กรีนพีซเตือน! น้ำทะเลเพิ่มสูงถล่มเศรษฐกิจเมืองชายฝั่งเอเชีย
ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงอาจยังไม่ถึงขั้น “น้ำท่วมโลก” ในเร็ววัน แต่ปัญหาสิ่งแวดล้อมแบบนี้กำลังจะถาโถมใส่เศรษฐกิจของเมืองชายฝั่งในเอเชียให้พังพาบ
ปัญหาสิ่งแวดล้อมคาราคาซังมานาน ล่าสุดกรีนพีซ เอเชียตะวันออก เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ระบุว่า ภายในปี 2573 การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและน้ำท่วมแนวชายฝั่งในสภาวะสุดขีดใน 7 เมืองของเอเชียอาจนำไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 724,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ภายในทศวรรษนี้ เมืองที่อยู่ติดชายฝั่งในเอเชียจะมีความเสี่ยงสูงจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุที่เข้มข้นรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน ความปลอดภัย และวิถีชีวิตของผู้คน นอกจากเหลือเวลาไม่มากในการยุติโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด รัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องดำเนินการระบบบริหารจัดการน้ำท่วมและการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น ปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายภายใต้แผนที่นำทางก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (nationally determined contribution targets) นั้นไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งในสภาวะสุดขีด” คิม มีกยอง ผู้จัดการโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกกล่าว
รายงานฉบับนี้คาดการณ์ว่าภายในปี 2573 ประชาชนกว่า 15 ล้านคนใน 7 เมือง อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม การวิเคราะห์ครั้งนี้เป็นหนึ่งในการวิเคราะห์ครั้งแรกที่ใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดสูงในการระบุถึงพื้นที่ของเมืองที่อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และขอบเขตของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับข้อค้นพบหลักจากรายงาน ระบุดังนี้
- ภายในปี 2573 มากกว่า 96 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่กรุงเทพฯ อาจถูกน้ำท่วมหากเกิดอุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี รวมถึงพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีความหนาแน่นสูงใจกลางเมือง
- กรุงจาการ์ตาเผชิญกับภัยคุกคามสองประการ ทั้งจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและแผ่นดินทรุด ราว 17 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ทั้งหมดของจาการ์ตาซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ในปี 2573 อาจถูกน้ำท่วมภายใต้สถานการณ์อุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี ซึ่งจะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 6.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
- พื้นที่ลุ่มต่ำทางตะวันออกรวมถึงแขวงโคโตซึ่งเป็น 1 ใน 23 แขวงพิเศษของกรุงโตเกียว(ประกอบด้วยเขตสุมิดะ โคโตะ อาดาจิ คัตสึชิกะและเอโดงาวะ) มีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 68,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อาจจะเกิดขี้นจากน้ำท่วมชายฝั่งภายในปี 2573 หรือคิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP รวมของกรุงโตเกียว
- ในกรุงไทเป สถานีกลางไทเปซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญที่สุดทางตอนเหนือของไต้หวัน มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมเช่นเดียวกับเขตต้าถงอันเก่าแก่ คิดเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 24 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP รวมของกรุงไทเป
- เกือบ 87 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่กรุงมะนิลาเป็นที่ลุ่มต่ำที่เสี่ยงน้ำท่วมซึ่งหากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาถึงอุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2573 ผู้คนมากกว่า 1.54 ล้านคนอาจได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ารวม 3.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตการณ์ดังกล่าว ผู้จัดการโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออก มีข้อเสนอว่าเกิดการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่โดยเฉพาะแนวนโยบายจากรัฐบาลของทุกประเทศ
“รัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องยกเลิกแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในทันทีและเร่งการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เรากำลังเผชิญกับสภาวะฉุกเฉินของสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น เราต้องเสริมสร้างการวางแผนจัดการภัยพิบัติและการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เมืองของเราหลายแห่งในเอเชียเสี่ยงต่อน้ำท่วม เราไม่อาจรอได้”