ครม.ไฟเขียว แบนพลาสติก 4 ชนิด 'ถุงหิ้ว-โฟม-แก้ว-หลอด' แบบเด็ดขาดในปี 2565
ครม.มีมติอนุมัติแผนลด-เลิกผลิตขยะพลาสติก ประกาศห้ามใช้ "พลาสติก 4 ชนิด" ถุงหิ้ว โฟม แก้ว หลอด พลาสติก แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ในปี 2565 พร้อมขีดเส้นพลาสติก 7 ชนิดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 50% ในปี 2565
วันที่ 15 ก.พ.64 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอดังนี้
1. เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) [(ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ] เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ต้องเร่งดำเนินการ ภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 - 2573
2. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
โดยเพื่อเป็นกรอบและแนวทางการดำเนินงานร่วมกันจากทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกที่สำคัญและต้องเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในช่วง 3 ปีแรก (ปี พ.ศ. 2563 - 2565) ก้าวสู่การจัดการพลาสติกที่ยั่งยืน ด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน (Moving Towards Sustainable Plastic Management by Circular Economy) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ แผนการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2563 - 2565 เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกรวมถึงการจัดการขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ มีรายละเอียดดังนี้
1) ยกเลิกการใช้พลาสติก 4 ประเภท แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในปี 2565
คณะรัฐมนตรี มีมติให้มีการ ลด-เลิกใช้พลาสติกโดยใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แบบ "ร้อยเปอร์เซ็นต์" หรือหมายถึงการยกเลิกใช้อย่างสิ้นเชิง ภายในปี 2565 สำหรับพลาสติก 4 ประเภทดังนี้
X ถุงพลาสติกหูหิ้ว แบบบาง ถุงพลาสติกหูหิ้ว ความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน
X กล่องโฟมบรรจุอาหาร กล่องโฟมบรรจุอาหาร ไม่รวมถึงโฟมที่ใช้กันกระแทกในภาคอุตสาหกรรม
X แก้วพลาสติกบาง แก้วพลาสติก ความหนาน้อยกว่า 100 ไมครอน
X หลอดพลาสติก ยกเว้นการใช้กรณีจำเป็น ได้แก่ การใช้ในเด็ก คนชรา ผู้ป่วย เป็นต้น
2) นำพลาสติกกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยนำพลาสติกกลับไปใช้ใหม่ ไม่น้อยกว่า 50% ในปี 2565
ประกอบด้วย
X ถุงพลาสติกหูหิ้วแบบหนา
X บรรจุภัณฑ์ฟิล์มพลาสติกชั้นเดียว
X ขวดพลาสติกทุกชนิด
X ฝาขวด
X แก้วพลาสติก
X ถาด และกล่องอาหาร
X ช้อน ส้อม มีดพลาสติก
โดยในปีฐาน พ.ศ. 2562 รวมการใช้พลาสติก 7 ประเภทอยู่ที่ 1,341,668 ตัน เป้าหมายนำกลับไปใช้ประโยชน์ร้อยละ 50 หรืออยู่ที่ 670,834 ตัน
มาตรการ มีรายละเอียดดังนี้
1. มาตรการลดการเกิดขยะพลาสติก ณ แหล่งกำเนิด โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในการป้องกันและควบคุมการเกิดของเสียตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต โดยการออกแบบ/ผลิตสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-design) ลดปริมาณสารพิษในผลิตภัณฑ์ เลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ รับผิดชอบของเสียที่เกิดจากสินค้าของตนเอง ผลักดันให้มีการปรับปรุงพัฒนามาตรฐานการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ การพัฒนาระบบฉลากสิ่งแวดล้อม การพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมพลาสติก และมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลพลาสติกให้เป็นมาตรฐานเดียวกันที่สามารถเชื่อมโยงทั้งประเทศ
2. มาตรการลด เลิกใช้พลาสติก ณ ขั้นตอนการบริโภค โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในการส่งเสริมการบริโภคที่ยั่งยืน โดยเสริมสร้างจิตสำนึกของประชาชนในการบริโภคที่เหมาะสม โดยเฉพาะการลด เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (SUP) ที่มีผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม และไม่สามารถนำกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
3. มาตรการจัดการขยะพลาสติกหลังการบริโภค โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ส่งเสริมให้ประชาชนลด และคัดแยกขยะ ส่งเสริมให้มีการนำขยะพลาสติกมาผลิตเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel : RDF) การส่งเสริมให้อุตสาหกรรมบางประเภทต้องใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลพลาสติก และจัดหาเทคโนโลยีการใช้ประโยชน์จากขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ตามแผนการดังกล่าว คาดว่า จะสามารถลดปริมาณขยะพลาสติกได้ 780,000 ล้านตัน / ปี และลดงบประมาณการกำจัดขยะมูลฝอย 3900 ล้านบาท/ปี รวมถึงประยัดพื้นที่ฝังกลบ และกำจัดขยะมูลฝอยพลาสติก 2,500 ไร่ และลดปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจก เทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ 1.2 ล้านตัน