จุฬาฯ วิจัย “แสมทะเล" แก้ผมร่วงตีตลาดเส้นผม
ถึงจะเข้าสู่ยุคสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 แต่เรื่องความหล่อ ความสวยความงามยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องดูแลตัวเองให้คงอยู่ไว้ ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลความงามตั้งแต่หัวไปจรดเท้ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมของตลาดความงามในปี 2562 จากการอ้างอิงข้อมูลของ Euromonitor พบว่า ตลาดความงามในไทยมีการเติบโตจากปีก่อนหน้านี้ 6.7% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวม 2.18 แสนล้านบาท
โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวยังครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 42% รองลงมา คือผลิตภัณฑ์ผม 15% , เครื่องสำอาง 12% , ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย (hygiene) 14% , น้ำหอม 5% และผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก 12%
หากเจาะลึกไปแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ พบว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมเติบโต 5.9% มูลค่ารวม 3.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 82% , ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม 13% , ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม 4% และผลิตภัณฑ์ยืด/ดัดผม 1%
“ผมร่วง ผมบาง หัวล้าน” เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทุกเพศทุกวัยประสบพอเจอ โดยเฉพาะผมร่วง หัวล้านที่หลายคนมีความกังวล ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับตนเอง
ศ.ดร.วันชัย ดีเอกนามกูล ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษางานวิจัย “ผลิตภัณฑ์แก้อาการผมร่วงชนิดแอนโดรจินิค-อโลเพเชียจากสารสกัดแสมทะเล” กล่าวว่าจุดเริ่มของงานวิจัยดังกล่าวเกิดจากนิสิตระดับปริญญาเอก ที่ต้องการวิจัยเรื่องของเส้นผม ซึ่งเมื่อได้ศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้ พบว่าปัญหาเส้นผม มี 2 ประเด็น คือ ผมร่วง และผมขาว ซึ่งนิสิตสนใจเรื่องผมร่วง จึงได้ร่วมกันศึกษาหาข้อมูลว่าสาเหตุที่ทำให้คนผมร่วงนั้น เกิดจากอะไรบ้าง และทำการค้นหาว่าสารจากพืชหรือสารอะไรที่จะสามารถช่วยยับยั้งการหลุดร่วง หรือเพิ่มจำนวนเส้นผมได้บ้าง
“ผมร่วงเกิดจาก 2 สาเหตุหลักๆ คือ 1.กรรมพันธุ์ พบมากที่สุด ถึง 65% และ 2.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสเตียรอยด์ (Steroid) ในร่างกายของคนๆ นั้นมีมากเกินไป ไม่สมดุล รวมถึงฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศเป็นการเปลี่ยนแปลงพัฒนาการของร่างกายและเกี่ยวข้องกับผมร่วง โดยการรักษาถ้าไม่เป็นการปลูกถ่ายเส้นผม ก็จะใช้ยา ซึ่งยาดังกล่าวสามารถรักษาอาการผมร่วงได้เพียง 50% เท่านั้น คือ ถ้าทายาไป100 คน จะมีเพียง 50 คนที่ผมกลับมาเป็นเช่นเดิม ไม่ร่วงแล้ว”ศ.ดร.วันชัย กล่าว
การวิจัยครั้งนี้ได้มีการคัดกรองสารสกัดสมุนไพรจำนวนกว่า 50 ชนิด และสารบริสุทธิ์จำนวนกว่า 20 ชนิด พบว่า สารสกัดจากแสมทะเลมีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ สาร avicequinone C ที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอ็มไซม์ที่สร้างฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วง นอกจากนี้ สารสกัดจากแสมทะเลยังช่วยในการสร้างโปรตีนที่เสริมการงอกของเส้นผมได้อีกด้วย จึงเป็นการช่วยแก้ปัญหาอาการผมร่วงได้แบบครบวงจร
