เช็คก่อนฉีด วัคซีน ‘โควิด’
วัคซีน “โควิด” ใกล้เข้ามา แต่ก็มาพร้อมสารพัดคำถาม มาเช็คร่างกายและคลายข้อสงสัยกันก่อนจะฉีด “วัคซีน” จริง ในเร็วๆ นี้
ความคืบหน้าเรื่อง วัคซีนโควิด-19 เป็นทั้งข่าวดีและเป็นข้อสงสัยที่หลายคนอยากรู้ ทั้งเมื่อไรวัคซีนตัวความหวังนี้จะบินมาถึงประเทศไทย หรือคำถามง่ายๆ แบบคนขี้สงสัยว่า “ก่อนจะเอาเจ้าวัคซีน “โควิด” มาฉีดใส่ในตัว เราต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรกันแน่ ? ”
แน่นอนว่า “วัคซีน” ที่เข้ามาในประเทศไทยล็อตแรก คงจะอยู่ในมือของสาธารณสุขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับหน่วยงานเอกชนก็คงขึ้นอยู่กับเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะอนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ ทำการใช้งานได้แบบเป็นทางการเท่านั้น ฉะนั้น ในระหว่างที่นับถอยหลังรอสัญญาณไฟเขียวจาก อย. ลองมาทำความเข้าใจกับข้อสงสัยการเตรียมตัวฉีดวัคซีน “โควิด” ก่อนสักนิด กับ คุณหมอสมชัย ลีลาศิริวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านตจวิทยา และที่ปรึกษาผู้จัดการความเสี่ยง โรงพยาบาลพระรามเก้า
“ใคร” บ้าง ที่มีสิทธิ์ฉีดวัคซีน COVID-19
“ในเบื้องต้นวัคซีนทุกตัว สามารถฉีดให้กับคนแข็งแรง ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ถ้าเป็นผู้หญิง “ต้องไม่ได้ตั้งครรภ์” อยู่ครับ เพราะในการทดลองที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีการทดลองฉีดในคนอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือในเด็ก หรือในสตรีมีครรภ์ ดังนั้นโดยทั่วไป การฉีดวัคซีนจะยังไม่มีนโยบายฉีดให้กับคนกลุ่มนี้ครับ”
ก่อนไปฉีดวัคซีน ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
“การฉีดวัคซีนโควิด-19 ก็เหมือนกับการฉีดวัคซีนทั่วๆ ไปครับ หากร่างกายเราปกติแข็งแรงดี เราก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ ดังนั้นก่อนมาฉีดก็ควรเช็คความพร้อมว่าเราไม่ได้เป็นไข้ ไม่ได้เจ็บป่วย หรือไม่มีอาการไข้หวัดใดๆ ก็สามารถฉีดได้เลยครับ”
แล้วถ้ามีอาการป่วยด้วยโรคร้ายแรง จะมีสิทธิ์ฉีดวัคซีน COVID-19 หรือไม่
“ตามข่าวที่เราเห็นว่าเกิดอุบัติการณ์ของการเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนค่อนข้างเยอะ จึงมีคำแนะนำจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ FDA ใน “บางประเทศ” ว่าคนที่มีสุขภาพอ่อนแอมากๆ อายุมากจริงๆ หรือเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเร็งขั้นลุกลาม ว่าไม่ควรฉีด ทว่านี่ก็เป็นเพียงรายงานในบางประเทศเท่านั้น ยังไม่ใช่การออกคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก สำหรับประชากรทั้งโลก สำหรับในไทยก็คงต้องติดตามข้อมูลจาก อย. เป็นรายวัน”
การฉีดวัคซีน COVID-19 จะมีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่
