ทำไมต้อง ‘ยื่นภาษี’ ตอบคำถามสำหรับ ‘มนุษย์ออฟฟิศ’ หรือ ‘FirstJobber’

ทำไมต้อง ‘ยื่นภาษี’ ตอบคำถามสำหรับ ‘มนุษย์ออฟฟิศ’ หรือ ‘FirstJobber’

สรุปเรื่องต้องรู้ "ยื่นภาษี" และ "เสียภาษี" สำหรับมือใหม่ "มนุษย์ออฟฟิศ" "FirstJobber"

เมื่อก้าวเข้าสู่วัยแห่งการทำงาน หลีกเลี่ยงไม่ได้กับคำว่าภาษีโดยเฉพาะ “First Jobber” เด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้าทำงานได้ไม่นานที่มักจะมีคำถามว่า การยื่นภาษีสำคัญอย่างไร? ต้องยื่นภาษีไหม? ต้องเสียภาษีเท่าไร?  กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนตอบคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ “การยื่นภาษี และการเสียภาษีเพื่อคลายข้อสงสัยเราจะยื่นและเสียภาษีไปเพื่ออะไรกัน 

  • ทำไมต้องยื่นภาษี

หลากเหตุผลที่คนทำงานต้องยื่นภาษี โดยประการแรก การยื่นภาษี เป็นข้อกำหนดในกฎหมายสรรพากร ว่าด้วยประชาชนคนไทยจำเป็นมีการยื่นภาษีแสดงรายได้ 

นอกจากนี้เหตุผลสำคัญอื่นๆ ก็คือการเป็นหลักฐานการยื่นทำธุรกรรมในอนาคตได้ และเพื่อแสดงถึงรายได้ของบุคคลนั้นๆ เช่นการขอกู้เงิน กู้สินเชื่อต่างๆ รวมถึงถ้าใครอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องจ่ายภาษีแล้วนั้น ภาษีเหล่านั้นจะถูกนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ 

  • ไม่ยื่นภาษีจะโดนอะไรบ้าง 

สำหรับใครที่ยื่นภาษีไม่ทันตามกำหนดยื่นของทุกปี อาจจะต้องระวางโทษค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร แต่สามารถขอลดค่าปรับได้ 

ในกรณีมีเงินภาษีต้องชำระ ต้องไปยื่นแบบ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา  และชำระเงินภาษี พร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ และค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 35

  • ทำงานนานแค่ไหนถึงต้องยื่นภาษี

นับตั้งแต่มีรายได้เป็นของตัวเอง จะต้องยื่นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลให้กับกรมสรรพากรอย่างตรงไปตรงมา สำหรับคนเริ่มต้นทำงานปีแรกเช่น ปี 2564 จะต้องรวบรวมรายได้ตั้งแต่เดือน มกราคม 2564 ถึง ธันวาคม 2564 มายื่นแสดงข้อมูลให้กับสรรพากรของปีถัดไป หรือปี 2565 

  • มีเงินเดือนเท่าไหร่ถึงต้องยื่นภาษี ?

"หากมีเงินเดือนหรือมีรายได้จากหลายทางเกิน 10,000 บาท/เดือน (120,000 บาท/ปี) ต้องยื่นภาษีทุกคน"

คนที่มีรายได้ 10,000 บาท/เดือน ไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ผู้มีเงินได้จะต้องยื่นแบบแสดงรายการหากมีเงินได้ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร เกิน 120,000 บาท

สาเหตุที่กฎหมายกำหนดเช่นนี้ เพราะเมื่อผู้ที่มีเงินได้ 120,000 บาทต่อปี ยื่นภาษี แล้วใช้สิทธิลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท ร่วมกับสิทธิหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินเดือน หรือ 60,000 บาท เท่ากับว่

หลายคนเข้าใจผิดว่ายื่นภาษี และเสียภาษี เป็นเรื่องเดียวกัน หากจะอธิบายง่ายๆ

การยื่นภาษี คือ การที่บุคคลที่มีรายได้มากกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ปีละ 1 ครั้ง 
การเสียภาษี คือ ขั้นตอนหลังจากผู้ยื่นภาษีเรียบร้อยแล้ว จะเสียภาษีก็ต่อเมื่อ มีเงินได้หรือมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีเท่านั้น ส่วนจะต้องเสียภาษีหรือไม่นั้นไปดูที่ข้อต่อไปได้เลย

ก่อนที่จะรู้ว่าเราต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ต้องรู้ก่อนว่าเรามีรายได้สุทธิเท่าไหร่ โดยการคำนวณรายได้สุทธิ คือ

 "รายรับทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน" = รายได้สุทธิ

เมื่อรู้ว่าตัวเองมีรายได้สุทธิเท่าไหร่เรียบร้อยแล้ว จึงนำมาเทียบว่า รายได้สุทธิของเราอยู่ในระดับใด และอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีหรือไม่ ซึ่งเกณฑ์ย่อมแตกต่างกันออกไปตามรายได้สุทธิที่ได้รับ ยิ่งรายได้สุทธิมากเท่าไหร่ ยิ่งเสียภาษีมากขึ้นตามไปด้วย โดยเป็นไปตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้

