จาก 'อินเดีย' ถึง 'อังกฤษ' นั่งรถบัสเที่ยวครึ่งโลก ตามรอยฮิปปี้

จาก 'อินเดีย' ถึง 'อังกฤษ' นั่งรถบัสเที่ยวครึ่งโลก ตามรอยฮิปปี้

Bus to London ทัวร์รถบัสสุดหรูที่ชวนคนรักการผจญภัยเดินทางครึ่งโลกจาก "อินเดีย" สู่ "อังกฤษ" โดยใช้เวลา 70 วันบนเส้นทางที่พวกฮิปปี้นิยมกันในช่วงปีค.ศ. 1950 - 1960

หลังจากโลกถูกโจมตีด้วยเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 การเดินทางของคนทั้งโลกก็ถูกระงับก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบของ ‘นิวนอร์มอล’ ล่าสุดมีคนผุดไอเดียเดินทางกว่าครึ่งโลกโดยใช้รถบัสเป็นยานพาหนะ บริษัทท่องเที่ยว Adventures Overland มีความหวังว่านักท่องเที่ยวจะให้ความสนใจและตอบรับการจัดทริปแบบใหม่ซึ่งเดินทางด้วยรถบัสข้ามฟากจากกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย ไปยังนครลอนดอน เมืองหลวงของสหราชอาณาจักร

บริษัทเรียกทัวร์แบบใหม่นี้ว่าเป็น 'บริการรถบัส Hop-on / Hop-off ครั้งแรก' ซึ่งจะพาลูกทัวร์นั่งรถบัสวิ่งตามเส้นทางผ่านและแวะชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ที่อยู่ระหว่างจุดหมายปลายทางทั้ง 2 แห่ง

รถบัสที่มีชื่อว่า Bus to London’ ถูกออกแบบมาให้เป็นรถบัสสุดหรูที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายพร้อมให้บริการผู้โดยสารได้ครั้งละ 20 คน ไอเดียนี้ได้รับแรงบันดาลใจบางส่วนมาจาก 'Hippie Trail' ซึ่งเป็นเส้นทางทางบกที่พวกฮิปปี้นิยมใช้ในการเดินทางข้ามโลกจากยุโรปมายังอินเดียในช่วงปีค.ศ. 1950 - 1960


159938253655

เส้นทางท่องเที่ยว, ภาพ: เว็บไซต์เดลี่ เมล

การเดินทางครั้งนี้จะกินเวลา 70 วัน โดยรถบัสจะพาลูกทัวร์เดินทางข้าม 18 ประเทศเป็นระยะทาง 12,000 ไมล์ ผู้โดยสารจะได้เที่ยวชมเจดีย์ที่เมียนมาร์ ก่อนเดินทางไปกรุงเทพฯ ข้ามลาวและไปปีนกำแพงเมืองจีนและท่องไปในเมืองประวัติศาสตร์ต่างๆ เช่น มอสโกว์ ของรัสเซีย และ กรุงปราก ของสาธารณรัฐเช็ก

Adventures Overland ก่อตั้งขึ้นโดย ทัสชาร์ อะการ์วัล และ ซานเจย์ มาดาน ผู้ประกอบการและนักเดินทางตัวยง ทัสชาร์บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า ทัวร์ที่ไม่เหมือนใครนี้เป็นไอเดียที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการขับรถเที่ยวคนเดียวจากลอนดอนไปยังนิวเดลีของเขาในปี ค.ศ. 2010

“มันเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยมมาก” เขากล่าว

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปีค.ศ. 2012 Adventures Overland หนุ่มอินเดียทั้ง 2 คนได้จัดทริปเดินทางจากอินเดียถึงลอนดอนมาแล้ว 3 ครั้ง โดยเป็นทริปที่นักท่องเที่ยวขับรถยนต์ของตัวเองและร่วมขบวนคาราวานกับคนอื่นๆ ทั้งคู่ยังจัดทริปขับรถไปทั่วไอซ์แลนด์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะและทะเลสาบน้ำแข็งในรัสเซีย

159938253691

ซานเจย์ มาดานและทัสชาร์ อะการ์วัล, ภาพ: Adventures Overland

แม้ว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์ที่น่าทึ่งเกี่ยวกับการเดินทาง แต่ทั้งทัสชาร์และซานเจย์ก็มีความกระตือรือร้นที่จะทำอะไรที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยกับการเดินทางครั้งใหม่ของพวกเขา

