239 ของไอดอลสาวชาวไร่ ‘นายน์ BNK48’
บนทางท้าทาย ชีวิตไม่ง่ายในโลกที่ไม่ได้เป็นสีชมพูของเด็กท้ายตารางเกิร์ลกรุ๊ปแห่งยุค
ความสำเร็จของวงไอดอล BNK48 ดึงดูดให้เด็กผู้หญิงหลายคนอยากเข้ามาเป็นสมาชิกในวงหรือที่เรียกกันว่า ‘เมมเบอร์’ ซึ่งกว่าจะได้มีนามสกุล BNK48 ต่อท้ายไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งวงมีชื่อเสียงเท่าไรจำนวนผู้สมัครคัดเลือกก็มากขึ้นเท่านั้น โอกาสการได้เป็นเมมเบอร์จึงมีตัวหารจำนวนมหาศาล
แต่เมื่อฟันฝ่ามาได้แล้ว ใช่ว่าเส้นทางสายนี้จะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ตั้งแต่การสร้างชื่อเสียงไปจนถึงการรักษาความนิยมและยังต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดล้วนเป็นโจทย์สุดหินของเด็กๆ กลุ่มนี้
- จากไร่สู่ปลายฝัน
“เมื่อก่อนหนูไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ใส่ชุดสีเยอะๆ มีหลายคนเขาเป็นใคร เพราะหนูไม่ได้สนใจ ไม่ได้ติดตามด้วย เห็นคนอื่นเขาร้องเพลงคุกกี้เสี่ยงทายหนูก็ไม่รู้จัก มีครั้งหนึ่งที่ประกวด folk song แล้วรุ่นพี่บังคับให้ร้องเพลงนี้ แต่หนูร้องไม่เป็น” ภัทรนรินทร์ เหมือนฤทธิ์ หรือ ‘นายน์ BNK48’ เล่าถึงการรับรู้ก่อนจะเข้ามาออดิชัน เหมือนว่านี่ไม่ใช่ความใฝ่ฝันแต่ปัจจุบันนายน์คือเมมเบอร์ใน BNK48 รุ่นที่สอง นับจากวันที่เปิดตัวก็เกือบจะครบหนึ่งปีแล้ว
แม้จะไม่สนใจ แต่ความสำเร็จในระดับปรากฏการณ์ก็ท้าทายให้เธออยากหาคำตอบว่าเพราะอะไรไอดอลวงนี้จึงโด่งดัง และคำว่าไอดอลที่แท้จริงคืออะไร จากเด็กผู้หญิงธรรมดาที่แต่ละวันหมดไปกับการเรียน เล่นดนตรี และช่วยพ่อแม่ทำงานในไร่อ้อยกับนาข้าว จึงลองก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้
“เมื่อก่อนก็จะขับรถสีส้มๆ ย่ำร่อง ย่ำร่องก็คือหลังจากที่เราหยอดอ้อยลงไปแล้วเราก็จะย่ำร่องให้ดินมันแน่นขึ้น อีกอย่างคือการลากสายน้ำหยด เราจะลากให้มันตรงร่องแล้วปล่อยน้ำ เราใช้เครื่องปล่อยไฟจากรถสีส้มๆ เป็นจุดปล่อยแล้วน้ำก็จะขึ้น แล้วก็กำจัดวัชพืชไม่ให้มันมาแย่งต้นอ้อยเราโต แต่ทุกวันนี้ไม่มีเวลาทำเลยค่ะ (หัวเราะ)”
อันที่จริงนายน์ไม่ได้มีชีวิตอยู่แค่กับเรือกสวนไร่นา เพราะอีกด้านหนึ่งเธอผ่านการประกวดและมีผลงานในวงการบันเทิงมาบ้างแล้ว ถึงจะไปไม่สุดทางแต่ก็พอเห็นแวว
ส่วนการสมัครคัดเลือกเป็นเมมเบอร์จะเป็นแค่เพราะอยากลองทำ แต่ในวันที่ชื่อของนายน์ถูกประกาศว่าเป็นรุ่นสอง เธอเปิดเผยว่าเสียน้ำตาไปมาก เป็นการร้องไห้ที่ในหัวเต็มไปด้วยความกังวล...ความเหนื่อย, เรื่องเรียน, พ่อแม่จะลำบากมากขึ้น เพราะเธอยังเรียนหนังสืออยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นขณะที่เรียนชั้น ม.6 จึงเป็นรอยต่อของทั้งชีวิตการเรียนและหน้าที่การงาน
- 239 ของสาวชาวไร่
