แบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัย ไม่กระทบมาตรฐานและงบประมาณ
รองปลัด อว.ยันแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัยไม่กระทบ “มาตรฐาน-งบประมาณ” ย้ำเป็นการพัฒนากำลังคนระดับสูง รองรับการผลิตกำลังคนตามทิศทางของประเทศ เผยแต่ละมหาวิทยาลัยกำหนดศักยภาพในการเข้ากลุ่มด้วยตัวเอง
วันนี้ (2 ธ.ค.2564) ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวถึงกรณีที่ อว.ออกประกาศ “การกำหนดให้สถาบันอุดมศึกษาสังกัดกลุ่มสถาบัน อุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ 2565” โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา และกลุ่มผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ
โดยหลายคนมองว่าเป็นการแบ่งเกรดของมหาวิทยาลัยและขัดแย้งกับคำว่า "เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน" เรื่องดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน การแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัยเป็นไปตามมาตรา 23 และ 24 ของ พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริม สนับสนุน ประเมินคุณภาพและจัดสรรงบประมาณให้แก่สถาบันอุดมศึกษา
- แบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัยไม่กระทบมาตรฐาน
โดยการแบ่งกลุ่มตามประกาศดังกล่าวไม่กระทบต่อมาตรฐานการศึกษาของมหาวิทยาลัย เพราะทุกมหาวิทยาลัยต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของอุดมศึกษา ซึ่งมีทั้งมาตรฐานหลักสูตร มาตรฐานการดำรงตำแหน่งทางวิชาการ และยังมีระบบประกันคุณภาพการศึกษาที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน และจะเป็นการเสริมให้มหาวิทยาลัยยกระดับคุณภาพให้สูงขึ้นในด้านที่ถนัดอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเพื่อส่งเสริมพัฒนากำลังคนขั้นสูง และความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยมีจุดแข็ง บริบทและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน การแบ่งกลุ่มจะนำไปสู่การพัฒนากำลังคนและความเป็นเลิศที่มีความหลากหลาย เช่น กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก จะมุ่งพัฒนากำลังคนด้านงานวิจัยชั้นแนวหน้าและความเป็นเลิศในองค์ความรู้และวิทยาการใหม่ๆ หรือกลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น จะมุ่งที่สร้างคนเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาพื้นที่ เป็นต้น ในลักษณะแบ่งกันทำงานในด้านที่ตนถนัด ไม่มาแข่งกันเองในทุกๆ ด้านอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
- งบประมาณเพียงพอตามภารกิจมหาวิทยาลัย
“ที่สำคัญ การแบ่งกลุ่มจะไม่กระทบต่องบประมาณประจำที่มหาวิทยาลัยได้รับ เพราะใน พ.ร.บ.การอุดมศึกษาฯ ระบุว่าให้มีงบประมาณอยู่ 3 ส่วน คือ 1.งบบุคลากร 2.งบดำเนินการและงบรายจ่ายอื่นๆ ซึ่งเป็นงบประจำ ทั้งสองส่วนนี้มหาวิทยาลัยก็ยังได้รับตามภารกิจของมหาวิทยาลัยตามปกติ ส่วนการแบ่งกลุ่มจะมาเกี่ยวข้องกับงบส่วนที่ 3 ซึ่งเป็นงบที่จัดทำเพิ่มเติมเพื่อการพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและผลิตกำลังคนของประเทศ ซึ่งงบส่วนนี้จะจัดสรรไปตามกลุ่มมหาวิทยาลัยตามภารกิจของแต่ละกลุ่มและแผนการดำเนินการเพื่อพัฒนากำลังคนและความเป็นเลิศของแต่ละแห่ง และตอบโจทย์ของประเทศ” ศ.ดร.ศุภชัย กล่าว
การแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัยตามที่ประกาศไปเป็นไปตามความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ทางสำนักงานปลัด อว. ไม่ได้เป็นผู้กำหนดโดยตรง การเสนอเข้ากลุ่มของแต่ละมหาวิทยาลัยนั้น ทางมหาวิทยาลัยจะทำการวิเคราะห์ตนเองว่ามีศักยภาพและประสิทธิภาพที่สอดรับกับกลุ่มใด นอกจากนี้ การเลือกเข้ากลุ่มเป็นความสมัครใจของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจะไม่เลือกสังกัดกลุ่มใดก็ได้ ส่วนกลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนาที่ยังไม่มีมหาวิทยาลัยใดอยู่ในกลุ่มนี้นั้น เนื่องจากยังไม่มีสถาบันอุดมศึกษาใดแสดงความประสงค์ที่จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งสำนักปลัด อว. จะดำเนินการหารือร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ต่อไป
“การแบ่งกลุ่มไม่ใช่เป็นการแบ่งเกรดมหาวิทยาลัย ถ้าเปรียบกับนักกีฬา ไม่ใช่เป็นการแบ่งลีกฟุตบอลให้แข่งตามดิวิชั่น แต่เป็นการแบ่งตามประเภทกีฬาที่แต่ละคนแต่ละทีมถนัด เช่น ใครเก่งฟุตบอลก็ไปเล่นฟุตบอล ใครเก่งว่ายน้ำก็ไปว่ายน้ำ หากเก่งฟุตบอลแล้วไปแข่งว่ายน้ำก็ไม่มีโอกาสได้แชมป์เพราะไม่ถนัด” รองปลัด อว. กล่าว