"สงขลา" ขึ้นอันดับ 2 รองจาก กทม. ติดโควิดสูงสุดรายวัน

วันนี้ (6 ต.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงาน "สถานการณ์โควิด-19" พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 9,866 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศและต่างประเทศ 9,821 ราย ผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 45 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 1,667,097 ราย

 

 

ผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 102 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 มียอดผู้เสียชีวิตสะสมถึง 17,211 ราย ขณะที่ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 17,305 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ 108,022 ราย กลุ่มคนไข้อาการหนักที่มีอาการปอดอักเสบที่น่าวิตก 3,017 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 720 ราย ยอดผู้ที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 10,115 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ 1 เม.ย. 2564 จำนวน 1,514,344 ราย ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 26 ตัวเลขทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน

 

• พบ “คลัสเตอร์ใหม่” ต่อเนื่อง

 

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า สำหรับใน 4 จังหวัดภาคใต้ ยังพบการระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่า 1,922 ราย ขณะที่ พื้นที่อื่นๆ ยังเกิดคลัสเตอร์ รายงานของกรมควบคุมโรค พบว่า กทม. เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ต้องเน้นย้ำ พี่น้องประชาชนที่ไป รพ. ด้วยอาการไข้ อาการระบบทางเดินหายใจ ขอให้แจ้งประวัติกับแพทย์ พยาบาลที่คัดกรองด้วย ขอให้ทุก รพ. ที่มีมาตรการเข้มข้น ตอนนี้หากมีผู้ป่วยมีไข้ หรือ ทางเดินหายใจ PUI ขอให้ตรวจคัดกรองโควิดทุกราย

 

คลัสเตอร์โรงงาน รายงาน จันทบุรี ชลบุรี ตราด , คลัสเตอร์แรงงานเก็บผลไม้ ซึ่งเป็นคนไทยเดินทางกลับจากสวีเดน และต่างด้าวรับจ้างเก็บลำไย จันทบุรี , คลัสเตอร์อู่ซ่อมรถ จันทบุรี , โรงไฟฟ้า ชลบุรี จะเห็นว่าภาคตะวันออกยังเป็นตัวเลขที่สูง , คลัสเตอร์ แรงงานประมง แพปลา ระยอง และประจวบคีรีขันธ์

ขณะที่ ระยอง มี คลัสเตอร์ค่ายทหาร เน้นย้ำต่อเนื่องถึงรร. ค่ายทหาร สถานที่ราชการ ขอให้เข้มงวดมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ ยังมี วงเลี้ยงสังสรรค์งานวันเกิด ที่ สระแก้ว , คลัสเตอร์งานศพ สุรินทร์ จันทบุรี ตราด อุดรธานี อุบลราชธานี และปัตตานี , คลัสเตอร์แคมป์ก่อสร้าง จันทบุรี กาญจนบุรี ระยอง สมุราปราการ

 

“30 จังหวัด ในพื้นที่สีแดงเข้ม เริ่มมีหลายจังหวัดที่แม้จะอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สีแดงเข้ม ตัวเลขเริ่มลดลงต่ำกว่า 100 ได้แก่ อ่างทอง สิงห์บุรี ตัวเลขเหล่านี้มีความสำคัญในจังหวัดที่มียอดผู้ติดเชื้อ หรือผู้ป่วยอาการหนักลดลง ที่ประชุม ศบค. ชุดเล็ก กำลังเตรียมข้อมูลเสนอ ศบค. ชุดใหญ่ เพื่อดำเนินการ ผ่อนคลายในอีก 2 สัปดาห์นับจากนี้ ในจังหวัดที่ยอดต่ำสุดในวันนี้ คือ น่าน และ พะเยา” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

 

• จ.นำร่อง ติดเชื้อ ในเกณฑ์ที่รับได้

 

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว มีรายงานการติดเชื้อในตัวเลขที่ สาธารณสุขยังรองรับไหว คือ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะสมุย มีรายงานคลัสเตอร์โรงเรียน ตรงนี้เมื่อมีการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ไม่ได้แปลว่าไม่มีการติดเชื้อ แต่ขอให้อยู่ในเกณฑ์ที่ตรวจพบเร็ว ค้นแยกคนติดเชื้อออกมาให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการลุกลามเป็นคลัสเตอร์ไประบาดในครอบครัวชุมชน และหากจังหวัดพื้นที่นำร่องเหล่านี้ สามารถนำเสนอมาตรการที่ดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัยได้อย่างเหมาะสม ศบค. ก็สามารถจะยังคงให้การผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องได้

• "สงขลา" ขึ้นอันดับ 2 ติดเชื้อสูงสุด 

 

