ช่วยด้วย! "นกชนหิน" ใกล้สูญพันธุ์แล้ว

ช่วยด้วย! "นกชนหิน"  ใกล้สูญพันธุ์แล้ว

ใกล้ถึงวันรักนกเงือก(13 กุมภาพันธ์)แล้ว แต่"นกชนหิน" นกเงือกชนิดหนึ่งที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ยังตกอยู่ในสภาวะถูกคุกคามไล่ล่าอย่างหนัก จนแทบจะไม่เหลือในประเทศไทยแล้ว

"ไม่มีใครต้องการหัวนกชนหิน เท่ากับนกชนหินอีกแล้ว... เพราะถ้ามันถูกตัดหัวไป ก็ดำรงเผ่าพันธุ์ไม่ได้ บางคนบอกว่า นกชนหินสูญพันธุ์ ไม่เห็นกระทบอะไรกับชีวิตประจำวันของเราเลย ซึ่งที่จริงแล้วสัตว์ป่ามีความสำคัญต่อโลกอย่างมาก ป่าหลายที่ในปัจจุบัน เช่น ป่าภาคเหนือ ไม่มีนกเงือก ไม่มีชะนี มีแต่ต้นไม้ เงียบงัน

นกชนหินมีความสำคัญมากในการกระจายพันธุ์พืช ที่ดอยสุเทพ เชียงใหม่ พอลูกตาเสือออก ลูกมะเกื้อมออก ร่วงหล่นไปหมดไม่มีสัตว์มากินเลย เพราะไม่มีนกเงือก ไม่มีชะนี เราก็จะไม่เห็นพันธุ์ไม้รุ่นลูกของพวกนี้ในป่าภาคเหนืออีกแล้ว" 

นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ รองประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร พูดในงานเสวนาออนไลน์ ‘ทำไมต้องผลักดันนกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวน’ เพื่อร่วมผลักดันให้เป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 ของประเทศไทย ที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียรจัดขึ้น เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564

  • นกโบราณหายาก

เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2562 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้สร้างแคมเปญรณรงค์ ‘ขอให้นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนอันดับที่ 20 ของไทย’ เชิญชวนร่วมกันลงชื่อ ผ่านเว็บไซต์ change.org เพื่อร้องเรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 

โดยแนบรายชื่อประชาชนกว่า 26,000 รายชื่อ เพื่อเร่งประกาศผลักดันให้เป็นพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้ นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 ของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ

"ประเทศไทยเป็นเมืองหลวงของนกเงือก นกเงือกมี 52-53 ชนิด ในประเทศไทยมีถึง 13 ชนิด นกเงือกปากย่น มีเฉพาะทางใต้, นกเงือกหัวหงอก, นกเงือกสีน้ำตาล, นกเงือกปากดำ, นกแก๊ก, นกกก, นกเงือกหัวแรด ที่สวยมากๆ นกเงือกคอแดง อยู่ภาคตะวันตก นกเงือกกรามช้าง ชอบอยู่กันเป็นฝูงหลายร้อยตัว

161223589151 นกชนหิน

นกชนหิน Helmeted Hornbill เป็นนกที่มีหน้าตาดึกดำบรรพ์มาก เกิดขึ้นก่อนนกเงือก เป็นนกสายพันธุ์โบราณ 40 กว่าล้านปี ช่วงไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไป 65 ล้านปี มีความคล้ายคลึงกับกิ้งก่าบิน ตัวผู้จะมีหนังเปลือยสีแดง ตัวเมียสีฟ้า ไว้ระบายความร้อน มีเสียงร้องเป็นเอกลักษณ์ เวลามันร้องจะค่อย ๆ รัวขึ้นเรื่อย ๆ ลงท้ายด้วยเสียงฮ่า ๆ ๆ ดังก้องป่า

นกชนหินเป็นนกเงือก 1 ใน 13 ชนิดในประเทศไทย ที่มีความรักในคู่ของมัน มีหางยาว รวมแล้วเมตรกว่า ๆ ทำรังในโพรงไม้บนต้นไม้ใหญ่ เป็นตัวชี้วัดว่าป่านั้นมีต้นไม้ใหญ่อุดมสมบูรณ์

