สุดเศร้า! ผู้ป่วยโควิด 'รอเตียง'อีก 868 ราย เช็คระดับความรุนแรง'ผู้ป่วยกลุ่มสีแดง' 70 ราย

วันนี้ (23 ก.ค.2564) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงรายงานสถานการณ์ประจำวันว่ากรมการแพทย์ ได้มีการรายงานการรับผู้ติดเชื้อในกทม. ว่าปัจจุบัน มีผู้ป่วยรอเตียงเพิ่มอีก 868 ราย แต่กทม.ได้ปิดเคสอื่นๆ สะสม  หรือนำผู้ป่วยโควิด 19 เข้าสู่ระบบการรักษา 121,457 ราย ซึ่งในข้อมูลนี้ อยากให้เห็นภาพชัดเจน ว่ามีพี่น้องประชาชนไม่ได้เข้าสู่ระบบ และไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ต้องการ แต่กระบวนการก็ได้เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ มีผู้ป่วยโควิด 19 แสนกว่ารายที่เข้าสู่ระบบการรักษา

• พบผู้ป่วย 'รอเตียง' ในรพ.868 ราย และมีผู้ป่วยกลุ่มสีแดง 70 ราย 

ทั้งนี้ สำหรับระดับความรุนแรงของผู้ติดเชื้อรอจัดสรรเตียงในระบบ call center พบว่ามีทั้งหมด 5,411 ราย เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีแดง 70 ราย โดยในจำนวนนี้มีรอเกิน 1 วัน จำนวน 40 ราย  กลุ่มสีเหลือง 1,285 ราย รอเกิน 2 วัน จำนวน 788 ราย และกลุ่มสีเขียว 4,056 รอเกิน 3 วัน จำนวน 2,067 ราย

ขอเน้นย้ำ ในจำนวนผู้ป่วยที่ รอเตียง นั้น ประมาณ 80% ยังเป็นกลุ่มสีเขียว ดังนั้น หากพี่น้องได้รับการยืนยันเป็นผู้ติดเชื้อและอยู่ในกลุ่มสีเขียว อาจจะไม่ได้รับการรักษาในรพ. แต่จะเข้าระบบ Home Isolation หรือแยกรักษากักตัวที่บ้าน ทุกคนต้องประเมินตัวเองเบื้องต้นว่าเป็นผู้ป่วยระดับไหน สีเขียว อาจมีอาการน้อย  ซึ่งการรักษาแยกกันตัวที่บ้านได้ผลดี และถ้ามีความเสี่ยง แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันผลขอให้ทุกคนกักตัว

เมื่อเข้าไปตรวจ หากได้รับผลการยืนบันว่าบวก ขอให้เข้าร่วม Home Isolation ในรพ.ที่ตรวจ หรือไปตรวจที่แล็ปเอกชน หรือ NGO แล้วไม่มีรพ. ขอให้ติดต่อไปที่โทร.1330 กด 14

• ย้ำหากเป็น 'ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว'ขอให้เข้าร่วม 'Home Isolation'

ตอนนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)จะมีการเพิ่มคู่สายจาก 100 คู่สายเป็น 200 คู่สาย ขณะเดียวกันทาง กสทช. ได้มีการจัดหมายเลขของสำนักงานเขต 50 หมายเลข เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องได้เข้าถึงการรักษาโดยเร็วที่สุด และหากใครมีสิทธิ ประกันสังคม สามารถโทร.1506 กด6 ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งได้รวดเร็ว

ทั้งนี้ หลังจากโทร.1330 กด 14 จะมีคลินิกอบอุ่น 161 แห่ง สปส. 69 ศูนย์ รวมทั้งรพ.หลัก ที่จะช่วยเข้าดูแลระบบ Home Isolation โดยท่านจะได้รับกล่องรอดตาย ของกทม.ที่จะมีเครื่องมือวัดอุณหภูมิ และอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการจ่ายยาให้เร็วที่สุด  ส่วนการเบิกจ่าย แม้จะกักตัวที่บ้าน แต่สปสช. จะเบิกจ่ายได้ปกติ ไม่ว่าจะเป็น การเอกซเรย์ การจัดส่งไปรพ.  และค่าอาหาร 3 มื้อ

ส่วนกรณีผู้ป่วยที่มีข้อจำกัด เช่น มีผู้สูงอายุ มีเด็กเล็ก และบ้านไม่พร้อมจัด Home Isolation  สามารถเข้าร่วม Community Isolation หรือการแยกกักในชุมชน ซึ่งตอนนี้มีผู้เข้าระบบแล้ว 1,682 คน ใน22 เขต และ กำลังจะเปิดอีก 14 เขต

• ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนอยู่บ้าน อย่าออกไปรวมตัว

โดยมีส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน และมีสภากาชาดไทย ภาคประชาสังคมเข้ามาร่วมกัน รวมถึงมีพี่เลี้ยง 25 โรงพยาบาลดูแลเรื่องรักษาต่างๆ แบ่งเป็นโรงพยาบาลใน สังกัดกทม.11 โรง รพ.ในสังกัดกรมการแพทย์ 3 แห่ง  โรงเรียนแพทย์ 4 โรง และรพ.เอกชน 7 โรง ถือเป็นการระดมความช่วยเหลือทั้งในแง่ของสถานที่การจัดการ บุคลากรมี รวมถึงมีรพ.สนาม  

ดังนั้น ฝากพี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสาร และแหล่งที่เชื่อถือได้  เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวการเชิญชวนผู้ติดเชื้อออกจากบ้านไปรวมตัวที่ไหนที่หนึ่ง หากท่านเป็นผู้ติดเชื้ออาจมีความเสี่ยงอาการทรุดได้ ขอให้ท่านอยู่บ้าน และจะพยายามดูแลให้เร็วที่สุด ซึ่งกรมการแพทย์เน้นย้ำให้ผู้ป่วยอยู่บ้าน ควรพักปอด พักร่างกาย แต่การออกมาข้างนอกอาจจะไม่ปลอดภัยต่อตัวท่านเอง  ขอให้พี่น้องประชาชนกำกับติดตามมาตรการเหล่านี้ร่วมกัน อย่าถือว่าเป็นการจับผิด ในการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข สธ. ศบค. เรายินดีรับฟังความคิดเห็น

 ข่าวที่เกี่ยวข้อง: เช็คด่วน 'โควิดวันนี้' 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด กทม.ยอดพุ่ง 3,104 จับตาสมุทรสาคร-ปริมณฑล

                     ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยิ่งวิกฤติ! พบเสียชีวิต 114 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 14,575 ราย

                     ผอ.ศูนย์ควบคุมโรค ‘จีน’ ฉีดวัคซีนโควิดไขว้ 3 ชนิด

• พบผู้เสียชีวิตที่บ้าน 3 ราย อาการหนักเกือบ 4 พันราย

สำหรับสถานการณฺ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ประจำวันที่ 23 ก.ค.2564 พบว่า ผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่ เพิ่มขึ้น 14,575 ราย แบ่งออกเป็นติดเชื้อใหม่ในประเทศ 13,490 ราย จากต่างประเทศ 13 ราย  ติดเชื้อในเรือนจำ-ที่ต้องขัง 1,072 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 114 คน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 มีจำนวน 438,844 ราย เสียชีวิตสะสม 3,717 คน

โดยวันนี้มีผู้ป่วยหายกลับบ้าน 7,775  ราย  ทั้งนี้ มีผู้ป่วยสะสมระลอกเดือน เม.ย.2564 จำนวน 279,367 คน สำหรับผู้ป่วยรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 143,744 ราย แบ่งเป็น ในรพ. 81,808 ราย และรพ.สนาม 61,936 ราย อาการหนัก 3,984 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 900 ราย

ส่วนผู้รับวัคซีนข้อมูลตั้งแต่ 28 ก.พ.-22 ก.ค.2564 พบว่ามีผู้รับวัคซีนแล้ว 15,388,939 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 11,805,180 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 3,583,759 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่าสำหรับผู้ป่วยโควิด 19 เสียชีวิต มีดังนี้ กทม.49 ราย ปทุมธานี 12 ราย สมุทรปราการ  ราย สมุทรสาคร 6 ราย ยะลา สุราษฎร์ธานี ร้อยเอ็ด นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 3 ราย เลย ชัยภูมิ อ่างทอง จังหวัดละ 2 ราย นครปฐม นราธิวาส สงขลา ตรัง นครศรีธรรมราช ระนอง ขอนแก่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุตรดิตถ์ เพชรบุรี สระบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด สระแก้ว จังหวัดละ 1 ราย

ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคอ้วน หลอดเลือดสมอง โรคปอด โรคหัวใจ ติดเตียง และไม่มีโรคประจำตัว ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ได้แก่ คนในครอบครัว คนอื่นๆ (ร่วมงาน ลูกจ้าง ผู้ดูแล) อาศัย/ไปพื้นที่ระบาด ไปที่แออัด. อาชีพเสี่ยง และระบุได้ไม่ชัดเจน

ทั้งนี้ วันนี้ พบว่ามีผู้เสียชีวิตที่บ้าน 3 ราย โดยพบเชื้อหลังเสียชีวิต จ.สระบุรี 1 ราย และปทุมธานี 2 ราย เสียชีวิตที่ ER 1 ราย จากกู้ชีพนำส่งจ.ปทุมธานี ส่วนค่ากลาง (วันที่ทราบผลติดเชื้อ-เสียชีวิต) 9 วัน (นานสุด 38 วัน)

พบว่า ไม่เกิน 6 วัน 47 ราย (41%) ตั้งแต่ 7-14 วัน 31 ราย (27%) และมากกว่า 14 วัน 36 ราย (32%)