นายน์ BNK48 เกิดและโตที่นครสวรรค์ แทบจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นตลอดสิบกว่าปี การต้องรับหน้าที่ใหม่เป็นโอกาสที่จะมีชื่อเสียง มีรายได้ แต่ก็ต้องแลกด้วยความเหนื่อยล้าอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง
ตัวเลข 239 ที่มักถูกพูดถึงในหมู่แฟนคลับและกลายเป็นตัวเลขประจำตัวของนายน์ไปแล้ว คือระยะทางจากนครสวรรค์ถึงกรุงเทพฯ ที่เด็กผู้หญิงคนนี้ต้องเดินทางมาซ้อม มาแสดง และกลับไปที่นครสวรรค์ทันทีโดยมีคุณแม่ขับรถให้ หากนับความถี่คืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน เป็นอย่างนี้เสมอมาตลอดเวลาเกือบปี นายน์จึงตั้งใจว่าความพยายามเหล่านี้จะไม่สูญเปล่า แต่พอถึงวันที่ประกาศเซ็มบัตสึ (ผู้ถูกเลือก) เพลงเปิดตัว BNK48 รุ่นที่สอง กลับไม่มีชื่อเธอ
“ตอนที่ประกาศเพลงฤดูใหม่หนูก็ค่อนข้างจะคาดหวังนิดหนึ่ง แต่พอไม่ติดก็เลยถามแม่ว่าแม่ไหวหรือเปล่า แม่เหนื่อยหรือเปล่า ถ้าแม่ไม่ไหวหนูก็จะออก เขาก็บอกว่าตามใจหนู เขาบอกว่ามันอยู่ที่หนูเพราะเขาไม่ได้เป็นคนที่มาทำตรงนี้ด้วย เขามาคอยรับส่ง หนูก็บอกว่าหนูไหวนะ ถ้าแม่ไม่ไหวก็บอก แล้วหนูก็จะหยุดจากตรงนี้ คือมันเป็นความคิดของคนที่อาจจะหมดหวังมากกว่า แต่พอเราสู้ไปเรื่อยๆ อะไรหลายๆ อย่างก็เข้ามาหาเรา”
หลังจากการประกาศชื่อ แน่นอนว่าคนที่เสียใจที่สุดคือคนที่ไม่ถูกเลือก นอกจากนายน์จะกลับไปถามแม่ เธอยังถามหัวใจตัวเองอีกครั้งถึงจุดที่กำลังยืน
“หนูถามตัวเองว่าที่ทำอยู่มันโอเคหรือเปล่า รู้สึกว่าเราชอบมันไหม หนูก็ตอบตัวเองได้นะว่าหนูชอบ หนูว่าหนูก็ดีใจมากๆ จากคนที่เต้นอะไรไม่เป็นเลย มาเต้นเป็น แล้วเราทำได้เกือบทุกอย่าง อาจจะไม่ทุกอย่างแต่ทำได้จากเมื่อก่อนที่เราทำไม่เป็น”
ส่วนกับอีกคำถามว่าที่นายน์ตั้งใจมาหาคำตอบคือไอดอลจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร เธอยอมรับว่าเมื่อก่อนรู้จักแต่คำว่า ‘เน็ตไอดอล’ ที่ไม่ว่าจะทำดีหรือไม่ดีก็มีโอกาสดัง แต่กับคำว่า ‘ไอดอล’ จริงๆ คือตรงกันข้าม
“พอหนูได้มารู้จักคำว่าไอดอลจริงๆ แล้วมันทำให้หนูรู้ว่าเราควรที่จะเป็นแบบอย่างให้แก่คนอื่น ควรจะทำให้เขาเห็นว่าเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเป็นตัวอย่างให้เด็กรุ่นเดียวกัน เด็กที่โตกว่า หรืออายุน้อยกว่าเราได้ เราไม่จำเป็นต้องเป็นทุกอย่างแต่ทำให้เขาเห็นว่าเด็กอย่างเราก็ทำได้ แค่เราลองพยายามทำอะไรสักอย่าง”
หลายคนอาจเคยสงสัยว่าเบื้องหน้าอันสวยงามกับความจริงที่เป็น โหดร้ายกว่ากันหรือเปล่า ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘โหดร้าย’ นายน์ก็หัวเราะแห้งๆ ออกมา พอเดาได้ว่าฉากหลังของการต่อสู้แสนเหนื่อยไม่ได้งดงามมากนัก การยืนอยู่กลางแสงไฟที่อาจส่องถึงบ้าง ไม่ถึงบ้าง น่าตั้งคำถามว่าจะมาลำบากทำไม...
