กทม. เตรียมผุดบ้านพักคนชราบึงสะแกงาม เพื่อผู้สูงวัยในบั้นปลายชีวิต
กทม. เตรียมผุดบ้านพักคนชราบึงสะแกงาม สามารถรองรับผู้สูงอายุได้กว่า 150 คน ภายใต้แนวคิดการออกแบบคือการสร้างความสุขให้ผู้สูงอายุในบั้นปลายชีวิตด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด พร้อมขอความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19
วันนี้ (5 ม.ค. 64) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร : พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ว่า กรุงเทพมหานครได้จัดทำโครงการบ้านพักผู้สูงอายุ บึงสะแกงาม เขตคลองสามวา ซึ่งกรุงเทพมหานครได้รับบริจาคที่ดินรวม 32-1-16 ไร่ มาจากผู้มีจิตศรัทธา ตั้งอยู่ในบริเวณบึงสะแกงาม แนวคิดการออกแบบคือการสร้างความสุขให้ผู้สูงอายุในบั้นปลายชีวิตด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนสาธารณะ ได้แก่ อาคารศูนย์บริการสาธารณสุข และลานจอดรถยนต์ ส่วนกึ่งสาธารณะ ได้แก่ อาคารอำนวยการ และอาคารฝึกอาชีพ อาคารศูนย์อาหาร สวนสุขภาพ อาคารกายภาพบำบัด ธาราบำบัด และ ส่วนที่พักอาศัย ได้แก่ บ้านพักอาศัย อาคารบริการและพักอาศัยเจ้าหน้าที่ และอาคารกิจกรรม คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 65 สามารถรองรับผู้สูงอายุได้กว่า 150 คน สำหรับงบประมาณในการดำเนินการมีทั้งงบประมาณของกรุงเทพมหานครเอง และเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวทางการดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้สำนักงานเขตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการ ร้านอาหารต่างๆ ในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อาทิ เวลาในการให้บริการ การเว้นระยะห่าง การใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” การเก็บข้อมูลผู้ที่มาใช้บริการ การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การจัดจุดล้างมือหรือแอลกอฮอล์ไว้บริการ และห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้นั่งดื่มภายในร้านอาหาร เป็นต้น
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องการเชื้อโควิด-19 พร้อมกันนี้ได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆ พิจารณาถึงการทำงานจากที่บ้าน (WFH) ของบุคลากรในหน่วยงาน เพื่อลดความแออัดในสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะบุคลากรที่พักอาศัยในจังหวัดพื้นที่เสี่ยง หากสามารถทำได้ก็ให้ปฏิบัติงานจากที่บ้านแทนการเดินทางมาทำงานตามปกติ นอกจากนี้กรุงเทพมหานครได้ลดจำนวนจุดสกัดและตรวจคัดกรองจาก 14 จุด เหลือ 8 จุด เพื่อให้มีความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่เป็นหลัก พร้อมขอความร่วมมือประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ล้างมือบ่อยๆ และมีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นวิธีที่ทุกคนสามารถทำได้เพื่อช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19