กว่า เสียดาย จะได้ฉาย คุณหญิงแมงมุม’ รอมา 5 ปี
‘เสียดาย 2020’ ละครออนไลน์เรื่องนี้ แมัจะเป็นปัญหาวัยรุ่นและครอบครัว แต่ก็ถ่ายทำแบบภาพยนตร์ดราม่า มีมิติที่ลึกและชวนคิดในหลายๆ เรื่อง
"ถ้าครอบครัวไหนเปิดอกคุยกัน เจอกันบ่อยๆ เมื่อเขามีเรื่องอะไร เขาก็จะเข้ามาหาเรา แทนที่เขาจะไปปรึกษาคนอื่น ที่ไม่มีคำตอบเหมือนกัน สิ่งที่ต้องการนำเสนอคือ อยากให้ครอบครัวใกล้กันมากขึ้น ทุกวันนี้มีไลน์ มีเฟซบุ๊ค มีเฟซไทม์ แต่มันก็ไม่เหมือนมากอดกัน มานั่งคุยกัน มายิ้มให้กัน มันทดแทนกันไม่ได้ค่ะ"
คุณหญิงแมงมุม หรือ ม.ร.ว. ศรีคำรุ้ง ยุคล รัตตกุล ผู้จัดและผู้กำกับ บริษัท ศรีคำรุ้ง โปรดักชั่น จำกัด กล่าวถึงสิ่งที่อยากจะบอกในละครเรื่อง ‘เสียดาย’ ในงานพรีวิวปฐมบทเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ 3 เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์
- ทำไมต้องเสียดาย
"เรื่องนี้แรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อค่ะ เป็นหนังที่ท่านพ่อเคยทำไว้ เป็นเรื่องที่แมงมุมชอบมากๆ แล้วเราได้กลับไปดูอีกครั้งเมื่อโตขึ้น รู้สึกว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัย 90 ปัจจุบันก็ยังมีปัญหานี้อยู่ ทั้งปัญหาครอบครัวที่พ่อแม่ไม่สื่อสารกับลูก หรือไม่มีเวลาให้ลูกอย่างเพียงพอ ก็เลยไปปรึกษาเพื่อน ซึ่งรู้เท่าไม่ถึงการณ์เหมือนกัน นำไปสู่ยาเสพติด" คุณหญิงแมงมุม เล่า และบอกว่า
"ภาพยนตร์ในตำนานเรื่อง ‘เสียดาย’ ในปี พ.ศ. 2537 เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านมุ้ย ได้รับความสนใจอย่างมากจากสังคม เพราะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาให้เห็นถึงปัญหายาเสพติด ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ และความรุนแรงในครอบครัว
ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองถึง 7 ตัว เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่ทำรายได้ 52 ล้านบาทในยุคนั้น ซึ่งการนำกลับมาทำใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งเนื้อหาที่หนัก และนักแสดงหน้าใหม่อายุน้อยโดยเล่าผ่านปู เดือน เงาะและ แป๋ม วัยรุ่นทั้งสี่
"ถ้าย้อนไป 5 ปีก่อน ตอนนั้นน้องๆ ก็เด็กด้วย เราได้ใช้ชีวิตด้วยกันก่อนที่จะเริ่มถ่าย ไปกินข้าวกัน มาเวิร์คช็อปกัน ไปไหนด้วยกันเป็นเดือนๆ มาถึงกองก็ไม่มีการเคอะเขินกันแล้ว บรรยากาศในกองเหมือนครอบครัว