นายน์อธิบายให้ลองคิด จากเด็กที่ไม่รู้จัก BNK48 แล้วได้มาเป็น BNK48 มันเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เธอว่าโหดร้ายมีแค่การซ้อม “วันแรกที่หนูมาซ้อม หนูรู้สึกว่ามันโหดมาก”
ตัวเลข 239 จึงไม่ได้มีความหมายแค่ระยะทางที่เธอมาตามความฝัน ไม่ใช่แค่ช่วงเวลา 3 ชั่วโมงที่เด็กผู้หญิงคนนี้หลับเป็นตายแทบจะทุกวัน แต่ 239 คือระยะทางที่ไม่ว่านายน์จะหันมองกลับไป หรือทอดสายตาไปข้างหน้าก็มีค่าเสมอ
“หนูว่าถ้าเราอยากจะติดเซ็มบัตสึ ก็เป็นแค่เพียง 239 (สองสามก้าว) ที่เราจะเดินไปถึงจุดนั้น ด้วยความพยายามและมุ่งมั่นของเรา” นายน์บอก
- เรื่องเล่าจากท้ายตาราง
ด้วยระบบภายในวง BNK48 ที่ถูกวางมาจากวงต้นทางอย่าง AKB48 คือ เมมเบอร์ต้องเพิ่มและรักษาความนิยมในตัวเองให้ได้ ซึ่งจะมีผลต่อปริมาณงาน โอกาสติดเซ็มบัตสึในเพลงต่างๆ ทุกคนจึงพยายามและหลายคนก็ไปถึงจุดนั้น
แต่กับบางคนถึงจะพยายามและทุ่มเทแค่ไหนก็ยังถูกทิ้งไว้ที่ตำแหน่ง ‘ท้ายตาราง’ อยู่ดี ซึ่งนายน์ BNK48 คือหนึ่งในนั้น นายน์ยอมรับว่าด้วยความสามารถที่ถนัดคือการร้อง เล่นดนตรี อาจจะไม่เพียงพอเพราะยังขาดเสน่ห์ที่คนมองเห็นได้จากภายนอก นั่นคือเรื่อง ‘หน้าตา’
“หน้าตาเราอาจยังไม่ดึงดูดใครหลายๆ คน เราอาจไม่น่ารัก หรืออาจไม่ได้สวย หนูคิดว่าแฟนคลับบางคนเขามองผู้หญิงในแต่ละแบบไม่เหมือนกันมากกว่า เขาอาจจะชอบในความน่ารักของบางคน บางคนอาจจะชอบที่ความสามารถ และหนูก็รู้สึกว่า...อาจเป็นเพราะหนูไม่ค่อยได้โพสต์รูปหรือโปรโมทตัวเองด้วยว่าวันนี้หนูทำอะไรอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หนูเป็นคนที่ดูแต่คนอื่นแต่ไม่เคยโพสต์
แต่หนูรู้สึกว่าคนติดตามเรามากขึ้นจากการ cover เพลงของวงตัวเองและของคนอื่นด้วย แล้วก็มีคนแชร์ต่อไปเรื่อยๆ ทำให้เราเป็นที่รู้จักในการ cover แล้วก็ได้พี่ฝ้าย (ฝ้าย BNK48) มาช่วย เพลงที่ประสบความสำเร็จจริงๆ เลยก็คือเพลง Kimi wa Melody แต่เพลงที่มีคนติดตามเพิ่มเรื่อยๆ คือเพลงฟ้าหลังฝน เป็นเพลงที่หนูกับรุ่นพี่ที่โรงเรียนร่วมกันแต่ง หนูก็บอกว่าถ้าหนูจะใส่ชื่อให้พี่พี่จะเอาไหม เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรให้นายนั่นแหละ เพลงนี้พี่ปูเป้ BNK48 แชร์ เลยทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แล้ววันที่ขึ้นเธียเตอร์กับพี่เฌอ (เฌอปราง BNK48) พี่เฌอก็เป็นคนที่โปรโมทให้เราอีกว่าน้องลองร้องสิ ก็เลยทำให้คนในเธียเตอร์รู้จักเรา เขาก็เป็นคนที่มาบอกว่าถ้ามีอะไรก็บอกนะเขาจะช่วย หนูรู้สึกว่าเขาเหมือนนางฟ้ามาโปรด เป็นกัปตันวงที่เหมาะสมที่สุดแล้ว”
ก่อนเปิดตัวในฐานะเมมเบอร์ นายน์ประเมินความนิยมตัวเองไว้ไม่มาก พอเอาเข้าจริงจากสถิติตัวเลขต่างๆ ก็ยิ่งบ่งบอกว่านายน์ยังได้รับความนิยมค่อนข้างน้อย ถึงจะไม่คาดหวังแต่ความจริงก็ทิ่มแทงใจอยู่ดี
“ตอนช่วงที่ไม่ติดเซ็มฯฤดูใหม่ ก็มีคำถามว่าเพราะอะไรฉันถึงไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่เต้นแย่ขนาดนั้น แต่ทำไม เพราะอะไรเราถึงไม่ได้โอกาสนั้น หนูก็เลยรู้ว่าหรือว่ายอดมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามุ่งไปจุดนั้นได้ ถ้าเราไม่ได้รับความนิยมก็ไม่มีใครติดตามเรา เราก็เหมือนคนที่ไร้ตัวตน
หนูดูตารางที่มีคนทำออกมาทุกวัน ดูว่าทำไมเรายังอยู่ที่เดิมนะ แล้วเราต้องทำอย่างไร คือหนูรู้สึกว่าหนูเป็นคนหน้าตาธรรมดา ส่วนหนึ่งอาจเพราะแต่งหน้าไม่เป็น ทุกวันนี้ก็รู้สึกว่ายังแต่งไม่เป็น (หัวเราะ) ก็อยากให้ทุกคนเขาเห็นอีโวของเราว่า เฮ้ย เรามีวิวัฒนาการมากขึ้นนะ”
ความไม่นิยมเสมือนปีศาจคอยรังควาน แต่ที่ร้ายยิ่งกว่าคือนายน์เป็นเมมเบอร์คนหนึ่งที่ถูกกลั่นแกล้งทางโซเชียลมีเดีย ถึงบางเรื่องเหมือนไม่มีอะไร แต่นักเลงคีย์บอร์ดก็พยายามนำมาล้อเลียน เช่นเรื่องการเป็นสาวชาวไร่
“มีในพันทิปบ้าง ทวิตบ้าง ในทวิตเอาเราไปใส่โลโก้รายการเกี่ยวกับคนที่ชีวิตลำบาก เป็นช่วงที่เรากำลังทำไร่อยู่ แล้วพิมพ์แคปชั่นประมาณว่า ลูกแม่เหนื่อย อยากให้ลูกพักผ่อน ประมาณนี้ หนูก็จำไม่ค่อยได้ ก็งงว่าทำแบบนี้ทำไม เราแค่อยากเป็นไอดอลคนหนึ่งที่เป็นตัวอย่างให้คนอื่น ถามว่าหนูผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร อาจจะร้องไห้แค่แป๊บเดียวเดี๋ยวมันก็หายไป เราแค่ไม่ต้องไปทำให้คนอื่นเขารู้ว่าเราร้องไห้ เราต้องเข้มแข็งอยู่ทุกๆ วัน ถ้าเราอ่อนแอ พวกนั้นเขาก็จะมาซ้ำเติมเรา หนูแค่ปล่อยผ่านไปเลย แค่ทำทุกวันของเราให้ดี