สำหรับ สถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ พญ.อภิสมัย กล่าวต่อไปว่า จะเห็นได้ว่าวันนี้ สงขลา แซงหน้าสมุทรปราการมาแล้ว จากเดิม สมุทรปราการ อยู่เป็นอันดับ 2 รองจาก กทม. มานาน ขณะที่กทม. วันนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ จังหวัด ภาคใต้ ยังคงติด 10 อันดับ กว่า 5 จังหวัด เป็นที่มาของ ศปก.ศบค. ผู้บริหารของ 4 จังหวัดชายแดนใต้ รองนายแพทย์ สสจ. หัวหน้าสำนักงานจ.นราธิวาส รวมทั้ง ปัตตานี ยะลา มาเรียนนำเสนอสถานการณ์

 

 

โดยในส่วนของ สงขลา ก่อนหน้านี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนตัวเลขอยู่ที่ 200 กว่าราย แต่ในวันนี้ตัวเลขรายใหม่ 666 ราย หากดูตัวเลขแต่ละจังหวัดเพิ่มขึ้นมาเกือบ 2 เท่าจากต้นสัปดาห์ ในส่วนของสงขลา รายงานทั้ง หาดใหญ่ เป็นก้อนใหญ่ที่สุด ขณะที่ ยังมีอำเภอที่ติดกับยะลา ได้แก่ อ.จะนะ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และ อ.รัตภูมิ ก็เพิ่มขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นการสัมผัสผู้ติดเชื้อ และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จากพฤติกรรม วัฒนธรรม ในการพี่น้องนั่งคุย จิบน้ำชายามเช้า กิจกรรมทางศาสนา ประเพณี เป็นเหตุให้ติดเชื้อ ทำให้ช่วงนี้ ปลัด สธ. รวมทั้งผู้ตรวจราชการเขต 12 และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ตอนนี้ยังคงอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด เพื่อกำกับติดตาม และช่วยอำนวยความสะดวกให้การควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

“นับจากนี้ 4 จังหวัด ภาคใต้ ได้แก่ สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส จะมีการประชุมร่วมกัน ค้นหาผู้ป่วยให้เร็ว และคัดแยกออกจากชุมชน ครอบครัว ทั้งสี่จังหวัดรายงานทรัพยากรในการดูแลรักษาได้อย่างดีเยี่ยม โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ในพื้นที่”

 

 

เช่น ปัตตานี มี รพ.สนาม ได้รับการอนุเคราะห์ทั้งการใช้พื้นที่ รร. โรงยิม อบจ. และพื้นที่สุเหร่า ชุมชนร่วมด้วยช่วยกัน และ รพ. ทั้งรัฐ เอกชน ต้องขอบคุณพื้นที่ เพราะการควบคุมการระบาด ดูแลประชาชน คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ สสจ. เพียงลำพังไม่ได้ นอกจากนี้ ทั้ง 4 จังหวัด มีความพยายามควบคุมคลัสเตอร์โรงงาน จัดมาตรการบับเบิ้ล แอนด์ ซีล ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จัด รพ.สนาม ฮอสพิเทล รวมถึง รร.แพทย์ ระดมทรัพยากร บุคลากรทางการแพทย์ และให้พื้นที่ในการช่วยดูแลพี่น้องประชาชนที่เป็นผู้ติดเชื้อ

 

อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ชุมชน เฝ้าระวัง มาตรการติดเชื้อในครอบครัวและชุมชน การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการเดินทางไปที่พื้นที่เสี่ยง หรือสัมผัสผู้มีความเสี่ยง พี่น้องประชาชนบางท่านทำอาชีพกิจกรรมกิจการเสี่ยง ต้องตรวจสอบตัวเองทุกวันว่ามีไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูกหรือไม่ ถ้ามีประวัติเหล่านี้ขอให้พบแพทย์ตรวจให้ไว ทำให้ได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย และจำกัดวงระบาดไม่ให้ไปสู่ครอบครัวชุมชน

 

• ภาคใต้เดินหน้าฉีด "วัคซีนโควิด-19" 

 

ขณะที่การป้องกันโรคระดมฉีดวัคซีน เน้นย้ำ กลุ่ม 608 ผู้สูงอายุ ติดบ้าน ติดเตียง มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ พี่น้องประชาชนได้ให้ข้อมูลกลับมาว่า มีการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนกับชุมชน ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความลังเลในการฉีดวัคซีน 4 จังหวัดเน้นย้ำว่า ท่านจุฬาราชมนตรี ได้กรุณามอบให้กับพี่น้องประชาชนชาวใต้ ว่าการฉีดวัคซีนสามารถฉีดได้และมีความจำเป็น ขอให้พี่น้องประชาชน เชื่อมั่น และนอกจาก WHO และ สสจ. มีมาตรการดูแลวัคซีนให้ปลอดภัยแล้ว ทางท่านจุฬาราชมนตรี ได้ตอกย้ำขอความกรุณา โดยเฉพาะหน่วยงานพื้นที่ เป็นกระบอกเสียง ทำความเข้าใจพี่น้องประชาชนด้วย

