เช็ค!! "แอพeZTracker" ก่อนฉีดฟิลเลอร์

โดยธุรกิจดาวรุ่งอันดับ 1 ในปีหน้าได้แก่ สองธุรกิจ คือ ธุรกิจบริการทางการแพทย์ความงาม กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (ที่ซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งตลาดธุรกิจเพื่อสุขภาพและความงามของประเทศไทย ปี 2562 มีมูลค่าสูงถึง 250,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตต่อเนื่อง 15-20% ทุกปี คิดเป็นสัดส่วนตลาดคลินิกความงามราว 30,000 ล้านบาท และโดยเฉพาะตลาดศัลยกรรมความงามที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี

ทว่าเมื่อเกิดโควิด-19 ในปี 2563 มาตรการป้องกันโรค อย่างการล็อกดาวน์ ทำให้อุตสาหกรรมความงามที่ได้รับผลกระทบ เพราะเป็นอีกแห่งหนึ่งถูกปิดการให้บริการ  ทว่าในช่วงคลายล็อกดาวน์ พบว่า มีผู้ต้องการทำโบท็อกซ์ 88% ทรีทเมนต์หน้า 81% ฉีดฟิลเลอร์ 75% และยกกระชับหน้าด้วยHifu,อัลเทอร่า หรือเทอร์มาจ 56%   

 

“พิรพัฒน์ ศรีวัฒนวงศ์” หัวหน้าฝ่ายธุรกิจผลิตภัณฑ์ความงาม บริษัทกัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผู้บริโภคต้องการทำฟิลเลอร์ และฉีดโบท็อกซ์ ทันทีภายใน 3 เดือนหลังจากคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่ปัญหาที่พบเจอมากที่สุด คือ มีการปลอมฟิลเลอร์ Restylane มีการซื้อขายออนไลน์ฟิลเลอร์ Restylane จำนวนมาก ทำให้เกิดการทำเลียนแบบ ปลอมจำนวนมาก

เกิดกรณีฉีดฟิลเลอร์เข้าในเส้นเลือด โดย 2-3 เดือนสามารถพบเจอผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อการฉีดฟิลเลอร์ปลอมได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผลเสีย อาทิ ตาบอด หรือ อันตรายต่อชีวิต แต่ถ้าเป็นกรณีปานกลาง เช่น มีรอยช้ำ มีตุ่ม ฉีดแล้วไม่เรียบเนียนไปกับผิว พบว่า 50% ของผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์จะมีอาการเหล่านี้ บางคนอาจมีอาการติดเชื้อ อักเสบ ฟิลเลอร์เน่า เป็นหนอง เกิดพังผืด และอาจทำให้หน้าบิดเบี้ยว

จึงได้พัฒนานวัตกรรมเพื่อนำมาใช้ในการตรวจสอบผลิตยาและเวชภัณฑ์ รวมถึง ฟิลเลอร์ Restylane เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และทำให้ผู้บริโภค และสถานพยาบาล คลินิกต่างๆ ได้รู้ว่าผลิตภัณฑ์ใดเป็นของจริงและผลิตภัณฑ์ใดเป็นของปลอม ร่วมกับ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา (ประเทศไทย)  ซึ่งทำธุรกิจเวชกรรมและยามากว่า 70 ปี มีบริษัทตั้งอยู่ 13 ประเทศทั่วโลก โดยมีเป้าหมายในการมุ่งมั่นพัฒนายาและนวัตกรรมสุขภาพต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงยาและนวัตกรรมสุขภาพอย่างทั่วถึง

 “พักตร์นลิน บูลกุล” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่าผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ประมาณ 1ใน 10 ของประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือเป็นของปลอม และได้มีการจับกุมผลิตภัณฑ์ปลอมทั่วโลกในปี 2561 เพิ่มสูงขึ้นถึง 63% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

นอกจากนั้นยังมีปัญหาการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์สำหรับความงามในธุรกิจความงามของประเทศไทยได้ปรากฏเด่นชัดขึ้น โดยในปี . 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถจับกุมผลิตภัณฑ์สำหรับความงามปลอมหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง จำนวนรวมกว่า 400,000 ชิ้น ซึ่งประกอบไปด้วยสารกลุ่มโบทูลินั่มท็อกซินและเดอร์มัลฟิลเลอร์ ซึ่งถูกจำหน่ายให้กับคลินิกเสริมความงามทั่วกรุงเทพฯ

“มีผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบมากขึ้น ทำให้แพทย์ สถานพยาบาล รวมถึงผู้บริโภค แยกแยะระหว่างผลิตภัณฑ์จริงกับปลอมได้ยาก แอพพลิเคชั่น eZTracker เป็นการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน มาช่วยในการเชื่อมต่อข้อมูลที่มาใช้ในทางการแพทย์ มีความน่าเชื่อถือ สร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการใช้งานได้อย่างมีคุณภาพ โดยจะใช้ตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ ได้ตั้งแต่ต้นทาง ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย จนกระทั่งผู้บริโภค แพทย์ และประชาชนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นนี้ได้ฟรี เพื่อตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาใช้นั้นปลอมหรือไม่ ก่อนจะฉีดฟิลเลอร์ หรือผลิตภัณฑ์ใดๆเข้าสู่ใบหน้า ร่างกาย ผู้บริโภคก็สามารถตรวจสอบ สืบค้นได้ทันที ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและปรับปรุงความปลอดภัยและการควบคุมคุณภาพของผู้ป่วย” พักตร์นลิน กล่าว