161223591342 นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์

จุดสำคัญคือ โหนกตัน เอาไว้ชนกันกลางอากาศระหว่างนกตัวผู้ เพื่อประกาศอาณาเขตและคัดเลือกสายพันธุ์กับตัวเมีย โหนกตัน ทำให้โดนไล่ล่า เพราะมีลักษณะเสมือนหยกทองคำหรืองาช้างสีเลือด มีราคาสูงมาก มีประมูลราคาในเว็บไซต์ทั่วโลกตลอดเวลา

ทำให้นกชนหินตกอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ (Critical Endangered Species) ปัจจุบันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 บัญชีที่ 1 ของอนุสัญญาไซเตส กำลังถูกคุกคามไล่ล่าอย่างหนัก เพื่อเอาโหนกไปทำเครื่องประดับ" คุณหมอรังสฤษฎิ์ เล่า

  • สถานการณ์ปัจจุบัน

      ปรีดา เทียนส่งรัศมี นักวิจัย มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก เล่าว่า นกชนหินในพื้นที่ภาคใต้ตอนนี้ เราพบ 22 โพรงอยู่บนต้นไม้ เป็นที่ต้องการของตลาด แต่รังนกที่ใช้งานจริง ๆ มีอยู่ 3 โพรงเท่านั้น ในปีนี้ ตอนนี้พรานนักล่าที่มาล่านกชนหิน เจาะจงมาที่นี่เลย เพราะที่นี่เป็นบ้านของนกเงือก

"ตอนนี้สถานการณ์แย่มาก เราต้องออกมาเรียกร้อง จะช่วยเหลือมันยังไง ปีที่ผ่านมามีทั้งการล่า การล้วง นกชนหินมีระยะเวลาวางไข่นานกว่านกเงือก 5 เดือน ล่าสุดเราได้เห็นลูกนกชนหินในขบวนการค้าสัตว์ป่า  แล้วที่สำคัญนกชนหินไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้ เราไม่เคยเห็นที่ไหนเลี้ยงรอดเลย"

"นกชนหิน ตอนนี้เหลือน้อยเต็มที ปัจจัยคุกคามส่งผลกระทบต่อนกชนหินมี 3 ประการคือ 1. การล่า 2. ถิ่นที่อยู่ถูกทำลาย 3. ขบวนการค้าสัตว์ป่า ปัจจุบันกรมอุทยานฯได้ควบคุมพื้นที่ด้วยการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol) ตอนนี้ทำอยู่ 213 พื้นที่ มีทีมลาดตระเวนทั่วประเทศ 1,225 ทีม 

ในปีงบประมาณ 2563 เราเดินลาดตระเวนระยะทาง 2 ล้าน 7 แสนกว่ากิโลเมตร เน้นเรื่องการดูแลพื้นที่ถิ่นที่อยู่ของมัน มีการประชุมกับหลายภาคส่วน เพื่อจะดึงนกชนหินกลับมาเป็นสัตว์ป่าสงวนให้ได้" สมปอง ทองสีเข้ม ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พูดถึงการทำงานที่ผ่านมา 

ขณะที่คุณหมอเล่าว่า สาเหตุที่นกชนหินใกล้สูญพันธุ์ เพราะมีใบสั่งมาจากเมืองจีนและต่างประเทศ สถานภาพนกชนหินทั้งโลก แย่ลงมาก จากภาวะถูกคุกคาม กลายเป็นภาวะสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ภายในปีเดียว เป็นสเต็ปสุดท้ายแล้วก่อนที่จะสูญพันธุ์ แต่ก่อนการล่าเกิดขึ้นที่อินโดนีเซีย เมื่อแถวนั้นหมดแล้ว ก็เข้ามาล่าในไทย  

"ปัจจัยที่ทำให้นกชนหินลดน้อยลง เพราะต้นไม้ใหญ่ที่จะทำโพรงรังหายาก เป็นโพรงตามธรรมชาติ มีความลึกที่เหมาะสม นกเงือกจะเป็นแบบนั้น แต่นกชนหินจู้จี้ขึ้นอีกระดับ ทุกโพรงต้องมีปุ่มให้มันเกาะ เพราะว่าหัวมันหนัก มันจะไปเกาะแบบนกเงือกไม่ได้ มีข้อจำกัดในการเลือกโพรงรังอีก

