ศธ.ยัน ไม่เลื่อนเปิดเทอม 1 พ.ย.นี้ ยอดฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก 1.1 ล้านคน

ศธ.ยัน ไม่เลื่อนเปิดเทอม 1 พ.ย.นี้ ยอดฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก 1.1 ล้านคน

1 พ.ย.นี้ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศจะเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในรูปแบบ on site ในสังกัดสพฐ. หลังจากที่ต้องเรียนออนไลน์มานานเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19

โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เร่งฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียน และครูในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป ซึ่งมีสถานศึกษาจำนวน 15,465 แห่ง และมีนักเรียนที่ต้องฉีดวัคซีนทั้งหมด  5,048,081 คน เบื้องต้นมีผู้ประสงค์จะฉีด 3.61 ล้านคน คิดเป็น 71.67% จะได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไฟเซอร์ + ไฟเซอร์  และเด็กต่ำกว่า 18 ปี ไม่ประสงค์ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 1.34 ล้านคน

วันนี้ (18 ต.ค.2564) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ตรวจการฉีดวัคซีนแก่นักเรียนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมี นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วม

ทั้งนี้ ข้อมูลการฉีดไฟเซอร์นักเรียน-นักศึกษาอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่2/2564 ของจังหวัดเชียงราย ข้อมูล ณ วันที่ 16 ต.ค.2564 พบว่า มีนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย 80,853 คน ประสงค์ฉีดวัคซีน 64,373 คน คิดเป็น 79.62% จำนวนนักเรียนที่ได้ฉีดวัคซีนแล้ว 29,207 คน คิดเป็น 45.37% ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษาของหน่วยงานในสังกัดศธ.จ.เชียงราย พบว่า มีจำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมด14,496 คน  ฉีดวัคซีนแล้ว (สูตรไขว้) 9,883 คน คิดเป็น 68.18%

 

  • ยอดเด็กฉีดวัคซีนไฟเซอร์แล้ว 1.1 ล้านคน

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยถึงการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนอายุ 12-17 ปีว่า ภาพรวมการฉีดวัคซีนขณะนี้มีนักเรียนทยอยแจ้งประสงค์ขอฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่พบรายงานว่ามีนักเรียนได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน

ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยังรับวัคซีนไม่ครบประมานกว่า 1 แสนคนจะเร่งดำเนินการฉีดควบคู่ไปพร้อมกับนักเรียน

สำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะมีมาตรการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพราะบริบทของโรงเรียนมีความแตกต่างกันมีทั้งโรงเรียนขนาดใหญ่ กลางและ เล็ก ดังนั้นอาจไม่ได้เปิดภาคเรียนแบบon site พร้อมกันทุกแห่ง แต่จะมีมาตรการสลับวันมาเรียน ทั้งนี้เมื่อเปิดเรียนแล้วขอให้สถานศึกษาทุกแห่งปฎิบัติการตามมาตรการของสธ.อย่างเคร่งครัด เช่น เว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เป็นต้น

นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดให้มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กนักเรียน นักศึกษา ทุกสังกัดที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ข้อมูลวันที่ 17 ต.ค.2564 พบว่า มีนักเรียนที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้ว จำนวน 1,106,202 คน   และคาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คงจะไม่ได้ 50% ของจำนวนเด็กที่ลงทะเบียน

 

  • 4 ปัจจัย "เด็กฉีดวัคซีนไฟเซอร์" ไม่ได้ตามเป้า

นายสุภัทร กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยที่ทำให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่เด็กนักเรียนไม่เป็นไปตามเป้าหมายนั้น มี 4 ประเด็นหลักๆ คือ

1.เกิดจากการเข้ามาช้าของวัคซีน ซึ่งตอนนี้เข้ามาเพียงสัปดาห์ละ 1.5 ล้านโดสเท่านั้น  และไม่แน่ใจกระบวนการจัดสรรหรือการจัดส่งทำให้บางจังหวัดอาจจะไม่ได้รับวัคซีนตามวัน เวลาที่กำหนด

 2.มีความเข้าใจผิดในบางเรื่อง เช่น ทางสาธารณสุขเข้าใจว่านักเรียนอายุ 18 ปีตามบัญชีรายชื่อไม่ต้องฉีดไฟเซอร์ก็ได้ ซึ่งอยากขอความกรุณาให้มั่นใจตรงกันว่าต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ตามบัญชีรายชื่อที่ศธ.และสธ. ดำเนินการร่วมกัน

