เหินเวหากับ 'กระเช้าลอยฟ้า' ที่ชันที่สุดในโลก
"กระเช้าลอยฟ้า" Langkawi Cable Car เส้นทางสุดสวยสำหรับคนไม่กลัวความสูงที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับทิวทัศน์อันงดงามของ "เกาะลังกาวี" แบบ 360 องศา
จะวิเศษแค่ไหน ถ้าเราได้มีโอกาสลอยอยู่ในอากาศเหนือยอดเขาและป่าดงพงไพรจากมุมมองของนก นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือโลกแห่งความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ณ เกาะลังกาวี (Langkawi) ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเขาได้ใช้ความล้ำหน้าทางวิศวกรรมยุคใหม่สร้างกระเช้าลอยฟ้าชมวิวสุดพาโนรามา ให้นักท่องเที่ยวและคนที่สนใจใคร่รู้เรื่องธรรมชาติไปสัมผัสกัน
นอกจากความสวยงามของหมู่เกาะต่างๆ และภูมิประเทศอันน่าตื่นตาแล้ว ลังกาวีในวันนี้จึงเป็นจุดหมายที่ห้ามพลาดเด็ดขาด สำหรับใครก็ตามที่ต้องการค้นหาปลายทางแปลกใหม่ ซึ่งคุณจะลืมไม่ลงแน่นอน
หลายคนรู้จักเกาะลังกาวีเพราะตำนานพระนางเลือดขาว ผู้ถูกใส่ร้ายและถูกประหารทั้งๆ ที่พระนางไร้ความผิด พระนางจึงสาบให้เกาะลังกาวีไม่เจริญไป 7 ชั่วอายุคน จนท่านมหาเธร์ โมฮัมหมัด (อดีตนายกรัฐมนตรีผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลของมาเลเซีย)ได้เชิญทายาทตัวจริงของพระนางเลือดขาว ซึ่งอพยพมาตั้งรกรากอยู่ที่เกาะภูเก็ตของไทย กลับไปยังลังกาวีเพื่อแก้คำสาบนั้นเรียบร้อยแล้ว และจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม หลังจากนั้นเกาะลังกาวีก็ได้รับการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสุดๆ แห่งหนึ่งในมาเลเซีย
หรืออาจเป็นเพราะท่านมหาเธร์ซึ่งเกิดบนเกาะนี้ ได้ทุ่มเทสรรพกำลังทุกด้านเข้ามาพัฒนาลังกาวีให้กลายเป็น Resort Island ที่โดดเด่น โดยเฉพาะธรรมชาติอันสวยงาม หลายคนที่เคยไปเที่ยวมาแล้วคงจำได้ถึงทริปการล่องเรือชมนิเวศป่าชายเลนรอบเกาะลังกาวี โดยมีฝูงเหยี่ยวแดงนับร้อยๆ ตัว บินโฉบเฉี่ยวฉวัดเฉวียนเข้ามาใกล้ๆ เรืออย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
ภาพในอีกด้านหนึ่ง เกาะลังกาวีนั้นตั้งอยู่ห่างจากจังหวัดสตูลของเราเพียง 4 กิโลเมตร (ทางทะเล) ล่องเรือไปมาหาสู่กันได้อย่างง่ายดาย ถ้าเราลองเอาเส้นแบ่งเขตแดนบนแผนที่ออกไปให้หมด แล้วพิจารณาในแง่ภูมิศาสตร์และธรรมชาติล้วนๆ ก็จะพบว่าเกาะลังกาวีและจังหวัดสตูลช่างมีความละม้ายคล้ายคลึงกันเหลือเกิน นั่นคือมีภูมิประเทศชายฝั่งทะเลอันดามัน ที่มีแนวป่าชายเลนแน่นทึบ และประกอบด้วยหมู่เกาะหินปูน (ภาษาวิชาการเรียกว่า Karst Topography หรือ Limestone Island) กระจายอยู่มากมาย
เฉพาะที่หมู่เกาะลังกาวีก็มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 90 เกาะแล้ว ภูมิประเทศแบบนี้ล่ะครับ ที่นักวิชาการเขาบอกว่าเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์เฉพาะถิ่นหายากนับไม่ถ้วน จนกระทั่งหลายพื้นที่ของจังหวัดสตูลและลังกาวี ได้รับการประกาศให้เป็น 'อุทยานธรณี' (Geopark) ทั้งคู่ โดยเฉพาะเกาะลังกาวีนั้นสำคัญยิ่งในแง่ที่มีภูมิประเทศเขาหินปูนอายุมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือเก่าแก่กว่า 550 ล้านปีเลยทีเดียว
