'เที่ยวปันสุข' 3 แพ็คเกจ รัฐทุ่มงบเท่าไร คนลงทะเบียนเที่ยว ได้สิทธิ์อะไรบ้าง
ชวนส่องตัวเลขที่รัฐทุ่มงบประมาณกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว 3 แพ็คเกจ "เที่ยวปันสุข" "เราไปเที่ยวกัน" และ "กำลังใจ" รวมแล้วใช้งบไปถึง 22,400 ล้านบาท พร้อมเช็คว่านักท่องเที่ยวได้สิทธิ์อะไรผ่านโครงการนี้บ้าง?
ไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ในการจัดทำโครงการมอบส่วนลดเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งประกอบด้วย 3 แพ็คเกจ ได้แก่ “เที่ยวปันสุข, เราไปเที่ยวกัน, กำลังใจ” ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการคลัง ได้เสนอเข้าที่ประชุม ครม.โดยจะจัดโครงการเป็นระยะเวลา 4 เดือนตั้งแต่ กรกฎาคม-ตุลาคม 2563
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนส่อง "งบประมาณ" ที่รัฐบาลเคาะให้มาตรการนี้ว่าแพ็คเกจ "เที่ยวปันสุข" และแพ็คเกจอื่นๆ ใช้งบประมาณไปเท่าไร และรวมทั้งหมดเป็นเงินงบประมาณเท่าไร รวมถึงคนไทยในฐานะนักท่องเที่ยวต้องเข้ามาเช็คลิสต์กันอีกสักครั้งว่า เราจะได้ประโยชน์หรือได้สิทธิ์อะไรจากโครงการนี้บ้าง? อย่ารอช้า ตามมาดูทางนี้..
มีข้อมูลจาก นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับรายละเอียดของมาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวว่า ในส่วนของโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยวนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนอที่ประชุม ครม. เข้ามา 3 โครงการ ซึ่งแต่ละโครงการใช้งบประมาณในจำนวนดังต่อไปนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
1. แพ็คเกจ “กำลังใจ” ใช้งบประมาณ 2,400 ล้านบาท
ใครมีสิทธิ์บ้าง? : บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ อสม. และเจ้าหน้าที่ รพ.สต. ผู้เป็นด่านหน้าในการรับมือสถานการณ์โรคระบาด "โควิด-19" โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวจำนวน 1.2 ล้านคน โดยใช้ผ่านบริการบริษัทนำเที่ยวต่างๆ จำนวน 13,000 ราย
ได้สิทธิ์อะไรบ้าง? : เดินทางท่องเที่ยวฟรี! และรัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายคนละไม่เกิน 2,000 บาท
เงื่อนไข : ต้องเดินทางไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน
เข้าจองสิทธิ์ที่ไหน? : ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแพลตฟอร์มธนาคารกรุงไทยได้เร็วๆ นี้
รัฐทุ่มงบประมาณทั้งหมด : 2,400 ล้านบาท
2. แพ็คเกจ “เราไปเที่ยวกัน” ใช้งบประมาณ 18,000 ล้านบาท
ใครมีสิทธิ์บ้าง? : ประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ได้สิทธิ์อะไรบ้าง? :
- รัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักในลักษณะ “ร่วมจ่าย” จำนวน 5 ล้านคืน รัฐช่วยจ่าย 40% ของราคาค่าห้องพัก แต่สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน หรือสูงสุด 15,000 บาทต่อ 5 คืน
- สนับสนุนเงินเที่ยวในลักษณะบัตรกำนัลดิจิทัล (อี-เวาเชอร์) อีก 600 บาทต่อคืน แต่สูงสุดไม่เกิน 5 คืน หรือสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท ให้ใช้จ่ายเป็นค่าอาหารค่าท่องเที่ยวในโรงแรมที่พัก โดยประชาชนจะได้รับเงินสนับสนุนผ่านทางแอพฯ “เป๋าตัง”
เงื่อนไข : 1 คนได้รับ 1 สิทธิ์ ต้องไปเที่ยวในจังหวัดที่ตนเองไม่ได้มีทะเบียนบ้านอยู่ ก็คือต้องเที่ยวข้ามจังหวัด และการใช้ อี-วอลเล็ท จะใช้ได้ตั้งแต่วันที่เช็คอิน จนถึงวันที่เช็คเอาท์ (23.59น.) เท่านั้น ถ้าพบว่าไม่ได้ใช้เงินก้อนนี้ใช้จ่าย รัฐก็จะยึดเงินกลับคืนระบบทันที
เข้าจองสิทธิ์ที่ไหน? : สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแพลตฟอร์มธนาคารกรุงไทยได้เร็วๆ นี้
รัฐทุ่มงบประมาณทั้งหมด : 18,000 ล้านบาท
3. แพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข” ใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท
ใครมีสิทธิ์บ้าง? : ประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ได้สิทธิ์อะไรบ้าง? : รัฐสนับสนุนค่าบัตรโดยสาร ทั้งจากสายการบิน รถขนส่งไม่ประจำทาง รถเช่า ในลักษณะ “ร่วมจ่าย” โดยสนับสนุนในอัตรา 40% ของราคาค่าบัตรโดยสาร แต่สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท
เงื่อนไข : 1 คนได้รับ 1 สิทธิ์
เข้าจองสิทธิ์ที่ไหน? : ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแพลตฟอร์มธนาคารกรุงไทยได้เร็วๆ นี้
รัฐทุ่มงบประมาณทั้งหมด : 2,000 ล้านบาท
- โครงการเสริมระหว่างแพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข” และ “เราไปเที่ยวด้วยกัน”
นอกจากนี้ก็ยังจะมีโครงการเสริม (Cooperation) ระหว่างโครงการ “เที่ยวปันสุข” และโครงการ “เราไปเที่ยวด้วยกัน” นั่นคือ ถ้าประชาชนมีการจองห้องพักในโครงการ “เราไปเที่ยวด้วยกัน” ก็จะได้รับสิทธิ์จองบัตรโดยสารเครื่องบินไปกลับของโครงการ “เที่ยวปันสุข” ในราคาพิเศษ 2,500 บาท อีกจำนวน 1 สิทธิ์
โดยสรุปรัฐมีการใช้งบประมาณทั้งหมดของทั้ง 3 โครงการ (กำลังใจ, เราไปเที่ยวกัน, เที่ยวปันสุข) เป็นเงินทั้งสิ้น 22,400 ล้านบาท
*หมายเหตุ: ธนาคารกรุงไทยรับหน้าที่ทำแพลตฟอร์มหลักสำหรับระบบลงทะเบียนต่างๆ ทั้งหมดทั้ง 3 โครงการ (กำลังใจ, เราไปเที่ยวกัน, เที่ยวปันสุข) รวบรวมทุกอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ขณะนี้ยังไม่เปิดให้ลงทะเบียนใดๆ ทั้งสิ้น ต้องรอให้ทาง "ธนาคารกรุงไทย" จัดทำระบบให้แล้วเสร็จเสียก่อน คาดว่าจะเปิดให้เริ่มลงทะเบียนได้ภายในสิ้นเดือน มิ.ย. หรือต้นเดือน ก.ค. 2563
*หมายเหตุ2: ส่วนวิธีการใช้ระบบและการลงทะเบียนต่างๆ โดยละเอียด ทาง ททท. จะออกมาให้คำแนะนำแก่ประชาชนต่อไป