ศ.ดร.วันชัย กล่าวต่อว่าจริงๆแล้วแสมทะเล เป็นภูมิปัญญาแผนโบราณดั่งเดิมในการแก้เลือดลมในร่างกาย หรือใช้ในการฟอกเลือด ขับเลือดให้หมด ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีใครนำแสมทะเลมาใช้ทางการแก้ผมร่วง แต่เมื่อได้ทำการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ พบว่าเป็นสมุนไพรทางธรรมชาติที่มีสรรพคุณแก้ผมร่วงได้ดีมาก มีการศึกษากลไกในเซลล์ว่าสามารถยับยั่งในระดับเซลล์ของเซลล์รากผม อีกทั้งสารสกัด ดังกล่าวได้มีการทดสอบการใช้งานจริงว่ามีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ตรวจสอบการแพ้บนหนังศีรษะ การระคายเคือง หรือการแพ้ต่อผิวหนัง ซึ่งพบว่าผู้ทดลองใช้ไม่พบอาการใดๆ อีกทั้งทุกขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐานสากล
“เราได้รับสมัครอาสาสมัครจำนวน 50 ท่าน โดยเป็นกลุ่มอายุที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้สูงอายุ และมีการให้นำผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมไปใช้ ซึ่งจะมีการถ่ายรูปศีรษะของอาสาสมัครทุกมุม รวมทั้งใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องบริเวณที่ผมหลุดร่วงเพื่อดูลักษณะการหลุดร่วงของเส้นผม และนัดหมายอีก 1 เดือน ถ่ายรูปในตำแหน่งเดิมเพื่อดูการเปลี่ยนแปลง โดยทำอย่างนี้ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 เดือน เราพบว่า เพียงแค่เดือนแรกที่ใช้สารสกัดแสมทะเล บริเวณศีรษะที่ล้านเริ่มมีผมดำแซมขึ้นจนปิดรอยที่เกิดจากการหลุดร่วง จำนวนผมที่หลุดร่วงเวลาสระผมลดลง เส้นผมแข็งแรง ยึดติดกับหนังศีรษะได้ดีขึ้น ที่สำคัญ ไม่พบว่ามีผู้ใช้สารสกัดแสมทะเลแล้วมีอาการแพ้ อีกทั้งในกลุ่มตัวอย่างวัยหนุ่มสาว อายุ ไม่ถึง 40ปี จะมีผลหลุดร่วงน้อยกว่าผู้สูงอายุ และยังทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงมากขึ้น”ศ.ดร.วันชัย กล่าว
ผลงานวิจัย “ผลิตภัณฑ์แก้อาการผมร่วงชนิดแอนโดรจินิค-อโลเพเชียจากสารสกัดแสมทะเล” มีความแตกต่างกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและเวชสำอางอื่นๆ เนื่องจากเป็นออแกนิค ทุกอย่างมาจากธรรมชาติ เพราะโดยมากแล้วการรักษาอาการผมร่วงจะเป็นการพึ่งพายาที่ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงอื่นๆ
ศ.ดร.วันชัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีการนำเข้ายาสังเคราะห์จากต่างประเทศ ทั้งชนิดยาทาและยารับประทานซึ่งใชัได้ผลเพียง 30% และ 48% ตามลำดับ ซ้ำยังมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก อีกทั้งผลิตภัณฑ์แก้ผมร่วงในไทยจะเป็นการนำสารต่างๆมาจากต่างประเทศ ดังนั้นสารสกัดจากแสมทะเล ไม้ยืนต้นที่พบได้ในป่าชายเลนของไทยจะช่วยลดการนำเข้ายาสังเคราะห์เหล่านั้น และยังอาจเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างมูลค่าทางการตลาดให้ประเทศอีกด้วย
ปัจจุบัน มีบริษัทเอกชนซื้อลิขสิทธิ์ผลงานวิจัยชิ้นนี้ผ่านสถาบันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งจุฬาฯ เพื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว โดยจะทำการทดสอบกับอาสาสมัครจำนวนมากอีกครั้ง ก่อนจะจะเข้าสู่กระบวนการผลิตเชิงพาณิชย์และขอขึ้นทะเบียน อย. ต่อไป ซึ่งคาดว่าอีกไม่เกิน 6 เดือน ผลิตภัณฑ์จากสารสกัดแสมทะเลจะเริ่มออกวางจำหน่ายในท้องตลาด
“ตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผมมีอัตราการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะผมร่วงซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดและหาทางรักษา ขณะนี้จึงมีผลิตภัณฑ์ลดผมหลุดร่วงออกมามากมายทั้งผลิตภัณฑ์ในไทยและต่างประเทศ ฉะนั้น การที่นักวิจัยไทยสามารถสร้างผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรไทยได้ และมีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์รองรับ เป็นไปตามมาตรฐานสากลและไม่มีผลข้างเคียง นอกจากจะลดการนำเข้าแล้ว อยากให้คนไทยช่วยอุดหนุนสินค้า ผลงานวิจัยจากหิ้งสู่ห้างของนักวิจัยไทยด้วย โดยหลังจากนี้ทางทีมนักวิจัยจะพัฒนาต่อยอด การดูแลเรื่องผมขาวเพื่อให้คนไทยได้มีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีคุณภาพ มาตรฐานสากลได้ใช้”ศ.ดร.วันชัยกล่าว