"น้ำมันปลา" ตัวเลือกบำรุง "สตรี" ภาวะมีบุตรยาก
"น้ำมันปลา" เป็นตัวเลือกหนึ่ง สำหรับการบำรุง และฟื้นฟู สตรีภาวะผู้มีบุตรยาก เพราะน้ำมันปลาช่วยทำให้การตกไข่เป็นปกติ ปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจน เพิ่มระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ช่วยปรับปรุงคุณภาพของเซลล์ไข่ และยืดระยะภาวะรังไข่เสื่อม
"ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์" ที่ปรึกษาเตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากตามหลักวิทยาศาสตร์ และผู้ก่อตั้งเพจ babyandmom.co.th ยืนหนึ่งในใจผู้มีบุตรยาก เปิดเผยผลรายงานการศึกษาวิจัย จาก National Institute of Health (NIH) ซึ่งเป็นสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ที่ศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ที่เกี่ยวพันกับไขมันอิ่มตัว และภาวะเจริญพันธุ์ของผู้หญิง พบว่าการทานอาหารที่มีไข่มันอิ่มตัวสูง ทำภาวะเจริญพันธุ์ลดลงแล้ว ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด และอีกงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Aging Cell เมื่อปี 2012 จาก Harvard Medical School ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานว่าการได้รับโอเมก้า 3 จะช่วยยืดอายุระบบสืบพันธุ์และช่วยปรับปรุงคุณภาพไข่ เช่นเดียวกับงานวิจัยของสถาบัน University of Colorado Advanced Reproductive Medicine เมื่อปี 2016 ได้นำเสนอในที่ประชุม American Society for Reproductive Medicine Meeting ได้รายงานการทดลองกับหนูทดลองที่รับโอเมก้า 3 พบว่า หนูทดลองมีไข่ที่อยู่ในภาวะเจริญพันธุ์ที่สามารถปฏิสนธิกลายเป็นตัวอ่อนที่มีชีวิตได้มากกว่า กล่าวคือคุณภาพของเซลล์ไข่จะมีคุณภาพมากกว่าสัตว์ที่ไม่ได้รับโอเมก้า3 ซึ่งไข่ที่มีคุณภาพนี้เองมีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นตัวอ่อนที่มีคุณภาพได้ในอนาคต
"ผลการศึกษาพบว่าโอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ช่วยให้ไข่ตกเป็นปกติขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้มีส่วนช่วยให้มดลูกพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน การทานโอเมก้า 3 จึงมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ ยิ่งไปกว่านั้นโอเมก้า 3 ยังช่วยลดการอักเสบเรื้อรัง จากการทดลองพบว่าระดับค่าความอักเสบของผู้หญิงในกลุ่มทดลองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา เหมาะสำหรับผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีบุตรยาก" ครูก้อย กล่าว
ครูก้อย-นัชชา กล่าวด้วยว่า สำหรับประโยชน์ของ โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา ได้ดังนี้ 1.สำหรับผู้หญิงเตรียมก่อนตั้งครรภ์ ทำให้การตกไข่เป็นปกติ การปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน ที่ทำให้ไข่ตกปกติ และช่วยให้ผนังมดลูกหนาขึ้น พร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน ช่วยปรับปรุงคุณภาพของเซลล์ไข่ และยืดระยะภาวะรังไข่เสื่อมออกไป, 2.สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ ในน้ำมันปลามีโอเมก้า 3 และ DHA ที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพดวงตา สมอง และ เสริมสร้างระบบประสาทของทารกให้แข็งแรง นอกจากนี้โอเมก้า 3 ยังให้ EPA ซึ่งช่วยดูแลลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรง ช่วยป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ช่วยเพิ่มน้ำหนักของลูกในครรภ์ ช่วยลดความเครียดหรืออาการซึมเศร้าของแม่หลังคลอดได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มน้ำนมสำหรับคุณแม่หลังคลอดอีกด้วย และ 3.สำหรับบุคคลทั่วไป ช่วยดูแลสุขภาพ ลดคอเลสเตอรอล ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเกิดจากร่างกายได้รับจากอาหารประเภทไขมันโดยตรง หรือ ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และช่วยเพิ่มระดับไขมันดี
ครูก้อย-นัชชา กล่าวด้วยว่านอกจากนั้นมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Asian Journal of Andrology เมื่อปี 2012 พบว่าโอเมก้า 3 ช่วยเสริมการทำงานของระบบการสร้างน้ำอสุจิของมนุษย์ได้ดีขึ้น ส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนสเปิร์ม การเคลื่อนไหวของสเปิร์ม และรูปร่างของสเปิร์มที่สมบูรณ์ขึ้น และมีจากงานวิจัยนี้ได้อ้างถึงงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Andrologia เมื่อปี 2011ได้ทำการศึกษาผู้ชายที่มีบุตรยาก 238 คน โดยให้ทานโอเมก้า 3 ประเภท EPA และ DHA ปริมาณ 1.84 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 32 สัปดาห์ พบว่า จำนวนสเปิร์มและความหนาแน่นของเซลล์สเปิร์มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นโอเมกา 3 อาจช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากที่มีสาเหตุมาจากฝ่ายชาย ได้
"สำหรับผู้หญิงเตรียมบำรุงก่อนตั้งครรภ์ต้องเสริมด้วยน้ำมันปลา โดยปริมาณที่ควรรับประทานต่อวัน คือ วันละ 500-1,000 มิลลิกรัม ทานหลังอาหาร เพื่อเพิ่มคุณภาพเซลล์ไข่และให้คุณสามีทานด้วยเพื่อสเปิร์มที่แข็งแรง สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัย" ครูก้อย-นัชชา กล่าวสรุป.