แต่ซีเรียสมากก็มี มีโดนดุ โดนทุกคน บางทีการดุของแมงมุมเป็นการสื่อสาร เป็นวิธีการ บางทีดุๆๆๆ น้องร้องไห้ ไปเลยเข้าฉากเลย ดุจริงก็มี คือไม่ปล่อยเลยสักฉาก นอกจากแมงมุมไม่สบาย วิ่งเข้าห้องฉุกเฉินไปฉีดยาแล้วออกมากำกับต่อ
ดีใจที่ได้ทำงานกับน้องที่มีความตั้งใจมาก เป็นความฝันของผู้กำกับทุกคนที่ได้ทำงานกับนักแสดงแบบนี้ เห็นพัฒนาการของน้องๆ รายวันเลย เพราะว่าบทมันยากมาก ไม่มีวันไหนที่กลับไปตาไม่บวม มีบททั้งร้องไห้ โดนตี โดนข่มขืน เป็นเรื่องหนักมาก ที่รับเล่นก็แปลกแล้ว เราคุยกับนักแสดงก่อน ถ้าเรามีวัตถุประสงค์เหมือนกัน เขาก็อยากให้ผลงานออกมาดี
เพราะโอกาสที่จะทำโปรเจคใช้ฝีมือขนาดนี้ไม่ค่อยมี แล้วการแสดงครั้งนี้ เพื่อการศึกษา ไหนๆ จะทำแล้ว เราต้องทำให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ ไม่ใช่ทำเพื่อความบันเทิง แต่ทำเพื่อให้ความรู้ ว่าพฤติกรรมแบบนี้ จะส่งผลแบบไหน มันเป็นเรื่องจริง มันไม่ใช่นิยายที่ทำให้เด็กดูสนุกสนาน เราจึงทำออกมาให้ชัดเจน ฉากเสพยา ใช้เข็มจริง ไปถ้ำกระบอกก็อาเจียนจริง กินยาถ้ำกระบอกจริงๆ"
คุณหญิงแมงมุม เล่าและเชื่อเสมอว่า ชีวิตคนเราต้องเรียนรู้ทุกวัน แต่จะเอาความรู้นั้นๆ ไปปรับใช้หรือเปล่า
"ตอนนี้ก็ปิดบริษัทไปแล้ว ดีใจที่เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายและได้ทำงานกับน้องๆ กลุ่มนี้ พอได้เห็นผลงานอยู่บนฟิล์มก็อยากให้คนอื่นเห็นเหมือนกันว่า พวกเขาตั้งใจแค่ไหน แล้วเขาทำได้แค่ไหน"
- เกือบจะต้อง‘เสียดาย’
จะว่าไปแล้ว นี่อาจจะไม่ใช่ละคร เพราะถ่ายทำแบบภาพยนตร์ แต่ตั้งใจว่าจะฉายทางทีวี เรื่องนี้บวงสรวงเปิดกล้องในปี พ.ศ.2559 เป็นโปรเจคเดียวกับเรื่อง ปริศนา, เจ้าสาวของอานนท์, รัตนาวดี สามเรื่องนี้ฉายทางช่อง PPTV ไปแล้ว แต่ ‘เสียดาย’ ยังไม่มีคิวออกอากาศ
"มันเป็นเวลา 4-5 ปีแล้วที่เราจะได้ฉายหรือไม่ได้ฉาย คือตอนเราไม่สบาย 2 ปีก็ยังห่วงอยู่ เพราะเราทำงานร่วมกันทุกขั้นตอน เพราะฉะนั้นการจะไปฉายที่ไหน ขึ้นอยู่กับ PPTV เราเป็นเพียงผู้สร้าง ไม่ได้ดูแลเรื่องของการฉาย ทำเสร็จก็ส่งทางช่องเลย เราทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้ว แต่ตอนที่รู้ว่าไม่ได้ฉาย คือผิดหวังมาก มุมไม่แคร์ตัวเองหรอก มันสนองตัณหาของเราไปแล้ว แต่มุมคิดว่า การไม่ได้ฉาย มันทำให้น้องๆ รู้สึกเหมือนถูกทำลาย เราก็รู้สึกเหมือนโดนทำร้ายไปด้วย"
ล่าสุด ‘เสียดาย’ ได้รับการติดต่อให้ไปฉายทางออนไลน์ บนแอพพลิเคชั่น iQIYI (อ้ายฉีอี้) ด้วยแนวคิดที่เน้นการมอบประสบการณ์ที่น่าสนใจและแปลกใหม่ให้กับผู้ชม ดังความหมายของคำว่า iQIYI (อ้ายฉีอี้) ที่แปลว่า ‘รักในความแปลกใหม่’