 

 

สูงวัย โรคเรื้อรัง เสียชีวิต 94%

 

สำหรับผู้เสียชีวิต 102 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาย 51 ราย หญิง 51 ราย เป็นชาวไทย 97 ราย เมียนมา 3 ราย กัมพูชา 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย ในส่วนของอายุ และโรคประจำตัว เป็นกลุ่มเสี่ยงหลักกว่า 94% ของผู้เสียชีวิต ทั้งกลุ่ม 60 ปีขึ้นไปและโรคเรื้อรัง เหมือนที่รายงานตลอดมา ส่วนนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ยังรับวัคซีนไม่ครบ 2 เข็ม

 

 

• บุหรี่ เพิ่มความเสี่ยง เสียชีวิต

 

ขณะเดียวกัน ผู้เสียชีวิต มีประวัติการสูบบุรี่ วันนี้ทางสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ได้มีการออกแถลงการณ์ ว่าบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ถือได้ว่ามีอันตราย มีภาวะที่ทำให้พยาธิสภาพปอดผิดปกติ พี่น้องประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 สามารถปอดอักเสบ ปอดบวม และระบบหายใจล้มเหลวอย่างรวดเร็ว ทำให้ถึงแก้ชีวิตได้ และสิ่งที่สมาพันธ์เน้นย้ำว่า

 

“หลายคนมองว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย และหลายคนเอามาเป็นตัวช่วยเลิกบุหรี่ แต่ความจริงอันตรายไม่แตกต่างจากบุหรี่ทั่วไป ทำให้เกิดโรคประจำตัวมากมาย และโรคมะเร็ง และไม่สามารถช่วยเลิกบุหรี่ได้ จากการวิจัย ชัดเจนว่าบุหรี่ไฟฟ้า แทนที่จะช่วยเลิกบุหรี่ กลับกลายเป็นติดทั้งบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าทำให้ปอดพังเข้าไปอีก และหากติดตามของการพยายามประชาสัมพันธ์จะพบว่า กลุ่มบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ขายมุ่งเป้าเยาวชน การที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง เฝ้าระวัง รู้เท่าทันบริษัท จะช่วยปกป้องคนไทยได้”

 

• ไทยฉีดวัคซีนแล้ว 56.6 ล้านโดส

 

จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. - 5 ต.ค. 2564) รวม 56,656,247 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น 

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 33,505,887 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 21,595,916 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 1,554,444 ราย

 

• ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 5 ตุลาคม 2564

 

ยอดฉีดทั่วประเทศ 734,804 โดส

เข็มที่ 1 : 262,362 ราย

เข็มที่ 2 : 433,665 ราย

เข็มที่ 3 : 38,777 ราย

 

 

• เด็กฉีด "ไฟเซอร์" แนะสังเกตุอาการ

 

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า เน้นย้ำไปยังผู้ปกครอง และน้องๆ ที่ฉีดไปแล้ว ให้สังเกตตัวเอง เพราะวัคซีนที่ฉีดเป็น ไฟเซอร์ มีรายงานกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ที่สหรัฐ สิงคโปร์ โดยมีรายงานอย่างต่อเนื่อง อาการจะเป็นลักษณะเจ็บแน่น หน้าอก หน้ามืด เป็นลม โดยติดตามอาการ 1 สัปดาห์ต่อเนื่อง หากมีอาการรีบแจ้งผู้ปกครอง และไปรพ.ใกล้บ้านให้เร็วที่สุด ให้ข้อมูลแพทย์ว่าฉีดวันที่เท่าไหร่ ตั้งแต่ 4 ต.ค. ฉีดแล้วกว่า 3 หมื่นราย โดยมีผู้ปกครอง ยินยอม ราว 3.5 ล้านราย ยังมีที่ยังไม่ยินยอมอีกเกือบ ล้านราย อาจขอหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน หากพร้อมสามารถติดต่อขอรับวัคซีนได้

 

 

โอกาสที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์ หากเทียบแล้ว เด็กติดเชื้อโควิดมีลักษณะการอักเสบของอวัยวะ 16 ต่อแสน แต่หากได้รับวัคซีนแล้วโอกาสเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ น้อยกว่าจากการติดเชื้อ 6 เท่า เป็นข้อมูลจาก CDC สหรัฐ โดยผู้เชี่ยวชาญ สรุปว่า อัตราเสี่ยงที่เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการฉีดวัคซีน เทียบแล้วน้อยกว่ามากกับการที่เกิดโรคจากการติดโควิด ดังนั้น ควรแนะนำให้ผู้ปกครอง พาบุตรหลานรับวัคซีน นำไปสู่การเปิดโรงเรียนในเดือน พฤศจิกายน