เดินหน้าวิจัย 'ภูมิคุ้มกันโควิด' ผู้หายป่วย-ผู้ใกล้ชิด
สธ.-แพทย์ จุฬาฯ ร่วมวิจัย “ฮีโร่โควิด-19” เชิญชวนผู้ติดเชื้อที่หายป่วย-ผู้ใกล้ชิดเข้าร่วม หวังรู้ระดับภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่เกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) กล่าวว่า โครงการวิจัยฮีโร่โควิด-19 เรื่อง การศึกษาภูมิคุ้มกันในผู้ที่หายจากโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณในการศึกษาวิจันจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จำนวน 3 ล้านบาท โดยขอเชิญชวนให้กลุ่มบุคคลที่เคยได้รับการตรวจยืนยันติดโรคโควิดและหายแล้ว ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ ปัจจุบันกลับไปอยู่ตามภูมิลำเนาและอาจจะยังได้รับการเหยียดไม่อยากให้อยู่ร่วมชุมชนเดียวกัน ทั้งที่อยากยกย่องให้เป็นฮีโร่โควิด เพราะเลือดหรือภูมิคุ้มกันที่อาจจะเกิดขึ้นในกลุ่มบุคคลเหล่านี้ อาจจะเป็นกุญแจเล็กๆที่จะช่วยไขคำตอบ
จึงอยากรณรงค์ให้ผู้ที่เคยติดโรคโควิดทุกคน และคนที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ยืนยันการติดเชื้อ เข้ามาบริจาคเลือดประมาณคนละ 30 ซีซี หรือราว 5 ช้อนชา เพื่อศึกษาถึงภูมิคุ้มกันว่าสามารถป้องกันหรือป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19ได้หรือไม่ และภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นจะสามารถป้องกันได้นานเพียงใด
นพ.คณวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตการวิจัยต่อคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ หากได้รับอนุญาตคาดว่าจะเริ่มต้นการศึกษาวิจัยได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2563 โดยคุณสมบัตของผู้ที่จะเข้าร่วมวิจัย ต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 18-60 ปี เคยได้รับการตรวจยืนยันติดโรคโควิด-19และหายดีแล้ว รวมถึง ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้ว หรืออยู่ร่วมบ้านเดียวกัน เพื่อศึกษาดูว่ากลุ่มคนที่ไม่เคยติดเชื้อแต่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยนั้น สามาถรสร้างภูมิคุ้มกันได้หรืไม่ และถ้ามีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติเกิดขึ้นแล้ว จะสามารถป้องกันได้หรือไม่ เพื่อนำข้อมูลปรับใช้ในเชิงนโยบาย โดยต้องการอาสาสมัครกลุ่มละ 500 คน รวม 1,000 คน จะมีการเจาะเลือดตรวจ3 รอบ ที่ระยะ 3 เดือน , 6 เดือนและ9เดือน
แม้ขณะนี้ประเทศไทยไม่ได้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาวิจัยนี้ เพราะสิ่งที่ต้องการศึกษา คือ เมื่อมีการติดเชื้อระยะหนึ่งแล้วจะสามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศไทยกว่า 3,000 ราย สามารถเข้าร่วมการศึกษาวิจัยได้ โดยจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของผู้ที่เข้าร่วมวิจัย ไม่ต้องกังวลว่าสังคมจะเกิดการตีตรา ผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ โทร 02-256-4132 ต่อ 404 หรือ อีเมล์ [email protected]
“ต้องการให้ผู้ที่เคยติดเชื้อและผู้ใกล้ชิดเข้าร่วมโครงการศึกษาวิจัยนี้ เพราะผลการวิจัยจะเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศไทย ที่จะทำให้รู้ว่าระดับภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติมีมากน้อย ป้องกันได้จริงหรือไม่ และป้องกันได้นานเท่าไหร่ จะเหมือนการฉีดป้องกันไวรัสตับอักเสบบีที่อยู่ได้หลายปี หรือเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องฉีดทุกปี” นพ.คณวัฒน์กล่าว