ละเอียดยิบ “หมอชาญชัย”แจงเงินบริจาครพ.ขอนแก่น
“หมอชาญชัย”พร้อมงัดหลักฐานทางการเงินการบัญชีแสดงความบริสุทธิ์ ยันไม่เคยเรียกรับเงินจากบ.ยา เผยรพ.จัดซื้อยาราคาถูกกว่าราคากลางร่วม 30 % สัดส่วนราคาที่ลดลงไม่สัมพันธ์เงินบริจาค ย้ำพ.ย.61 ปิดกองทุนทั้งหมด เหลือแต่เงินบริจาคของรพ.ขอนแก่นถือเป็นเงินบำรุง
จากกรณีที่นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จากผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นให้มาปฏิบัติราชการกองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่ามีมูลตามข้อร้องเรียนกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และระเบียบของราชการเรื่องเรียกรับเงินจากบริษัทยา และร้านค้า 5% เข้าบัญชีกองทุนพัฒนา รพ.ศูนย์ขอนแก่น และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
ล่าสุด เวลา 14.00 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2563 ที่สำนักบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข นพ.ชาญชัย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเดินทางมารายงานตัวในการปฏิบัติราชการตามคำสั่งดังกล่าว มีคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่นี่จึงมารายงาน โดยได้รับมอบหมายจากผอ.สำนักบริหารการสาธารณสุขให้รับผิดชอบงานระบบบริการรพ.เกี่ยวกับservice plan ซึ่งตนเป็นข้าราชการ ทำงานที่ไหนก็ได้ อย่างไรก็ตาม ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้วเป็นไปตามสิทธิ์ และในวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย.2563 จะยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.)
ผู้สื่อข่าวถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรมแล้วและระบุว่าหากมีหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ให้นำมาแสดงได้ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า หากท่านให้โอกาสก็จะนำหลักฐานไปแสดงกับท่าน โดยเป็นหลักฐานเกี่ยวกับระบบการการเงินการบัญชี การหมุนเวียนทางการเงินและข้อมูลทั้งหมด การนำส่งทางบัญชี การสรุปบัญชีและการแจกแจงรายการรายจ่าย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลักฐานนี้ได้เคยแสดงต่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมาก่อนหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เท่าที่ทราบ คณะกรรมการฯได้ไปไม่ครบ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ฝ่ายการเงิน ฝ่ายบัญชีทำเพื่อตรวจสอบซึ่งกันและกัน
ต่อข้อถามกรณีเพจชมรมแพทย์ชนบทเผยแพร่รายรับ-รายจ่ายของกองทุนพัฒนารพ.ศูนย์ขอนแก่น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวตนเป็นคนนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเองในการแถลงข่าวที่รพ.ขอนแก่นเมื่อวันก่อน เพราะต้องการแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเงินที่ได้รับบริจาคเข้ากองทุนฯดังกล่าวมีการนำไปใช้จ่ายอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ต่อรพ.ขอนแก่นทั้งสิ้น นี่คือความจำเป็นของการที่จะต้องมีกองทุนเพื่อพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.พัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการบริการผู้ป่วย 2.ครุภัณฑ์และเวชภัณฑ์การแพทย์ และ3.พัฒนาบุคลากร