"ตอนนี้รู้สึกดีที่ได้เผยแพร่บน iQIYI (อ้ายฉีอี้) แปลว่าเขาเข้าใจ ก็หวังว่ามันจะเพิ่มยอดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วงการหนังไทยเทียบเท่าประเทศอื่นได้บ้าง" คุณหญิงแมงมุม บอกถึงความรู้สึกล่าสุด
- ดูแล้วจะไม่ ‘เสียดาย’
นอกจากเรื่องราวที่เข้มข้นแล้ว การแสดงของนักแสดงแต่ละคนก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล รับบทเป็นปู เธอ บอกว่า ความยากคือดราม่ามากๆ เข้มข้นมากๆ แล้วยังมีการใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้นมาด้วย เป็นบทบาทที่หนักมาก
"ฉากสะเทือนอารมณ์ถ่ายทำวันแรกของการเปิดกล้องเลยค่ะ ด้วยความรักใคร่ของพี่มุม เมื่อเราผ่านอะไรยากๆ ไปแล้ว ทุกอย่างจะง่ายขึ้น มีการเซฟให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากฉาก เป็นการให้เกียรติ พี่ต้นก็มาบรีฟก่อน ยกมือไหว้พี่ขอโทษนะ เราทำเต็มที่ดีกว่า จะได้เทคน้อยๆ พี่มุมบอกว่า ไม่ว่าคนจะมองเรายังไง ให้งานพิสูจน์ว่าเราเป็นคนแบบไหน ทำให้เต็มที่ เราได้เห็นภาพแล้ว นั่นคือสิ่งที่เราพยายามไป ก็หวังว่าทุกคนจะได้เห็นค่ะ”
พลอย ศรนรินทร์ รับบทเป็น แป๋ม เล่าว่า เป็นละครเรื่องแรกที่ได้ทำงานกับพี่มุม
"พี่มุมใจดีมาก เป็นทุกอย่าง เป็นทั้งผู้กำกับ เป็นพี่สาว ในเรื่อง แม่ติดการพนัน พ่อเป็นตำรวจ เราเป็นลูกที่เกเรติดยา เป็นครอบครัวที่ดาร์คๆ ค่อนข้างยาก เพราะว่าต้องเล่นเป็นคนห้าวๆ แล้วตอนนั้นพลอยเรียบร้อยมาก ท้าทายมากๆ แต่ผ่านมาได้ เพราะมีพี่มุม แล้วมีนักแสดงช่วยกัน ได้อะไรจากเรื่องนี้เยอะ สามารถนำไปปรับใช้กับเรื่องอื่นได้เยอะมากๆ"
แพรวพรรณรายณ์ ศันสนะพิทยากร รับบทเป็นเดือน เล่าว่า ในบทเรื่องนี้คุณพ่อกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ดันเกิดอุบัติเหตุ คุณแม่เลยต้องเป็นผู้นำครอบครัว ออกไปทำงานหาเงิน
"แม่ต้องไปขายตัว เรารู้สึกเห็นใจแม่ อยากให้น้องได้เรียน ไม่อยากให้แม่ลำบาก ก็ไปทำตามแม่ สุดท้ายก็ไปหาเพื่อนๆ แล้วทุกวันนี้ยาเสพติดก็ไม่ได้หายไป อยากให้เรื่องนี้เป็นตัวแทนให้ทุกคนหันมาเปิดใจมากขึ้น ทั้งเด็กและผู้ปกครอง อยากให้ผู้ปกครองรับฟัง ค่อยๆ ปรับความเข้าใจ ค่อยๆ หาทางแก้ แต่ถ้าทำไปแล้ว ลงโทษก็ยังไม่ถูก ผิดแล้วยังโดนซ้ำเติมอีก ก็อยากให้คุยกันมากขึ้น"
