เช็ควิธีลงทะเบียน “ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี” รับ 3,000 บาท หมดเขต 20 พ.ย.
โครงการ "ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี" เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในธุรกิจ SMEs รัฐจะช่วยอุดหนุนค่าจ้าง 3,000 บาทต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เช็ครายละเอียดที่ต้องรู้ที่นี่!
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สถานประกอบการจำนวนหนึ่งประสบปัญหาอย่างหนัก บางรายถึงขั้นต้องหยุดกิจการชั่วคราว บางรายมีการลดการจ้างงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ครม. จึงมีนโยบายจัดตั้งโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs โดยรัฐจะแบ่งเบาภาระนายจ้างด้วยการช่วยจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างรายละ 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อช่วยป้องกันปัญหาการเลิกจ้าง (ลูกจ้างตกงาน) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- "ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี" ลูกจ้างรอรับ 3,000 บาท
โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs มีการจ่ายเงินช่วยอุดหนุนค่าจ้าง 3,000 บาทต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ภายในระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 - มกราคม 2565 เพื่อให้สถานประกอบการขนาดเล็ก-กลางเกิดสภาพคล่อง และป้องกันการปลดพนักงานออก
โดยเงินอุดหนุนจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วแต่กรณี โดยจะไม่ถูกนำมาคิดเป็นรายได้ หรือคำนวณเป็นรายจ่ายในการหักภาษี
- หลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการ
1. เป็นนายจ้างภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม ตามฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคมมาตรา 33
2. มีสถานะ Active ที่มีลูกจ้างทุกสาขา รวมกันไม่เกิน 200 คน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564 เพื่อตรวจสอบขนาดกิจการที่มีสถานะเป็น SMEs
- เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ
1. รัฐจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่นายจ้าง ตามจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทยไม่เกิน 200 คน ที่อยู่ในฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคม มาตรา 33 มีสถานะ Active ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564
2. จ่ายเงินอุดหนุนในอัตรา 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พฤศจิกายน 2564 - มกราคม 2565)
3. จ่ายเงินอุดหนุนตามจำนวนการจ้างจริงของทุกเดือน โดยตรวจสอบจากฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคม มาตรา 33 มีสถานะ Active ทุกวันที่ 16 ของเดือน
4. ระหว่างเข้าร่วมโครงการเดือนที่ 2 และ 3 (ธันวาคม 2564 และ มกราคม 2565) นายจ้างจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังนี้
4.1) นายจ้างต้องรักษาระดับการจ้างงาน ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 หากนายจ้างไม่สามารถรักษาระดับการจ้างงานไว้ได้ จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนในเดือนนั้น ๆ
4.2) ในกรณีที่นายจ้างมีจำนวนการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยเปรียบเทียบจากข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นายจ้างจะได้รับเงินอุดหนุนตามจำนวนการจ้างงานจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทยทั้งหมด ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ในอัตรา 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 2 เดือน (ธันวาคม 2564 ถึง มกราคม 2565)
4.3) นายจ้างจะต้องแจ้งชื่อและหมายเลขบัญชีธนาคารของนายจ้าง (กรณีนายจ้างเป็นนิติบุคคลต้องใช้บัญชีธนาคารซึ่งเป็นชื่อของนิติบุคคลนั้น/นายจ้างบุคคลธรรมดาใช้ชื่อบัญชีของนายจ้าง)
4.4) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนให้กับนายจ้าง โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากตามที่นายจ้างแจ้งทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน ตรงนี้เฉพาะกรณีการรับเงินอุดหนุนผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย
แต่สำหรับธนาคารอื่นๆ นายจ้างจะได้รับเงินอุดหนุนหลังจากวันดังกล่าว โดยจะถูกหักค่าธรรมเนียมการโอนระหว่างธนาคารจากเงินอุดหนุน
4.5) นายจ้างที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ ต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ "ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th" ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ก่อน
แล้วจึงสมัครใช้บริการระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม เพื่อยื่นแบบรายการแสดงข้อมูลการส่งเงินสมทบ สปส. 1-10 ในระบบ e-Sevice ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการนี้ (การขอรับเงินอุดหนุนของนายจ้างจะต้องไม่เป็นเหตุให้นายจ้างชะลอการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง)
4.6) นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้าง ไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัด ตามประกาศของคณะกรรมการค่าจ้าง
- ช่องทางการลงทะเบียนรับสิทธิ
ผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนร่วมโครงการฯ ผ่านทางระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนจนถึง 20 พฤศจิกายน 2564
หรือสามารถลงทะเบียนด้วยตนเอง โดยนำเอกสารสำคัญติดตัวมาด้วย ได้แก่
1. หนังสือมอบอำนาจ ติดอากรแสตมป์ 30 บาท
2. สำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
3. สำเนาหน้าสมุดธนาคาร (กรณีใช้บัญชีกระแสรายวัน ให้ใช้สมุดหน้าเช็คที่มีชื่อนายจ้างและเลขบัญชี)
4. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล หรือสำเนาบัตรประชาชน (นายจ้างบุคคลธรรมดา) โดยลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ
จากนั้น ให้ไปติดต่อที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร.1506 กด 2 สายด่วนกระทรวงแรงงาน หรือ โทร.1694 สายด่วนกรมการจัดหางาน
----------------------------------