อย่างไรก็ตามผู้ยื่นภาษี มีสิทธิที่เรียกว่า ค่าใช้จ่าย และ “ค่าลดหย่อน ที่เข้ามาช่วยให้หักลบกับรายได้สุทธิ

หมายความว่า ทุกคนที่ “ยื่นภาษี” ไม่ได้หมายความว่าจะต้อง “เสียภาษี” ทุกคน ขึ้นอยู่กับการหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนของแต่ละคน ดังนั้น จะมีทั้งคนที่ไม่ได้เสียภาษีใดๆ เลย มีทั้งคนที่ต้องเสียภาษี และได้ภาษีคืน

  • ขั้นตอนยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามี 2 แบบด้วยกัน
  • ...90 ผู้ที่มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับ เช่น ค้าขายแบบบุคคลธรรมดา หรือเงินปันผล
  • ...91 ผู้ที่มีรายได้เป็นเงินเดือนโดยไม่มีรายได้เสริมจากแหล่งงาน หรือรายได้อื่น เช่น พนักงานบริษัทที่รับเงินค่าจ้างเพียงอย่างเดียว

เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนการยื่นภาษีมีอะไรบ้าง

  • เอกสารแสดงรายได้ หนังสือรับรองเงินเดือน (50 ทวิจากนายจ้าง เป็นเอกสารที่ระบุว่าปีนั้นมีรายได้รวมเท่าไหร่ มีการหักชำระกองทุน หรือเงินทุนสำรองต่างๆ
  • รายการลดหย่อนภาษีที่รวบรวมไว้ตลอดทั้งปี ได้แก่ ค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา หรือบุตร
  • เอกสารประกอบการลดหย่อนภาษีเพื่อนำมาใช้ในการกรอกแบบฟอร์มยื่นภาษี เช่น จำนวนเงินที่ซื้อกองทุนเบี้ยประกันชีวิตประกันสุขภาพเอกสารช้อปดีมีคืน หรือค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการ

ข้อมูลที่ต้องใช้ยื่นภาษีเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด หากคุณรับรายได้จากบริษัททางเดียว สามารถใช้ใบทวิ 50 แต่หากมีรายได้หลายช่องทาง ก็ต้องเตรียมเอกสารแสดงการหักภาษีของหน่วยงานที่จ้างคุณไว้ด้วย

  • 2. ยื่นภาษีที่ไหนได้บ้าง

ปัจจุบันกรมสรรพากรเปิดโอกาสให้ยื่นภาษีได้ 3 ช่องทางหลัก

- สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง 
-
ไปรษณีย์ แบบลงทะเบียน เฉพาะผู้มีเงินได้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ 
-
ง่ายที่สุดคือช่องทางออนไลน์ สามารถยื่นผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร rd.go.th ได้เลย

สำหรับวิธีการยื่นภาษีออนไลน์สามารถดูรายละเอียด และทำตามขั้นตอนต่างๆ ได้ที่ ขั้นตอนการยื่นภาษีออนไลน์จากกรมสรรพากร

  • ขั้นตอนยื่นภาษีผ่านออนไลน์ด้วยตนเองนั้น มี 10 ขั้นตอน ดังนี้

1. เข้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร rd.go.th

2. เลือก ...90/91 (สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนต้องลงทะเบียนยื่นภาษีก่อน)

3. เมื่อเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ให้ไปที่หน้า แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2563 หากข้อมูลถูกต้องให้กดทำรายการต่อไป

4. เลือกสถานะจัดการชีวิต

5. เลือกประเภทเงินได้ และค่าลดหย่อนการเสียภาษี                                                               

  • หากเป็นมนุษย์เงินเดือนให้เลือกมาตรา 40(1) เงินได้จากการจ้างแรงงาน ได้แก่ เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง            
  • ส่วนเงินที่ได้รับยกเว้นหรือค่าลดหย่อน มีให้เลือกทั้งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม, ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF หรืออุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป                              
  • ตรวจสอบข้อมูลให้เรียบร้อยแล้วกดทำรายการต่อไป

6. กรอกรายการเงินเดือนค่าจ้างบำนาญต่างๆ โดยเอามาจากหนังสือรับรองการหักภาษี ที่จ่ายตามมาตรา 50 ทวิ กรอกในช่อง บันทึกจำนวนเงินที่สะสมตลอดปี ที่สำคัญต้องไม่ลืมเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้จ่ายเงินได้ ส่วนคนที่เปลี่ยนงานหรือออกจากงานระหว่างปีให้ติดตามขอเอกสารของที่ทำงานเก่าและที่ทำงานใหม่เพื่อนำมายื่นรวมกันด้วย

7. บันทึกรายการค่าลดหย่อนที่เรามี กรอกใส่ทั้งหมด

8. ตรวจสอบข้อมูลการคำนวณภาษี โดยระบบของกรมสรรพากรจะคำนวณให้อัตโนมัติ

9. หากข้อมูลทุกอย่างถูกต้องให้ทำการยืนยันเพื่อยื่นแบบภาษี

10. กดยืนยันการจ่ายเงินหรือตรวจสอบการคืนภาษี และเลือกช่องทางทำธุรกรรมการเงินที่สะดวกที่สุด

ที่ม: กรมสรรพากร