“มีผู้คนและนักเดินทางจำนวนมากที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเดินทางทางบกเหล่านี้ แต่พวกเขาไม่อยากขับรถเอง” ทัสชาร์กล่าว 

"ดังนั้นเราจึงเกิดไอเดียที่จะพาพวกเขามานั่งบนรถบัสแบบสบายๆ และร่วมเดินทางระยะไกลด้วยกัน และนั่นคือจุดกำเนิดของ Bus to London"

บริษัทกำหนดการเดินทางครั้งแรกของ Bus to London ไว้ที่กลางปี ค.ศ. 2021 แต่ต้องดูเรื่องมาตรการการจำกัดการเดินทางเพราะการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย ทัสชาร์บอกว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเดินทางคือระหว่างเดือนเมษายน-เดือนมิถุนายน เนื่องจากเป็นช่วงที่สภาพอากาศเอื้ออำนวยในการเริ่มต้นการเดินทางจากอินเดียผ่านเมียนมาและข้ามภูเขาสูงของจีนและคีร์กีซสถาน

การเดินทางบนท้องถนนครั้งนี้สนนราคาน่าดูชมพอสมควรเพราะค่าใช้จ่ายตกอยู่ประมาณ 620,000 บาทต่อคน ซึ่งรวมถึงโรงแรม วีซ่า ไกด์ที่พูดภาษาอังกฤษได้ ตลอดจนอาหารท้องถิ่นและมีของว่างและเครื่องดื่มที่ตุนไว้เต็มรถ ซึ่งมีที่นั่งแบบชั้นธุรกิจรวมถึงไวไฟและทีวีด้วย

ผู้โดยสารสามารถจองบริการราคาเต็มตลอดการเดินทางทั้งทริป หรือเลือกการเดินทางช่วงใดช่วงหนึ่งจากทั้งหมด 4 ช่วง (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน เอเชียกลาง และยุโรป) นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการเริ่มต้นการเดินทางจากสหราชอาณาจักรหรืออินเดีย โดยเมื่อรถบัสเดินทางมาถึงลอนดอน ผู้โดยสารจะเดินทางกลับอินเดียโดยเครื่องบิน ส่วนรถบัสจะขับวนกลับอินเดียพร้อมกับนักเดินทางกลุ่มใหม่

159938253682 ภายในรถบัสโดยสารแบบวีไอพี, ภาพ: Bus to London

ทัสชาร์สัญญาว่า นี่จะเป็นการเดินทางที่พิเศษที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะมีโอกาสได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในชนบทที่เกิดขึ้นตรงหน้าของคุณเอง

“คุณจะหาประสบการณ์เช่นว่านั้นได้ก็ต่อเมื่อคุณเดินทางบนพื้นดินแบบนี้เท่านั้น” เขากล่าวเสริมว่า คนที่เคยเข้าร่วมทริปขับรถเที่ยวด้วยตัวเองของ Adventures Overland ที่ผ่านมามีตั้งแต่นักเดินทางตัวจิ๋วที่มีอายุแค่ 5 ขวบไปจนถึงรุ่นเก๋าวัย 75 ปี

“นี่เป็นเส้นทางที่ผ่านการทดลองและทดสอบแล้ว” ทัสชาร์กล่าว เขาย้ำว่าเส้นทางดังกล่าวถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจะมีไกด์ท้องถิ่นมาช่วยเหลือตอนข้ามพรมแดนของแต่ละประเทศด้วย

นับตั้งแต่ประกาศไอเดียนี้ออกไป ทัสชาร์และทีมของเขาได้รับข้อความจากนักเดินทางทั่วโลกมากมาย ซึ่งล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนสนใจเข้าร่วมประมาณ 40,000 คน "พวกเราคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี แต่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับมากมายเหมือนอย่างที่เราได้รับแบบนี้" 

สำหรับใครก็ตามที่มีความฝันอยากจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมนักผจญภัย 70 วัน ทัสชาร์แนะนำให้เปิดใจกว้าง 

"มันเป็นการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เป็นอะไรที่ผู้คนจะจดจำและระลึกถึงตลอดไป" ทัสชาร์กล่าว

...........................

(ที่มา: เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น)