‘ลักษสุภา รีสอร์ท’ Luxury Oasis แห่งหัวหิน
เปิดตำนานที่ยังมีลมหายใจ หนึ่งในรีสอร์ทหรูที่ตั้งอยู่บนทำเลประวัติศาสตร์แห่งหัวหิน
ที่ดินผืนงามในซอยหัวหิน 65 ได้รับการรังสรรค์เป็นรีสอร์ทสุดสวย แต่ภายใต้ความสวยงามและบรรยากาศดีๆ คือความเป็นมาอันน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนสบายๆ หรือต้องการซึมซับประวัติศาสตร์ของแดนดินซึ่งได้ชื่อว่าถิ่นมีหอย ลักษสุภา หัวหิน รีสอร์ท (Laksasubha Huahin Resort) ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด
เมื่อก้าวเข้ามายังรีสอร์ทแห่งนี้ จะสัมผัสได้ทันทีถึงบรรยากาศละม้ายคล้ายบ้านในสวน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวครึ้มปกคลุมอยู่ทั่ว สำหรับคนที่หลงใหลธรรมชาติจะได้สูดหายใจได้อย่างเต็มปอด ซึ่งต้นไม้ใหญ่มากมายพอจะบ่งบอกได้ว่าที่นี่เป็นที่ดินดั้งเดิม และต้นไม้เหล่านี้ก็อยู่เคียงคู่มาช้านาน
อาภา กฤดากร ณ อยุธยา ภริยาของ หม่อมราชวงศ์สุทธิสวาสดิ์ กฤดากร อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศฮังการี และประเทศแถบละตินอเมริกา เล่าย้อนถึงความเป็นมาของที่ดินผืนนี้ว่าเป็นของเสด็จในกรมพระนเรศวรวรฤทธิ์ และ หม่อมเจิม กฤดากร ณ อยุธยา เมื่อครั้งเสด็จมาประมาณร้อยกว่าปีก่อน บริเวณนี้ยังเป็นเพียงเนินทรายและความรกเรื้อ และยังมีชื่อว่า ‘สมอเรียง’ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ‘หัวหิน’ มาจนถึงปัจจุบัน
จากครั้งที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์จักรี ได้ทรงมีพระราชปรารภกับเสด็จในกรมพระนเรศ ขอให้เสด็จลงไปทางภาคใต้ เพราะได้ยินว่า มีหาดสวย ทะเลใส เสด็จในกรมพระนเรศได้เสด็จมาดูด้วยพระองค์เอง กระทั่งทรงพบว่ามีที่เหมาะสำหรับทำพระที่นั่งตากอากาศของพระเจ้าอยู่หัว จนเป็นที่มาของ ‘พระที่นั่งไกลกังวล’ ทำให้เสด็จในกรมพระนเรศได้ทรงเห็นที่ดินแปลงอื่นๆ จึงซื้อไว้ โดยเป็นที่ดินติดทะเลและถนน ต่อมาทรงดำริให้ทำถนน ซึ่งทางการได้ถวายเกียรติตั้งชื่อถนนนี้ว่า ‘นเรศดำริห์’
“หลังจากเสด็จในกรมสิ้นพระชนม์ หม่อมเจิมท่านมาทำบ้านให้เช่า เป็นไอเดียแรกๆ ที่ว่าเป็นบ้านให้เช่าตากอากาศชายทะเล ตอนนั้นมีอยู่ประมาณ 10 กว่าหลัง จนเป็นที่นิยมของคนมาตากอากาศในสมัยนั้น ถ้าจะเรียกว่าหม่อมเจิม กฤดากร เป็นผู้บุกเบิกเรื่องบ้านเช่าที่หัวหินเมื่อ 90 ปีที่แล้ว และเมื่อหม่อมเจิม ท่านได้จากไปแล้ว ที่ดินก็ตกเป็นของหม่อมเจ้า เสริมสวัสดิ์ และ หม่อมหลวงแส กฤดากร และต่อมาเป็นของ หม่อมราชวงศ์ สุทธิสวาท กฤดากร ซึ่งตอนนั้นเรายังอยู่กระทรวงการต่างประเทศ จึงไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับสถานที่ในประเทศไทยนัก เมื่อมีโอกาสถึงได้มาทำบ้านพักที่นี่ร่วมกับหม่อมหลวงลักษสุภา กฤดากร”
ผ่านมา 12 ปี นับจากการริเริ่มแบ่งสรรปันพื้นที่บ้านมาเป็นรีสอร์ท ตามความตั้งใจของ หม่อมหลวงลักษสุภา กฤดากร ที่อยากใช้พื้นที่ 6 ไร่หลังบ้านทำบูทีคโฮเทล แรกเริ่มมีห้องพัก 32 ห้อง 16 วิลล่า ขยายมาจนถึงบัดนี้ 65 ห้อง
“ตอนนี้เรามีห้อง 4 ประเภท ตามขนาดห้อง ข้างบนมี Veranda เป็นห้องใหญ่ ข้างบนเป็น Garden Verada Grand คือใหญ่หน่อยและมี connecting room ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่เราเปิดเชื่อมห้องกันได้ แต่ทุกคนมีทางเข้าแยกกันหมด ฉะนั้นจะเลือกเป็น 2 ห้องก็ได้ หรือ 3 ห้อง ติดกันก็ได้
นอกจากนี้ยังมี Tamarind เป็นห้องเล็กๆ ที่เราเพิ่งทำไม่นาน ก็มองว่าแขกบางคนมาอยู่ short stay มาอยู่แป๊บเดียว อาจจเล็กหน่อย แต่เดินมาที่ทะเลใกล้หน่อย จะมีอยู่ 12 ห้อง ที่ชื่อ Tamarind เพราะมีต้นมะขามใหญ่อยู่บริเวณนั้น” หม่อมหลวงลักษสุภา อธิบาย
ถึงจะอยู่หัวหินแต่หม่อมหลวงลักษสุภาหลงใหลความงามตามแบบล้านนามากๆ เธอจึงถ่ายทอดรสนิยมลงในรายละเอียดต่างๆ ของรีสอร์ท โดยเฉพาะการตกแต่งที่ไม่เพียงได้กลิ่นอายล้านนา ทว่าผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตกไว้ด้วย
จึงไม่แปลกที่จะเห็นงานศิลปะที่ดีไซน์จากรูปทรงใบโพธิ์ซึ่งเป็นธีมหลักของรีสอร์ท รวมถึงงานศิลปะอีกมากมายที่สะท้อนความเป็นไทยร่วมสมัย โดยผลงานที่นำมาประดับตกแต่งนั้นส่วนมากเป็นฝีมือศิลปินท้องถิ่นทั้งหัวหินและชะอำ อีกจำนวนหนึ่งเป็นงานศิลปะจากภาคเหนือ
“การที่เราไปอยู่เมืองนอกมานานๆ แต่ความเป็นคนไทยเรามีอยู่เต็มเปี่ยม เราจึงพยายามหลอมรวมทุกอย่างให้เกี่ยวข้องกับเมืองที่เคยไปพักอยู่ เช่น ชื่อของบาร์หรือร้านอาหารเป็นภาษาสเปน เรานำประสบการณ์มาผสมผสานกันโดยยืนพื้นด้วยความเป็นไทยล้านนา คอนเซปต์ของโรงแรมก็คืออยากให้มีความอ่อนหวานอย่างไทยเซอร์วิส ขณะเดียวกันก็อยากให้มีประสิทธิภาพแบบอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์วิสด้วย”
เอกลักษณ์สำคัญของรีสอร์ทนี้คือมีต้นไม้ใหญ่ ความเขียวขจีเหล่านี้เกิดขึ้นจากแนวทางการอนุรักษ์ที่มาตั้งแต่ริเริ่มสร้างรีสอร์ท คือ ไม่ตัดต้นไม้ เพียงตัดแต่งกิ่งก้านให้สวยงามเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม สังเกตได้จากทางเดินที่คดเคี้ยวเพื่อลัดเลาะหลบต้นไม้