ผมเดินทางสู่เกาะลังกาวีเพื่อจะไปชมความมหัศจรรย์ทางภูมิทัศน์ธรรมชาติดังกล่าว ด้วยความที่เป็นคนชอบผจญภัยอยู่แล้ว จุดหมายของผมจึงอยู่ที่ Oriental Village อุทยานธรณีลังกาวี (Langkawi Geopark) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวาง ด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัยผสานกับสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของบ้านเรือนแบบมาเลย์ เป็นหมู่อาคารกว่า 30 หลังจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้ด้านภูมิประเทศ พืช สัตว์ บนเกาะนี้
ทริปวันแรกคือการล่องเรือลัดเลาะเข้าไปในป่าชายเลนรกชัฏ ดูนกนานาชนิด โดยเฉพาะนกกระเต็นปีกสีน้ำตาล (Brown-winged Kingfisher) ที่หายากมาก รวมถึงการล่องเรือออกไปชมหมู่เกาะหินปูนรูปร่างแปลกๆ เป็นการเรียกน้ำย่อย
ส่วนวันที่สองก็ยิ่งน่าตื่นเต้น เพราะไกด์พาเข้าชมอาคารนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับสัณฐานหินปูน 550 ปี ว่ากันว่าแม้ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายเมื่อแสนปีก่อน ก็มิได้กล้ำกรายเข้ามาทำลายระบบนิเวศที่นี่ได้ สิ่งมีชีวิตจึงมีการพัฒนาต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
สำหรับตัวผม ไฮไลท์จริงๆ คือการที่จะได้ขึ้นกระเช้าที่ถือว่ามีความชันมากที่สุดในโลก เพราะจากเชิงเขาที่อุทยานธรณีลังกาวีตั้งอยู่ มีสถานีรถกระเช้า Langkawi Cable Car หรือ Langkawi SkyCab ให้เราโดยสารขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาหินปูนสูงลิบได้แทบทุกวัน(ยกเว้นวันที่ลมแรงจัดหรืออากาศแย่จริงๆ)
รถกระเช้าเส้นทางนี้แบ่งเป็น 3 สถานี คือ สถานีเชิงเขา (Base Station) สถานีกลางทาง (Middle Station) และสถานียอดเขา (Top Station) บางช่วงจะมีการขึงเส้นเคเบิลเหล็กกล้ายาวถึง 950 เมตร ไว้ระหว่างหอคอยสองต้น ทำให้ Langkawi SkyCab กลายเป็นหนึ่งในกระเช้าที่มีเคเบิลเส้นเดี่ยวยาวที่สุดในโลก
นอกจากนี้ระหว่างสถานีกลางทางและสถานียอดเขา รถกระเช้าจะต้องเพิ่มระดับองศาความชันขึ้นไปตามหน้าผาที่มีความชันมากถึง 42 องศา มันจึงกลายเป็นรถกระเช้าที่มีความชันมากที่สุดในโลกไปโดยปริยาย!
รถกระเช้าสุดล้ำสายนี้ใช้เวลาก่อสร้างเร็วอย่างเหลือเชื่อแค่ 16 เดือน และเปิดใช้เป็นทางการเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2002 การเดินทางจากสถานีเชิงเขาถึงยอดเขาระยะทางยาว 2.2 กิโลเมตร ต้องใช้เวลานานถึง 15 นาที เราจึงเต็มอิ่มกับวิวมุมสูงแบบ Bird Eyes View ที่อลังการมาก
เริ่มจากเชิงเขาค่อยๆ ไต่ความสูงขึ้นไปอย่างช้าๆ ปล่อยให้เราทำความคุ้นเคยกับความสูง ความหวิว และความเสียว ที่ต้องลอยอยู่เหนือยอดไม้เขียวครึ้มของป่าดงดิบเบื้องล่าง มองออกไปอีกด้านเห็นชายฝั่งทะเลและเกาะน้อยใหญ่เรียงตัวอยู่ในทะเลสีฟ้าครามอย่างนิ่งสงบ ลืมบอกไปว่าในรถกระเช้าหนึ่งคันเขาให้มีผู้โดยสารได้ไม่เกิน 6 คน เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีรถกระเช้า VIP ที่ต้องจ่ายแพงขึ้น