ส่วนเรื่องการเพาะเลี้ยง ก็ไม่ใช่ทางออก มีความพยายามมาไม่รู้เท่าไรแล้ว ล้มเหลวตลอด และการเพาะเลี้ยงไม่มีประโยชน์อะไร ถ้ามันไม่ได้กลับไปทำหน้าที่ของมันในธรรมชาติ เหมือนเสือที่อยู่ในกรง ไม่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ ไม่มีคุณค่าของความเป็นเสือ ที่เป็นสัตว์ผู้ล่า"

  • ทางออกของปัญหา

"ถ้าทำให้นกชนหินมาอยู่ในกลุ่มสัตว์ป่าสงวนได้ ก็จะมีการดูแลเป็นกรณีพิเศษ มีการทำแผนแม่บทการดูแล การอนุรักษ์เรื่องถิ่นที่อยู่อาศัย เรื่องของการล่า อย่างน้อยใน 10 พื้นที่ที่ยังมีนกชนหินปรากฏอยู่ เราจะติดตามอย่างใกล้ชิด แต่การประกาศเป็นสัตว์ป่าสงวนไม่ใช่ว่านกชนหินจะไม่ถูกล่า

เราต้องทำเรื่องการจัดการดูแลพื้นที่ เกาะติดกระบวนการค้าสัตว์ป่า จัดตั้งทีมเหยี่ยวดงดูแลเพิ่มขึ้น ในการประชุมครั้งต่อไปเราคงผลักดันผ่านคณะกรรมการ ผ่านครม.ออกมาเป็นพระราชกฤษฎีกา

โทษของการล่าสัตว์ป่าคุ้มครองกับสัตว์ป่าสงวนก็แตกต่างกัน กรณี ล่า ค้า นำเข้า ส่งออก ถ้าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้าน หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าเป็นสัตว์ป่าสงวนจำคุก 3-15 ปี ปรับ 3 แสน-1 ล้าน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้ามีไว้ในครอบครอง โทษไม่เกิน 5 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

เราเข้มงวดกับการค้าสัตว์ ไม่ว่าค้าถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย มีมาตรการติดตาม เข้มงวด กับผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการสวนสัตว์ทั้งหมด 49 แห่ง นกชนหินเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องเข้มงวด ปัจจุบันยังมีแจ้งว่า มีการครอบครองอยู่บ้าง แต่ไม่เยอะ 

ถ้าประกาศเป็นสัตว์สงวนแล้ว ก็ต้องแจ้งให้ผู้ครอบครองทราบว่า ถ้าประสงค์จะดูแลต่อ ก็ต้องมีใบอนุญาต แต่ถ้าไม่ดูแลต่อ ต้องจำหน่ายจ่ายโอนให้สวนสัตว์ที่ได้รับอนุญาตถูกกฎหมาย ไม่สามารถจำหน่ายจ่ายโอนในภาคเอกชนด้วยกันได้" ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เล่า 

ส่วนคุณหมอรังสฤษฎ์ เล่าว่า เราไม่เพียงกำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของนกชนหินเท่านั้น สิ่งแวดล้อมก็ตกอยู่ในอันตรายด้วย

"ตอนนี้อยู่ในภาวะวิกฤติ เสี่ยงต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ จริง ๆ แล้วเกินจุดวิกฤติแล้ว 60 ปีที่ผ่านมาเราสูญเสียสัตว์ไป 60 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ทั้งหมดในโลก ครั้งหนึ่งเราเคยมี แรด กระซู่ สมัน 

เป็นหน้าที่ของเราทุกคน สังคมต้องหันมาใส่ใจตรงนี้ เรายังอยากได้ยินเสียงร้องของนกชนหิน อยากให้เป็นมรดกธรรมชาติที่เราสามารถเก็บรักษาและส่งต่อให้ลูกหลานของเราได้  ผมอยากขอร้องมนุษย์ทั่วโลก

นกชนหินมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศมาก และจะน่าเสียดายมาก ถ้านกที่มีสายพันธุ์ 40 กว่าล้านปี ทนร้อนทนหนาว ผ่านยุคน้ำแข็งมากี่รอบ ยังอยู่ได้ แต่จะมาสิ้่นสุดเพราะน้ำมือของพวกเรา เราต้องเห็นคุณค่าของมัน ให้มันมีโอกาสดำรงสายพันธุ์ต่อไป"