และไม่ได้มีเพียงต้นไม้ใหญ่ แต่มีต้นไม้ปลูกใหม่หลายต้นที่ติดป้ายชื่อคนปลูกไว้ นั่นคือหนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์ให้แขกได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ตั้งแต่เป็นกล้าไม้ แล้วทางรีสอร์ทจะดูแลให้อย่างดี แขกหลายคนกลับมาพักที่นี่ทุกปีเพื่อจะมาหาต้นไม้ที่พวกเขาปลูกไว้
ถึงจะเป็นที่พักไม่ไกลกรุงเทพฯ แต่ด้วยบรรยากาศแสนสบายและเป็นส่วนตัวมาก ทำให้มีหลายคนเลือกพักที่นี่แบบ long stay เพราะให้ความรู้สึกเสมือนอยู่บ้านที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สระว่ายน้ำถึงสองสระระบบน้ำเกลือ สปา คาเฟ่ บาร์ อีกทั้งยังไม่ไกลจากความเจริญ อาทิ ตลาด ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นรีสอร์ทติดชายหาดที่อยู่ใจกลางเมืองหัวหิน
“เรามีห้องสมุดที่เป็นห้อง living room ด้วย ภายในนั้นรวบรวมพระประวัติ ที่มาที่ไป รูปภาพเก่าๆ ของที่นี่ ใครจะมานั่งเล่นหรืออ่านหนังสือก็ได้”
ใครที่เบื่อความวุ่นวายที่ทำลายการพักผ่อนริมทะเล ทั้งเจ็ตสกี, บานาน่าโบ๊ท, เตียงผ้าใบ และอีกสารพัด แต่ที่ลักษสุภา รีสอร์ท มีเพียงหาดทราย สายลม แสงแดด และม้าอันเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของหัวหิน เดินไปเดินมาบนชายหาด ซึ่งเป็นความลงตัวของทำเลตรงนี้ อาภา กฤดากร บอกว่า เพราะอยู่ห่างไกลจากแหล่งทำการประมง จึงไม่มีกลิ่นคาวจากสัตว์ทะเล และไม่อยู่ในจุดที่ความบันเทิงของกิจกรรมทางน้ำจะเข้ามารุกล้ำความสงบเงียบ ลักษสุภานิยามว่า “ที่นี่เป็นเหมือนโอเอซิส มีทะเล มีป่า ติดถนน”
แน่นอนว่าความโปร่งโล่งแบบนี้ทำให้การรักษาความปลอดภัยในช่วงวิกฤติโควิด-19 ค่อนข้างไม่มีปัญหา และนอกจากอากาศที่ถ่ายเท ทางรีสอร์ทได้ดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ทั้งตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานและแขก ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค มีเจลแอลกอฮอล์ให้ล้างมือ ให้พนักงานและแขกสวมใส่หน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่าง
ถึงที่นี่จะลมแรงและอากาศเย็นสบาย แต่เมื่อได้มาพักผ่อนกลับอบอุ่นหัวใจอย่างน่าประหลาด
...
จุดเด่น : บรรยากาศร่มรื่น อากาศดี มีความเป็นส่วนตัวมาก อยู่บริเวณหาดที่เงียบสงบและสะอาด และมีประวัติศาสตร์น่าสนใจ
ที่ตั้ง : อยู่ในซอยหัวหิน 65 ถัดจาก Chocolate Factory
ราคา : 3,000 – 6,000 บาท (แล้วแต่ช่วงฤดูกาล)
ติดต่อ : โทร. 0 3251 4525, เว็บไซต์ http://www.laksasubhahuahin.com และเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/baanlak/