สำหรับคนที่ต้องการนั่งคู่เพียง 2 คนเป็นส่วนตัว และยังมีกระเช้าแบบเสียวสุด คือพื้นที่เราเหยียบอยู่เป็นกระจกใส เพื่อให้ชมวิวเบื้องล่างได้สะใจสุดๆ ถ้าคุณเป็นคนใจอ่อนและกลัวความสูง แบบพื้นกระจกใสนี้ผมไม่แนะนำนะครับ
ภูเขาหินปูนสีเทายอดแหลมตะปุ่มตะป่ำที่รถกระเช้ากำลังไต่ความสูงและความชันขึ้นไปนี้ มีชื่อว่า กูนุง มันจิงจัง (Gunung Machinchang) ที่มีธรณีสัณฐานหินปูนเก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน คือ 550 ล้านปี โดยมีสถานีรถกระเช้าบนสุดตั้งอยู่บนยอดเขาความสูง 708 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บนนี้จัดทำเป็นระเบียงวงกลมขนาดใหญ่ในพื้นที่เปิดโล่ง ให้เราชมวิวได้รอบตัว 360 องศา โดยมีราวกั้นกันตกที่ค่อนข้างปลอดภัย
จากจุดนี้เราจะเห็นถึงสภาพแท้จริงของภูมิประเทศทั้งหมด ที่ประกอบขึ้นด้วยระบบนิเวศหลายแบบ ทั้งภูเขาหินปูนสีเทาตะปุ่มตะป่ำที่ถูกลม ฝน และแสงแดด กัดกร่อนมานานถึง 550 ล้านปี รวมถึงป่าดงดิบเขียวรกชัฏที่ห่อหุ้มบางส่วนของเทือกเขาหินปูนไว้
นอกจากนี้เมื่อมองดีๆ ก็จะเห็นน้ำตกขนาดใหญ่แทรกตัวอยู่ระหว่างแนวไพรนั้น และเมื่อมองออกไปในทิศทางที่เป็นทะเลอันดามัน เราจะเห็นทั้งหาดทราย ป่าชายเลนและหมู่เกาะมากมาย รวมกันเข้าเป็นห่วงโซ่แห่งชีวิตในธรรมชาติ เปรียบเหมือนของขวัญที่โลกได้ประทานให้เราชื่นชมไม่สิ้นสุด
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบนยอดเขานี้จะมีอุณหภูมิเย็นกว่าที่เชิงเขาถึง 5 องศาเซลเซียสเสมอ คงเป็นเพราะความชื้นจากป่าดงดิบที่ห่อหุ้มภูเขาเอาไว้ ทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย เดินชมวิวถ่ายภาพบนสถานียอดเขาได้อย่างเพลิดเพลิน
แต่จริงๆ กิจกรรมบนนี้ไม่ได้มีแค่การชมวิว เพราะยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ (Sky Trail) จากยอดเขากลับลงมาสู่เชิงเขาด้วย ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร รวมทั้งยังมีอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมที่ทั่วโลกต้องตะลึง คือ สะพานลอยฟ้าลังกาวี (Langkawi Sky Bridge) เป็นสะพานโลหะขนาดมหึมา สร้างเป็นทรงโค้งเชื่อมยอดเขาสูง 700 เมตร สองลูกเข้าด้วยกัน โดยสะพานยักษ์นี้ยาวถึง 82 เมตร รับน้ำหนักได้ 250 คนในครั้งเดียว
เคยได้รับการโหวตให้เป็นวิวน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลกเมื่อปี 2013 มาแล้ว และสร้างขึ้นโดยแทบไม่ตัดต้นไม้เลยสักต้น มองดูจึงเหมือนกับว่ามันผุดขึ้นจากยอดเขาหินปูนและราวป่าอย่างน่าอัศจรรย์ รวมถึงการก่อสร้างต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ขนส่งอุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นไปประกอบกัน สุดยอดจริงๆ!
ลังกาวีเป็นเกาะที่อยู่ไม่ไกลเมืองไทยบ้านเรา เดินทางไม่ยาก หวังว่าเมื่อภาวะโควิด-19 ระบาดคลี่คลายลง และเราได้ฉีดวัคซีนป้องกันโดยถ้วนหน้าแล้ว ท่านจะได้มีโอกาสไปสัมผัส Langkawi SkyCab ด้วยตัวท่านเอง แล้วจะรู้สึกว่าการเห็นด้วยตาตัวเองมันมหัศจรรย์กว่าตัวอักษรที่ผมบรรยายให้ฟังเป็นล้านเท่าเลยครับ