกัน อย่างน้อย 1 เมตร หากภายในรถมีผู้โดยสารครบตามจำนวนที่กำหนด ห้ามรับผู้โดยสารรายใหม่เพิ่มโดยเด็ดขาด ผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า ส่วนการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ผู้โดยสารต้องให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่จังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด ห้ามลงจากรถระหว่างทางหรือในสถานที่ซึ่งมิใช่ที่หยุดหรือจอดตามที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ผู้โดยสารทุกคนต้องกรอกแบบคำถามสุขภาพ (แบบ ต.8-คค) เพื่อประโยชน์ต่อการควบคุมโรคติดต่อ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการขนส่งต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการการจำกัดการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ และมาตรการป้องกันโรคตามที่จังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดให้ผู้โดยสารได้รับทราบในเวลาการจำหน่ายตั๋วโดยสารและก่อนขึ้นรถโดยสาร อย่างไรก็ตามในกรณีที่ผู้โดยสารไม่พร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดดังกล่าว สามารถเลื่อนเวลาการเดินทางหรือคืนเงินค่าโดยสารให้แก่ผู้โดยสารได้ ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด จนกว่าจะมีประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินหรือมีประกาศเป็นอย่างอื่น กรณีพบผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส หรือไม่ให้ความร่วมมือในการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ผู้ประกอบการขนส่งสามารถปฏิเสธการให้บริการได้ เช่นเดียวกับ การให้บริการของผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานประจำรถ หากละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด กรมการขนส่งทางบกจะพิจารณาลงโทษตามกฎหมายต่อไป