“รพ.ขอนแก่นมีนักเรียนแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางใน 9 สาขา และได้มีการลงนามความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในการถ่ายทอดวิชาการซึ่งกันและกัน โดยปีแรกมีการประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่รพ.ขอนแก่น และปีที่ 2 เชิญรพ.ขอนแก่นไปที่ประเทศญี่ปุ่นจึงมีทีมนักวิชาการของรพ.ไปนำเสนอผลข้อมูลวิชาการแต่ตนเองไม่ได้ไปด้วย และอีกครั้งไปประเทศไต้หวันเพื่อรับรางวัลระดับโลก เกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์(รพศ.)แห่งเดียวที่ได้รับการรับรองระดับเอเซียแปซิฟิก จึงเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ได้ไปเที่ยว และรายจ่ายทั้งหมดเป็นการใช้เพื่อประโยชน์รพ.ขอนแก่นโดยแท้ และข้อมูลก็ออกจากการงานการบัญชีของรพ.เองไม่มีอะไรที่หมกเม็ด ยืนยันว่าผมโปร่งใส ตรวจสอบได้”นพ.ชาญชัยกล่าว
ต่อข้อถามฝ่ายตรวจสอบยืนยันว่าเงินบริจาคไม่ว่าจะรับมาเพื่อการใดก็ไม่สามารถดำเนินการได้ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เงินบริจาคแล้วแต่ผู้บริจาคว่าจะเข้ากองทุนไหน ไม่อย่างนั้นมูลนิธิรพ.ขอนแก่นก็ห้ามรับบริจาคด้วยหรือ โดยระเบียบระบุว่าใครบริจาคก็เข้าสู่กองทุนบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งระเบียบไว้ประมาณเดือนมิ.ย. 2561 แต่กองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่นเปิดมาก่อนหน้านั้นในปี 2560 และมติป.ป.ช.ที่ฝ่ายตรวจสอบนำมาอ้างนั้นออกเมื่อมี.ค.2561 โดยระเบียบเงินบริจาคที่ออกเดือนมิ.ย.นั้น เนื่องจากการบริจาคจากโครงการก้าวของตูน บอดี้แสลม กว่าเงินจะโอนเข้าประมาณเดือนส.ค.2561 และกว่าจะทำระเบียบการรับการจ่าย การตั้งกรรมการ และเมื่อเดือนพ.ย.2561 ได้มีการปิดกองทุนทั้งหมดให้ไปอยู่ในร่มของเงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งถือเป็นเงินบำรุง
นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ตรงนี้ชัดเจนว่าตนมีเจตนาที่จะดำเนินการตามระเบียบโดยเคร่งครัดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าได้คลางแคลงใจเพราะระเบียบบมันเหลื่อมกัน เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งการบริจาครพ.ขอนแก่นตอนนี้มี 3 อย่างเท่านั้น คือ 1.เงินบริจาคตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถบริจาคเข้าได้ 2.เงินบริจาคของรพ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเงินบำรุง ที่ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า และ3.เงินมูลนิธิ รพ.ขอนแก่น ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า และรพ.ขอนแก่นยังมีมูลนิธิอื่นอีก ทุกอย่างสามารถบริจาคได้หมด
“เราไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์อยู่แล้ว ถ้าระเบียบเดือนมี.ค.2561 การเรียกรับผลประโยชนืก็คือต้องมีเงื่อนไขในการที่จะรับ ซึ่งแปลว่าถ้าเขาไม่บริจาค เราไม่ซื้อยาเขา อันนี้ไม่มีเด็ดขาดเพราะการจัดซื้อจัดจ้างกับการบริจาคที่โต๊ะการเงินเป็นคนละเรื่องกัน โดยไม่ได้เชื่อมโยงกัน”นพ.ชาญชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าฝ่ายตรวจสอบระบุว่าเงินบริจาคกับการจัดซื้อยาเชื่อมโยงกัน นพ.ชาญชัย กล่าวว่า อันนี้ไม่แน่ใจว่าบริษัทไหนมีงบประมาณเท่าไหร่แล้วจะบริจาคเท่าไหร่ ก็สุดแท้แต่ผู้บริจาค แต่การจัดซื้อจัดจ้างที่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนนั้น คือ การที่ว่าถ้าเขาไม่บริจาคเราไม่ซื้อยานั่นคือเงื่อนไข แต่เราไม่มีเงื่อนไขใดๆ รพ.จะซื้อหรือไม่ซื้อขึ้นกับการประมูล การสอบราคายาโดยพัสดุ โดยเภสัชกร เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างทุกอย่าง สามารถตรวจสอบได้ ทำตามระเบียบพัสดุ