“โดยปกติแล้วการฉีดวัคซีนเกือบทุกชนิด จะมีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยอยู่แล้ว ซึ่งเป็นอาการทั่วๆ ไปของอาการไข้หวัด เช่น มีไข้ มีอาการปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดบริเวณที่ฉีด รวมถึงมีอาการอ่อนเพลีย ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ หรือกับการแพ้วัคซีน ตามที่รายงานมาจะเจอได้ค่อนข้างน้อย ซึ่งโอกาสเกิดประมาณ 10-20 คน ในล้านคน เรียกได้ว่าไม่สูงมาก แตกต่างจากวัคซีนทั่วไปเล็กน้อย แต่หากในภาพรวมเกิดอันตรายหรือมีความเสี่ยงมากเกินไปเมื่อไร ทาง อย. หรือ FDA ก็น่าจะระงับการฉีดวัคซีน COVID-19 โดยทันทีครับ”
แล้วจากข่าวที่มีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน COVID-19 เกิดจากสาเหตุอะไร
“ประเด็นการฉีดวัคซีน COVID-19 แล้วทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงจนเสียชีวิตในคนสูงอายุ ในบางประเทศที่มีรายงานมา ถือว่ายังเป็นเรื่องเบื้องต้นมาก ๆ ซึ่งในบางแห่งมีรายงานว่าอาจเกิดโอกาสแพ้มากกว่าวัคซีนทั่วไป แต่ก็ยังไม่มีใครตอบได้ว่าการเสียชีวิตเหล่านี้ เกิดจากการฉีดวัคซีน COVID-19 โดยตรงหรือไม่ และเราต้องทำความเข้าใจว่า วัคซีนทุกชนิดแม้กระทั่งวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ๆ ที่เราฉีดกันทุกปี มันมีโอกาสแพ้หรือแพ้รุนแรงเกิดขึ้นได้เสมอ แต่หากมองในภาพรวม การฉีดวัคซีนถ้าสามารถทำได้ ย่อมดีกว่าการไม่ฉีดวัคซีนแน่นอนครับ”
ทำไมจึงต้องมีการฉีดวัคซีน COVID-19 “เข็มที่สอง”
“ที่จริงแล้ววัคซีน COVID-19 มีทั้งชนิดที่ฉีดเข็มเดียวและฉีด 2 เข็ม แต่วัคซีนที่เราทราบๆ กัน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวัคซีนที่ต้องฉีด 2 เข็ม เหตุผลเพราะว่า “การฉีดเข็มที่สองจะเป็นการกระตุ้นภูมิที่มีอยู่แล้ว ให้มีสูงเร็วขึ้น” พูดง่ายๆ คือการฉีดวัคซีนเข็มเดียวก็สามารถกระตุ้นภูมิได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่กว่าภูมิจะขึ้นสูงจนเรามั่นใจว่าป้องกันโรคได้จริง จะต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง โดยทอดระยะเวลาออกไปประมาณ 4-6 สัปดาห์ จะช่วยกระตุ้นภูมิจากวัคซีนเข็มแรก ให้ขึ้นมาในระดับที่สูงพอที่จะป้องกันโรคได้เร็วขึ้นนั่นเอง”
ในตอนนี้โรงพยาบาลพระรามเก้าพร้อมให้บริการฉีดวัคซีน COVID-19 แล้วหรือยัง
“สำหรับตัวโรงพยาบาลพระรามเก้าเอง เราอยู่ในขั้นเตรียมความพร้อม และเราก็กำลังรอไฟเขียวจากรัฐบาลหรือกระทรวงสาธารณสุขมากกว่า ซึ่งเมื่อไรที่ทางโรงพยาบาลพระรามเก้าได้รับไฟเขียว เราก็พร้อมดำเนินการให้บริการกับทุกคนในทันทีครับ
แม้ในตอนนี้เราจะยังไม่รู้เวลาที่แน่นอน ว่าวัคซีนความหวังจะได้รับการฉีดโดยทั่วถึงเมื่อไร แต่ผู้เขียนเชื่อว่าข้อมูลสำคัญที่ได้จาก คุณหมอสมชัย และโรงพยาบาลพระรามเก้า ก็คงมากพอในระดับหนึ่ง ที่จะให้ทุกคนได้ทำการสำรวจตัวเอง ว่าพร้อมพอสำหรับการฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง ? เมื่อพร้อมแล้ว เราก็มานั่งรอ “ไฟเขียว” จากรัฐบาลไปพร้อมๆ กันได้เลยครับ”