 3.สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียน นักศึกษาไม่ถึง 3 หมื่นคน

4. มีนักเรียนบางกลุ่มได้มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไปก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ได้ระบุข้อมูล หรือมีนักเรียนบางกลุ่มไปฉีดวัคซีนในโครงการอื่นๆ บ้างแล้ว

นายสุภัทร กล่าวต่อไปว่า ส่วนเด็กนักเรียนที่จบม.6 แล้ว และไม่ได้ศึกษาต่อทำให้ไม่ได้อยู่ในระบบของโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อายุเกิน18 ปี สามารถเข้ารับวัคซีนได้เหมือนประชาชนทั่วไป ขณะที่นักเรียนเรียนโฮมสคูล นักเรียนสามารถแจ้งไปศึกษาธิการจังหวัดหรือสามารถขอขึ้นทะเบียนรับวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านได้

  • คาดฉีดวัคซีนได้ไม่ตามเป้า 50% ก่อนเปิดเทอม

“ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ คาดว่า จะฉีดวัคซีนให้แก่เด็กในเข็มแรกตามจำนวนเด็กที่ลงทะเบียนได้ครบ ใน 3 สัปดาห์แรก แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่ายังไม่ครบ และคาดว่าจะครบใน 4 สัปดาห์ ซึ่งเรื่องการฉีดวัคซีนไม่เกี่ยวกับการเปิดเทอม 2/2564 เพราะหากสถานศึกษาไหนยังไม่พร้อมก็สามารถเรียนในรูปแบบออนไลน์ หรือรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสมกับโรงเรียนได้ และจังหวัดได้ อย่างไรก็ตามเร็วๆ นี้ ศธ.จะหารือร่วมกับสธ.อีกครั้งในการฉีดวัคซีนให้แก่ครู และเร่งการฉีดวัคซีนให้แก่เด็ก” นายสุภัทร กล่าว

ส่วนกรณีการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.2564 นี้ นายสุภัทร กล่าวต่อไปว่า ตามหลักของศธ.ในการประสานไปยังสาธารณสุขเพื่อฉีดวัคซีนให้แก่เด็กและครูนั้น เริ่มแรกไม่ได้มีการกำหนดจังหวัด แต่ต้องการปูพรมให้ฉีดทั้งประเทศ ทว่าด้วยข้อจำกัดในหลายอย่าง จึงกำหนดให้มีการฉีดในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดก่อน เพราะฉะนั้น จากที่ตนดู ตอนนี้เข็มแรกจะฉีดแล้วเสร็จประมาณเดือน ต.ค. หรือนานกว่านั้น และคาดว่าจะฉีดวัคซีนเข็ม 2 ได้ในสิ้นเดือนพ.ย. จากกำหนดเดิมคาดว่าวันที่ 15พ.ย.2564

  • ชวนผู้ปกครองฉีดวัคซีนป้องกันตนเอง-เด็ก

นายสุภัทร กล่าวต่อไปว่า วัคซีนมีเพียงพอ แต่อาจจะจัดสรรทยอยไปเรื่อยๆ และไม่ตรงกันที่คาดการณ์ไว้ว่าจะฉีดเข็มแรกครบ 3 สัปดาห์ ขณะเดียวกัน การอนุญาตให้ฉีดวัคซีนแก่เด็กนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ได้รับรองเพียง 2 ชนิด คือ ไฟเซอร์ ซึ่งรัฐบาลจัดสรรให้ กับ โมเดอร์น่าที่พ่อแม่ผู้ปกครองอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฉีดเอง แต่โมเดอร์น่าเข้ามาเร็วสุดน่าจะเดือนธ.ค. ทว่าด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดสายพันธุ์เดลต้า ถ้าได้ฉีดก่อนก็น่าจะระมัดระวังได้มากขึ้น

"อยากเชิญชวนผู้ปกครอง ถ้าไม่แน่ใจว่าเด็กๆ ที่ต่ำกว่า 12 ปี จะทำอย่างไร สิ่งที่ศธ.ทำ คือการฉีดวัคซีนให้แก่ครู 85% และผู้ปกครองควรฉีดวัคซีนให้ครบ เพราะหากรอบๆ ตัวเด็กมีแต่คนที่ฉีดวัคซีนแล้วก็จะทำให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ปลอดภัยจากโควิด-19” นายสุภัทร กล่าว