“กองทุนนี้ตั้งมาเพื่อรับบริจาค ใครก็ได้บริจาค เพราะว่าความขาดแคลนของรพ.กระทรวงสาธารณสุขมีมาก ไม่ว่าจะระดับไหน ซึ่งเป็นคุณูปการของตูน บอดี้แสลม และนพ.เจษฎา โชคดำรงสุขสมัยเป็นปลัดสธ.ที่ไปหารือกับกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เงินบริจาคลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า จะได้ให้เงินบริจาคเข้าระบบทั้งหมด และตั้งแต่พ.ย.2561 รพ.ขอนแก่น ผมทำตามระบบระเบียบหมดทุกอย่าง”นพ.ชาญชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดซื้อยาของรพ. นพ.ชาญชัย กล่าวว่า นี่เป็นประเด็นที่ถามว่าผลประโยชน์ต่างตอบแทนคืออะไร ซึ่งรพ.ขอนแก่น สามารถซื้อยาในราคาต่ำกว่าค่ากลางของประเทศไทย และมีซื้อถูกที่สุดในประเทศ 30 % หมายความว่ายา 100 ตัว ซื้อถูกที่สุดในประเทศ 30 ตัว ตรงนี้จะบอกได้อย่างไรว่ารพ.ขอนแก่นเรียกรับผลประโยชน์ ไม่มีแน่นอน นอกจากนั้น ยังมีการจัดซื้อยารวมระดับเขตสุขภาพที่ 7 โดยจ.ในเขตมีการซื้อยาราคากลางเท่ากันตามรพ.ขอนแก่น จึงชัดเจนว่าไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกล่าวหาฉ้อราษฎร์บังหลวงและข่มขู่พยาน นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่เคยข่มขู่ใคร และข้อหาตนว่าแรงเกินไป เพราะตนไม่เคยเอาเงินเข้าส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว เนื่องจากกองทุนนี้อยู่ในร่มกองทุนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และมีระเบียบว่ากองทุนอื่นใดที่เป็นกองทุนย่อยให้ถือใช้ตามระเบียบสำนักนายกฯที่เป็นกองทุนสวัสดิการ แต่ถ้าเป็นการจัดสวัสดิการเจ้าหน้าที่ก็แยกหมวดต่างหากแต่ถือเป็นหมวดหนึ่งในการพัฒนารพ.
ต่อข้อถามมีข้อกังวลใดหรือไม่ที่มีการตั้งรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กังวลอย่างเดียว่าจะมีการทำหลักฐานเท็จใส่ร้ายตน ในส่วนที่ว่าตนจะทำลายหลักฐานนั้น ขอถามกลับไปว่าอาจจะมีผู้ไม่หวังดีหาพยานและหลักฐานเท็จ เป็นสิ่งที่กังวลใจอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ระบุว่ามีการซื้อยาถูกกว่าราคากลาง 30 % นพ.ชาญชัย กล่าวว่า มีหลักฐาน โดยส่วนที่ซื้อถูกลง ไม่ได้สัมพันธ์กับเงินบริจาค เพราะเงินบริจาคจะเป็นสิ่งที่เขาบริจาคเอง ทั้งที่การจัดซื้อยาราคาถูกอยู่แล้วไม่เกี่ยวกัน รพ.ไม่ได้เรียกร้องว่าถ้าไม่ให้แล้วไม่ซื้อยา ไม่มีในส่วนนี้ และหลายบริษัทที่ไม่ได้บริจาคแม้แต่บาท แต่ก็ได้ขายยาให้รพ.ถึง 200-300 ล้านบาท เพราะชนะประมูล
ถามต่อว่าเงินส่วนที่จัดซื้อยาได้ถูกลงสัมพันธ์กับเงินที่บริจาคหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่ งบประมาณของบริษัทแตกต่างกัน ส่วนใหญ่เข้าใจว่าบริษัทมีงบประมาณอยู่ 5 % แต่ตรงนี้ไม่รู้ บางบริษัทอาจจะมีน้อยหรือมากกว่านี้ ขึ้นกับนโยบายของบริษัท และราคายาที่ต่อรองลดลงได้มากกว่า 5 %อีก การต่อรองราคาถูกลงช่วยให้รพ.ประหยัดได้ 100 ล้านบาทภายในปีเดียว มีหลักฐานทางเภสัช 3 -5 ปีย้อนหลัง
ต่อข้อถามกังวลหรือไม่หากนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ.ตั้งนพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 11 เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กังวล จึงอยากให้มีการตั้งประธานตามลำดับบัญชีรายชื่อการเป็นประธาน ซึ่งจะเป็นธรรมาภิบาลของกองวินัย