หยุดยาวนี้! ชวนพักรัก 'สุขภาพ' @เพลาเพลิน 'บุรีรัมย์'
ปักหมุดเที่ยวเมืองรอง ท่องธรรมชาติที่ “บุรีรัมย์” ดินแดนวัฒนธรรมสองยุค แล้วมองหา ‘ที่พัก’ ดีๆ ที่พร้อมมอบประสบการณ์ทั้งเที่ยวและพักผ่อนแบบใส่ใจ “สุขภาพ” อย่าง ‘เพลาเพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์’
หลังคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 ลง การท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมามีสีสันมากขึ้น นักท่องเที่ยวต่างวางแผนทริปสั้นๆ เพื่อการพักผ่อน หลังจากที่ไม่ได้ออกจากบ้านนานหลายเดือน เมืองท่องเที่ยวหลักอาจเป็นหมุดหมายที่คนมักจะปักในการเดินทางนั้น แต่ถ้าใครอยากจะลองเปลี่ยนทิวทัศน์จากทะเล เป็นภูเขา เปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองท่องเที่ยวหลักที่หนาแน่น มาเป็นเที่ยว ‘เมืองรอง’ ท่องธรรมชาติ สัมผัสกับความสงบที่มีอยู่จริง ‘บุรีรัมย์’ เมืองแห่งวัฒนธรรมสองยุค ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ห่างออกไปจากตัวเมืองบุรีรัมย์ราว 56 กิโลเมตร จะพบกับ อาณาจักรสีสันแห่งธรรมชาติ ที่มีชื่อว่า ‘อุทยานไม้ดอกเพลาเพลิน’ แหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ที่เนรมิตพรรณไม้ต่างๆ จัดแสดงตามฤดูกาล และยังเป็นสถานที่เข้าแคมป์พร้อมกิจกรรมแอดเวนเจอร์มากมาย ซึ่งวันนี้ไม่ได้จะพาทุกคนมาชมดอกไม้หรือทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ แต่ถ้าใครอยากใช้เวลาพักผ่อนในอาณาจักรแห่งนี้ ดื่มด่ำกับธรรมชาติให้นานกว่าที่เคย ที่นี่ก็มีพร้อมทั้งที่พักโซน ‘โรงแรม’ และ ‘รีสอร์ทแอนด์สปา’ หรือจะเรียกเต็มๆ ว่า ‘เพลาเพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์’ (PLAY LA PLOEN : Boutique Resort & Adventure Camp)
“เดิมทีที่นี่เน้นเป็น One Day Trip แวะเที่ยวชมสวนดอกไม้ ชมสวนสัตว์ย่อมๆ ทำกิจกรรมเวิร์คชอป ซื้อของฝาก แล้วก็กลับ แต่พอทำมาเรื่อยๆ ลูกค้าเขาก็รีเควสเราเรื่องที่พักว่าน่าที่จะทำนะ เพราะเขาก็อยากจะใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานๆ อยากพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศดีๆ ก็เลยค่อยๆ ขยับมาทำเป็นรีสอร์ทก่อน 20 หลัง จากนั้นก็มาขึ้นเฟสใหม่ในส่วนโรงแรมอีก 55 ห้อง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ และกลุ่มที่ต้องการใช้เวลามากกว่าการมาเที่ยวชมแหล่งเรียนรู้แบบไปเช้า-เย็นกลับ” พรทิพย์ อัษฎาธร กรรมการผู้จัดการ เพลาเพลิน บูติค แอนท์ รีสอร์ท บุรีรัมย์ พูดถึงการขยายแหล่งท่องเที่ยวสู่โรงแรม เพื่อเสริมทัพการบริการอย่างครบครัน เที่ยวครบจบที่เพลาเพลิน
