'เดลตา'ระบาดในไทยเกือบ93%ครบทุกจังหวัด
กรมวิทย์เผยเดลตาครองไทยแล้วเกือบ 93 % กระจาบครบทุกจังหวัด ส่วนเบตายังอยู่ในแถบภาคใต้ พบคนปลอมแปลงใบแล็ปผลตรวจโควิด 19 แจ้งความเอาผิด เตือนประชาชนอย่าทำมีความผิดอาญา
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 ส.ค. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวประเด็น : การเฝ้าระวังสายพันธุ์และการกลายพันธุ์โควิด 19 และสายพันธุ์ย่อยของเดลตาในไทย ว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการสุ่มตรวจ 2,295 ตัวอย่าง พบสายพันธุ์เดลตามากที่สุด โดยภาพรวมประเทศอยู่ที่ 92.9%
ส่วนในกรุงเทพมหานครพบ 96.7% ภูมิภาค 85.2% ซึ่งสายพันธุ์เดลตากระจายอยู่ทั่วประเทศ ครบทุกจังหวัดหมด จึงถือว่า เดลตาเป็นสายพันธุ์หลักในการติดเชื้อของไทย ส่วนเบตา ยังพบภาคใต้ส่วนล่าง โดยเฉพาะที่ติดมาเลเซีย ส่วนที่เคยเจอจ.บึงกาฬ และกรุงเทพฯ ขณะนี้ไม่พบพิ่มเติมเกิน 14 วันแล้ว ดังนั้น สัปดาห์ที่ผ่านมาพบเพียง 29 รายในภาคใต้ ในจ.นราธิวาสมากที่สุด 15 ราย ที่เหลือเจอในจ.กระบี่ ภูเก็ต ปัตตานี และสงขลา
นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้พบการใช้ใบรับรองการตรวจเชื้อโควิด -19 ปลอม โดยมีพนักงานโรงงานแห่งหนึ่ง ลาหยุดงาน อ้างว่าติดเชื้อโควิด 19 ทางเจ้านายมีการขอใบรับรอบยืนยัน ทำให้พนักงานคนดังกล่าวมีการปลอมเอกสารใบรับรองการตรวจเชื้อโควิด -19 ทางห้องปฏิบัติการ( แล็บ) ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการมาตรวจแล็บแต่อย่างใด แต่มีการออกใบรับรองปลอมของศูนย์วิทยาศาสตร์เขต 5 จังหวัดสมุทนสาคร ดังนั้นขอเตือนว่าอย่าปลอมแปลง เพราะเรามีระบบฐานข้อมูลที่ตรวจสอบร่วมกันได้ ตรวจได้หมดว่าใครมาตรวจและมีผลตรวจอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้นกรณีมีการแจ้งความเอาผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ เพราะนำรูปแบบเอกสารมาใส่ชื่อ ใส่เลขบัตรประจำตัว และใส่ลายเซ็นปลอม ดังนั้นขอเตือนว่าอย่าทำไม่ว่าจะปลอมไปเพื่อลาหยุดงาน หรือเบิกประกันก็ตาม
นพ.ศุภกิจ กล่าวด้วยว่า กรณีการแลกเปลี่ยนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ระหว่างประเทศไทยกับประเทศภูฏานที่ผลิตในสวีเดน โดยประเทศไทยจะคืนให้ภายหลัง จากการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย 1.5 แสนโดส สุ่มตรวจ 4 ล็อต ผลพบว่าผ่านคุณภาพมาตรฐาน ขณะนี้มีการกระจายวัคซีนใช้แล้ว ซึ่งมีจำนวนหนึ่งจะหมดอายุเดือนนี้ ที่เหลือจะหมดอายุเตือน ต.ค. ฉีดได้ทันไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