ในความคิดของหนู ไอดอลก็เป็นเกษตรกรได้นะ แต่คนอาจจะมองว่าไอดอลดูเรียบร้อย ดูทำงานที่น้อยนิด ไม่แน่นะหนูอาจจะทำให้ทุกคนได้ไปรู้จักไร่อ้อยหนู ทำคลิปว่ากว่าอ้อยจะโตนี่เป็นอย่างไรบ้าง”
ปัจจุบัน BNK48 มีสองรุ่น ซึ่งจะรับสมาชิกอีกเรื่อยๆ จากตอนนี้ที่มี 51 คน ความนิยมของนายน์อยู่อันดับท้ายๆ หากมีสมาชิกเพิ่มสำหรับนายน์กลับมองว่าดี เธอบอกว่าจำนวนสมาชิกมากขึ้นจะทำให้วงประสบความสำเร็จได้มากขึ้น แต่ก็ไม่วายกลัวว่าจะจางหาย
“ทุกวันนี้ก็เลือนลาง บางที feed ของแฟนคลับขึ้นมาแล้วหนูเห็นเขาไปชอบอีกวงหนึ่ง เราก็คิดว่า เอ๊ะ! อะไรเนี่ย ก็ยิ่งทำให้น้อยใจ เราก็เป็นคนที่หวงแฟนคลับเหมือนกัน อยากให้เขารักเราคนเดียว แต่ก็มาคิดอีกมุมหนึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นสิทธิของเขา เราก็แค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แต่ถามว่าหวงไหม หวงมาก อยากให้รู้ว่าไม่อยากให้ทิ้งกัน”
ด้วยความท้อแท้ทำนองนี้เจ้าตัวเปิดเผยว่าเคยคิดจบการศึกษา (ลาออก) หลังจากต่อสู้กับคำถามซ้ำๆ ในหัวว่าทำไมถึงไม่ติด ต้องทำดีแค่ไหน ต้องเต้นดีแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิด
“หนูคิดว่าเราก็คือตัวแทนของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาอยากมาเป็นแบบเรา เราก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จากคนที่ไม่มีแฟนคลับจนถึงทุกวันนี้มีแฟนคลับที่รู้จักหนู หนูรู้สึกดีมากๆ อย่างเธียเตอร์บางคนไม่ได้เข้ามาดูเรา เขาอาจโฟกัสคนอื่น หนูก็ยังโบกมืออยู่ตรงนั้นเพื่อให้เขารู้ว่า วันนี้ฉันขึ้นแสดงนะ”
ขณะที่ BNK48 กำลังดังขึ้นเรื่อยๆ สมาชิกบางคนอาจถูกมองข้ามไปด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ทว่าท่ามกลางเงาจากแสงไฟที่ส่องไม่ถึง มีบางคนยังรอวันฉายแสง จากท้ายตารางวันหนึ่งอาจขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยความสามารถที่มี
***ปัจจุบัน นายน์ BNK48 ติดเซ็มบัตสึเพลงรองในซิงเกิลที่ 5 ชื่อเพลงว่า Mata Anata no Koto wo Kangaeteta (คิดถึง) ซึ่งเป็นเพลงที่เซ็มบัตสึทั้ง 11 คน ได้แสดงศักยภาพด้านการร้องเพลง