ด้วย ‘เพลาเพลิน’ เป็นอาณาจักรสีสันแห่งธรรมชาติ โดดเด่นด้วยพรรณไม้และวัฒนธรรมสองยุค คอนเซปต์ของตัวโรงแรมจึงยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พรทิพย์เล่าว่า โซนรีสอร์ทจะดีไซน์ให้เป็นประเทศต่างๆ รอบโลก ส่วนโรงแรมยังคงใช้คอนเซปต์ The Naturalist (ธรรมชาติ) ซึ่งแต่ละห้องของทั้งสองโซนจะถูกตกแต่งด้วยธีมของประเทศนั้นๆ สวนดอกไม้และสัตว์แต่ละทวีป
แม้จะธีมที่ออกในทางเดียวกัน แต่เธอบอกว่าแต่ละห้องจะไม่ซ้ำกัน ดอกไม้นานาชนิด สัตว์ของแต่ละทวีป หรือประเทศรอบโลก จะถูกใส่เข้าไปในดีเทลของแต่ละห้องอย่างลงตัว ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของนักศึกษาปี 2 จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มาฝึกงานที่เพลาเพลินทั้ง 12 คน จึงเกิดเป็นโปรเจคนี้ขึ้นมา ทำให้ทุกห้องมีตัวตนที่แตกต่างกันออกไป 75 ห้อง 75 สไตล์
อย่างส่วนโรงแรม The Naturalist โซนด้านบนก็จะเป็นดอกไม้เมืองหนาว และโซนด้านล่างก็จะเป็นขั้วโลกเหนือ-ขั้วโลกใต้ มีดอกไม้หรือพันธุ์พืชอยู่ในดีไซน์ของแต่ละโซน แต่ละภูมิอากาศนั้นๆ
เนื่องด้วยเป็นแหล่งพักผ่อนและเรียนรู้ ช่วงไฮซีซั่น-โลว์ซีซั่น จึงขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ แต่ช่วงพีคที่พรทิพย์เล่าให้ฟังคือ ช่วงเด็กนักเรียนเปิดเทอม (ม.ค.-มี.ค.) เพราะเหมาะกับการเป็นแหล่งทัศนศึกษา เข้าค่ายทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้ช่วงนั้นมีนักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ
“สยามทิวลิปหรือดอกปทุมมา เป็นห้องที่เราชอบมาก ด้วยคอนเซปต์ดอกไม้และเป็นดอกกระเจียวที่เป็นสายพันธุ์ Curcuma สกุลเดียวกับสมุนไพรพวกขิงและขมิ้น เป็นดอกไม้ตัวหลักช่วงฤดูฝนที่จะได้สัมผัสเมื่อมาเที่ยวที่นี่ และผลัดเปลี่ยนตามฤดูกาล ซึ่งตัวปทุมมากระเจียวเป็นสายพันธุ์ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปรับปรุงจากกระเจียวป่าให้เกษตรกรสามารถมีรายได้จากการปลูกกระเจียวด้วย ส่งออกได้ตั้งแต่ตัวช่อดอกที่ส่งไปทางยุโรป ทางตะวันออกกลาง ทางญี่ปุ่นได้ ส่วนหัวส่งขายในท้องตลาดได้อีกด้วยและการเลี้ยงดูก็ไม่ได้ยาก ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกหลายร้อยล้านบาท เป็นรองแค่ดอกกล้วยไม้เท่านั้น” พรทิพย์เล่าความประทับใจของห้องพักที่เธอชื่นชอบ
นอกจากการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติของแดนอีสานใต้แล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมทั้งแอดเวนเจอร์และเวิร์คชอปให้ได้เพลิดเพลินกันด้วย อย่างที่เน้นเรื่องสุขภาพ เช่น เวิร์คชอปทำอาหารกับเชฟ ทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ สบู่กากกาแฟ หรือจะผ่อนคลายด้วยการนวดสบายๆ วิวธรรมชาติกลางนาริมน้ำ แต่ถ้าใครชอบแบบ private ก็มีห้องนวดส่วนตัวให้โดยเฉพาะ และยังมีสปาสมุนไพรจากภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ต้องลองมาผ่อนคลายสักครั้ง นอกจากนั้นยังมีโรงหนังกลางนา ที่ฉายหนังเก่าในความทรงจำ เช่น แฟนฉัน ที่ฉายถึง 3 รอบ เช้า กลางวัน เย็น
และเมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร พรทิพย์แนะนำว่า นอกจากเมนูอาหารอีสาน อาหารไทย และนานาชาติแล้ว สิ่งที่เพิ่มมาก็คือ เซ็ตเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ รับนิวนอร์มอลที่ต้องหันมาใส่ใจสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันใช้ร่างกายกันมากขึ้น เช่น ยำเห็ด ใบหม่อนผัดน้ำมันหอย ลาบทอดสมุนไพร ส้มตำ ข้าวอบสมุนไพร และน้ำสมุนไพร เป็นต้น และยังมีจัดอาหารตามกรุ๊ปเลือดอีกด้วย
“ถ้าเป็นลักษณะตามกรุ๊ปเลือด อย่างกรุ๊ป O เป็นประเภทที่ต้องใช้พวกอาหารแนวสมุนไพรอย่างพริกไทย ขิง ข่า เช่น แกงเลียง สลัดบ้างในบางมื้อ และชาสมุนไพร 7 วันไม่ซ้ำกัน หากลูกค้าต้องการเปลี่ยนเมนูก็สามารถแจ้งได้”
ทั้งนี้ วัสดุเหลือใช้จากห้องอาหารท้ายไร่ จะถูกนำมาแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพ ที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย นอกจากจะเป็นอาหารของพืช ยังใช้ประโยชน์ในครัวเรือน สำหรับซักล้างทำความสะอาด แทนสบู่ ผงซักฟอก แชมพู น้ำยาล้างจาน รวมทั้งใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำโถส้วม ท่อระบายน้ำ ได้ด้วย
“เราพยายามที่จะปรับตัวเอง ลดค่าใช้จ่ายลงแล้วก็ Reduce พวกขยะเอามาใช้ใหม่ในโครงการเรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการคลีนโปรเจคด้วยที่เราทำมาตั้งแต่ต้น พอช่วงโควิดก็ยิ่งต้องปรับตัว ต้องคุยกับพนักงานมากขึ้นในการเตรียมเรื่อง private set และพยายามจะใช้วัสดุที่ให้มันย่อยสลายได้ แม้ต้นทุนจะมากขึ้น แต่ในระยะนี้เรามองในทิศทางเดียวกันว่า การท่องเที่ยวต้อง save ทั้งตัวบุคลากร และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการให้เขามั่นใจกับเราว่าไม่มีการใช้ซ้ำ”
“เราถือว่าเป็นอาณาจักรดอกไม้แห่งภาคอีสานที่ใหญ่ที่สุด ที่มีทั้งที่พักและแหล่งท่องเที่ยว เมื่อมาพักที่นี่จะได้มองเห็นสีสันของธรรมชาติ สีเขียวของต้นไม้ที่สบายตา มีสวนดอกไม้นานาพันธุ์ให้เลือกชม มีหลายโซนให้ได้ใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว และช่วงโควิดนี้ หลายคนอยู่บ้านกันมาหลายเดือน ลองเปลี่ยนบรรยากาศมารับโอโซนกับเราได้ที่เพลาเพลิน และมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของสุขลักษณะได้แน่นอน”
จุดเด่น : ช่วงเวลาแห่งการเพลิดเพลิน ในอาณาจักรดอกไม้และกิจกรรมแอดเวนเจอร์ครบครัน
ที่ตั้ง : ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์
ราคา : เริ่มต้น 999 – 6,000 (ราคาในช่วงโปรโมชั่น รวมอาหารเช้า)
ติดต่อ : โทร 08 7798 1039, เว็บไซต์ PlayLaPloen.com, เฟซบุ๊ก PlayLaPloen