แพท-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช รับบทเป็นเงาะ เล่าว่า ในฉากถูกพ่อตี ตอนถ่ายทำเซฟมาก แต่ด้วยความที่มันจริงมาก ก็มีพลาดบ้าง ทุกตัวละครมีปัญหาในครอบครัวมาก่อนเหมือนกัน แล้วเกิดปัญหาภายในสั่นคลอนกันทุกคน
"ในเรื่องคุณพ่อติดเหล้า ใช้ความรุนแรงในครอบครัว เกิดความไม่ไว้เนื้่อเชื่อใจระหว่างคุณพ่อคุณแม่ที่สื่อสารบกพร่อง เลยทำให้พอทำผิด หนึ่งอย่าง ก็มีสอง สาม สี่ ตามมา แล้วก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บานปลาย ขาลายเลย จริงๆ เซฟที่ก้น แต่ว่าไม้ที่ตีมันลงล่างเฉยเลยค่ะ เจ็บจริง ร้องจริงเลยค่ะ โดนตบตีทั้งเรื่อง สถานการณ์ที่ตัวละครเจอมันท้าทายมากๆ ไม่ใช่แค่เรานะคะ ทุกคนสุดๆ เหมือนกัน ไม่แพ้กันเลย"
ฟลุค-ณธัช ศิริพงษ์ธร รับบทเป็นหยก เล่าว่า แสดงเป็นลูกคนจีนที่ชอบเต้น รักการประกวดเต้น คุณแม่เห็นด้วย แต่คุณพ่อไม่สนับสนุนให้ไปเต้นหรือเต้นกินรำกิน ทำให้มีปัญหาเก็บกด
"ฟลุคว่าครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญ น่าจะเปิดอกคุยกับคุณพ่อคุณแม่ เด็กทุกคนมีความฝันหมด ถ้าคุณพ่อคุณแม่รัก ก็ต้องสนับสนุนในสิ่งที่ลูกอยากทำจริงๆ ถ้าสิ่งนั้นมันไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด คาแรคเตอร์ค่อนข้างไกลตัว เพราะเราเต้นไม่เก่ง ก็ต้องไปเรียนหนักพอสมควร พี่มุมให้การบ้าน ส่งไปเรียนเวิร์คช็อป เรียนแบบตัวต่อตัว แล้วส่งมาให้พี่มุมดูว่า จะมีการปรับแก้อะไรยังไง เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ
เจสซี่-เมฆ เมฆวัฒนา รับบทเป็นหลุยส์ เล่าว่า ในเรื่องเป็นคนที่โตกว่าเพื่อนๆ เรื่องนี้มีมุมดราม่าในชีวิตส่วนตัวและเรื่องแฟน
"เป็นหัวโจกวัยรุ่น อยู่กับลุงสองคน ครอบครัวแตกแยก มีปัญหา เลยไปเป็นคนขายยาเสพติด มีเรื่องดราม่ากับลุงเยอะ ถ้าถามว่าเสียดายอะไร ตอนนี้ไม่เสียดาย เพราะได้ฉายแล้ว ตอนถ่ายทำในสถานที่จริง ในห้องนอน เสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้กันมาก เป็นโรงหนังเก่าที่ฉายหนังโป๊ 4 เรื่อง 50 บาท"
ชิน-ชินดนัย กนกศรีถาวร รับบทเป็นโจ้ เล่าว่า แสดงเป็นเด็กที่อยู่แฟลตเดียวกับแป๋มกับเดือน เป็นเพื่อนกัน
"เราแอบชอบแป๋ม แป๋มทำอะไรก็ทำด้วย ก็เข้าไปอยู่ในวังวนของยาเสพติดด้วย คาแรคเตอร์ตัวจริงกับในเรื่องต่างกันครับ โจ้เป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจเลย ตามเพื่อน ก็เลยทำให้ไปอยู่ในวังวนที่ไม่ดี ถ้าเข้าใจแต่แรกหรือรู้ว่ายาเสพติดไม่ดี เราก็ควรจะเดินออกมา"
....................
ติดตามชม ‘เสียดาย’ ได้ทางแอพพลิเคชัน iQIYI (อ้ายฉีอี้) และเว็บไซต์ iQ.co
