ไม่ใช่ใคร..ก็มาเป็น 'ครูอนุบาล' ได้
"ครู" เป็นวิชาชีพที่ต้องผ่านกระบวนการบ่มเพาะ การเรียนรู้ การฝึกฝนการเรียนการสอนที่ต้องพร้อมด้วยการปฏิบัติ และจิตใจ ต้องมีจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู
ยิ่งการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย เด็กอนุบาล "ครูผู้สอน" มีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาศักยภาพของเด็กในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ทางกาย จิตใจ อารมณ์ การเสริมสร้างพัฒนาการ ระบบความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมของเด็ก เรียกได้ว่า เด็กในช่วงวัยดังกล่าวเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ ช่างจดช่างจำ
ฉะนั้น การรับครูผู้สอน และบุคลากรที่จะมาดูแลเด็กในช่วงเวลาทอง "วัยเด็กเล็ก วัยอนุบาล" ว่ากันว่าต้องมีการสืบประวัติการศึกษา และมีหนังสือรับรองจากตำรวจ ส่วนกรณีครูต่างชาติที่โรงเรียนเอกชนได้ทำสัญญากับสถาบันภาษา ต้องมีการตรวจที่เข้มงวดกว่า คือ ผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมแรงงาน สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน และสำนักงานศึกษาจังหวัด โดยต้องขออนุญาตคุรุสภาก่อน ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
ตามแนวทางมาตรฐาน การรับครูต่างชาติของโรงเรียนเอกชนนั้น ต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป นี้
1.โรงเรียนต้องตรวจสอบวุฒิการศึกษาแลประวัติอาชญากรรมของชาวต่างประเทศ
2.โรงเรียนยื่นเรื่องเพื่อขอให้สช./สพป./สช.จังหวัด มีหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ชาวต่างประเทศขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราเป็นประเภท Non-Immigrant รหัส B กทม.ยื่นเรื่องที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา/สำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด
เอกสารประกอบ ได้แก่ หนังสือของโรงเรียน ระบุหน่วยงานที่ขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา รหัส B คือสถานเอกอัครราชทูต (ระบุเมืองและประเทศ)/สถานกงสุลใหญ่ (ระบุเมืองและประเทศ)/สถานกงสุลกิตติมศักดิ์(ระบุเมืองและประเทศ) ตารางแสดงจำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษา สัญญาจ้างฉบับจริงระหว่างโรงเรียนกับชาวต่างประเทศ ให้กำหนดวันที่จ้างล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน ประทับตราโรงเรียน
สำเนาหนังสือเดินทางทุกหน้า ที่มีการบันทึกรายการพร้อมบับจริง (ชาวต่างประเทศรับรองสำเนาถูกต้อง) สำเนาหนังสือเดินทางทุกหน้า พร้อมฉบับจริง สำเนาวุฒิการศึกษา 1ชุด พร้อมฉบับจริง หนังสือรับรองจากสถานทูต สำเนาเอกสารการรับรองว่าไม่มีประวัติอาชญากรรมจากประเทศที่เป็นถิ่นพำนัก สำเนาใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียน/การอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงกิจกราร และสำเนาหนังสือแต่งตั้งผู้อำนวยการ รวมถึงต้องมีสำเนาหนังสือทุกฉบับ ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้อำนวการรับรองสำเนาถูกต้อง
3.เมื่อสช./สพป./สช.จังหวัด ออกหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่โรงเรียนแจ้งไว้แล้วให้ชาวต่างชาติดำเนินการขอเปลี่ยนวีซ่าเป็นประเภท Non-Immigrant รหัสB
4.เมื่อบุคลากรทางการศึกษาชาวต่างชาติเปลี่ยนวีซ่าเป็นประเภท Non-Immigrant รหัสB ให้โรงเรียนดำเนินการดังต่อไปนี้ จัดทำหนังสือแต่งตั้งบุคลากรทางการศึกษาชาวต่างชาติ โรงเรียนยื่นเรื่องขอหนังสือรับรอง บุคลากรทางการศึกษาชาวต่างชาติขอใบอนุญาตทำงานที่กรมการจัดหางาน และขอต่ออายุวีซ่าที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
5.เมื่อโรงเรียนดำเนินการตามขั้นตอน ให้รายงานไปยังสช./สพป./สช.จังหวัด
6.เมื่อขอลาออกหรือหมดระยะเวลาจ้างตามสัญญาจ้างหรือ โรงเรียนให้ออกจากหน้าที่โรงเรียนต้องดำเนินการถอดถอนบุคลากรทางการศึกษาและรายงานไปยังสช./สพป./สช.จังหวัด
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ที่มี พี่เลี้ยง ครูต่างชาติ ทำร้ายเด็กทั้งที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู นั้น ถือว่าผิดด้วยกฎหมาย และมีโทษจำคุกไม่เกิน3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