อากาศ 'ร้อนจัด' ทำงานกลางแจ้ง ระวัง 'ฮีทสโตรก'
'กรมอนามัย' กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสภาพอากาศที่ 'ร้อนจัด' ส่งผลให้คนทำงานกลางแจ้ง เสี่ยงป่วย 'โรคลมร้อน' หรือ 'ฮีทสโตรก' แนะหมั่นสังเกตอาการตนเอง ดื่มน้ำสะอาดให้มากกว่าปกติ
วันนี้ (21 มิ.ย. 64) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดี'กรมอนามัย' กล่าวว่า จากสภาพอากาศของประเทศไทยถึงแม้ในช่วงนี้จะเข้าสู่ฤดูฝนแต่ในบางวันอาจมีสภาพอากาศที่'ร้อนจัด'และมีอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้โดยเฉพาะประชาชนในกลุ่มอาชีพที่ต้องทำงานกลางแจ้ง เช่น งานก่อสร้าง เกษตรกร รวมถึง กลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุ
ทำให้เสี่ยงป่วย 'โรคลมร้อน' หรือ 'ฮีทสโตรก' (Heat Stroke) ได้ง่าย จึงต้องหมั่นสังเกตอาการตนเอง และหากต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานานควรป้องกันตนเองด้วยการ สวมหมวกปีกกว้าง กางร่ม สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ที่มีน้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี ดื่มน้ำสะอาด ให้มากกว่าปกติโดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ ประมาณ 10-12 แก้วต่อวัน เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 'โรคลมร้อน' หรือ 'ฮีทสโตรก' คืออะไร
“ทั้งนี้ 'โรคลมร้อน' หรือ โรค'ฮีทสโตรก' (Heat stroke) เกิดจากภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น สูญเสียน้ำและเกลือแร่ไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายจากสภาพอากาศที่ 'ร้อนจัด' ได้ ทำให้ระบบในร่างกายทำงานผิดปกติโดยอาการที่พบคือ หน้ามืด เวียนศีรษะ เหงื่อไม่ออก ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ มีอุณหภูมิในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียล จนถึงขั้นมีอาการชักเกร็งจนหมดสติ
หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลทันทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้รีบนำผู้ป่วยเข้าที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทสะดวก แล้วให้นอนราบยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นสูง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด ถอดเสื้อผ้าให้เหลือน้อยชิ้น คลายชุดชั้นใน ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ หน้าผาก รักแร้ ขาหนีบ ร่วมกับใช้พัดเพื่อระบายความร้อน ลดอุณหภูมิร่างกายให้ต่ำลง และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว” อธิบดี'กรมอนามัย' กล่าว