รู้จัก "ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" ก่อนลาออกจาก อธิการบดี สจล.

รู้จัก "ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" ก่อนลาออกจาก อธิการบดี สจล.

หลังจากที่ “ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” หรือ "พี่เอ้" ลาออกจากตำแหน่ง “อธิการบดี สจล.” หลังดำรงตำแหน่งเป็นเวลากว่า 6 ปี 7 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ ศ.ดร.สุชัชวีร์ ได้รับฉายา "The Disruptor" จากการพัฒนาการศึกษา เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ

หลังจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ KMITL ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ประกาศว่า เช้าวันนี้เวลา 10.00 น. ในการประชุมสภาสถาบันฯ วาระพิเศษ ได้มีมติอนุมัติให้ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่ง อธิการบดี ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2564 หลังดำรงตำแหน่งสองสมัยเป็นเวลากว่า 6 ปี 7 เดือน ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่าหลังจากลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีแล้ว ศ.ดร.สุชัชวีร์ จะเดินหน้าลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.

 

เมื่อย้อนกลับไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เมื่อปี 2562 ในขณะที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา กับเป้าหมายการดิสรัปทั้งการศึกษาและการเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นสมาร์ทซิตี้

 

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า “พี่เอ้” ในวัย 49 ปี เริ่มจากการเป็นผู้ช่วยอธิการบดีที่อายุน้อยที่สุดในวัย 31 ปี หลังจากนั้น เป็นคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ในวัย 38 ปี และเข้ารับตำแหน่ง อธิการบดี สจล. เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

 

โดยที่ผ่านมา ผลงานการดิสรัปด้านการศึกษาที่ได้เห็นผ่านตา คือ การจับมือ กับ คาร์เนกี เมลลอน มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเอไอ ตั้งสถาบันร่วมระดับอุดมศึกษาภายใต้ชื่อ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL University) โดยใช้นวัตกรรมเป็นตัวนำจากเทคโนโลยีของ ‘คาร์เนกี เมลลอน’ พร้อมกับการตั้งคณะแพทย์ศาสตร์ ซึ่งยากมากในกฎระเบียบใหม่ ทำให้ที่ สจล. เป็นคณะแพทย์แห่งที่ 22 ของไทย

รวมถึงการตั้ง “ศูนย์รวมนวัตกรรม KMITL GO FIGHT COVID-19” เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (COVID-19)

 

“โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร” (KMCH) โรงพยาบาลวิจัยนวัตกรรมทางการแพทย์แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ภายใต้การบูรณาการณ์ศาสตร์ความรู้หลากคณะร่วมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อเพิ่มโอกาสทางการรักษา ลดการนำเข้าเครื่องมือจากต่างประเทศ ทำให้ได้รับฉายาว่า "The Disruptor" เมืองไทย

 

ศ.ดร.สุชัชวีร์ เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า ฉายา The Disruptor ผมไม่รู้ที่มาที่ไป แต่หลายคนพูดจนติดปากว่า เป็นนักเปลี่ยนแปลง ที่กล้าทำในสิ่งที่คนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ และทำได้จริง ทำออกมาเห็นเป็นรูปธรรมจริง ตอนที่เราบอกว่าจะชนะสิงคโปร์ มีคนบอกว่า เงินก็ไม่มี ไม่มีทางเป็นไปได้ กลายเป็นแรงขับของเรา จนทุกวันนี้ มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน มาร่วมตั้งสถาบันระดับอุดมศึกษาภายใต้ชื่อ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL University)” ที่สจล. เป็นแห่งที่ 2 จากคอนแทค 5 ปี

 

“การจะเป็น Disruptor คือ เหนือคำบรรยาย ดูเป็นไปไม่ได้ เช่น เอาชนะสิงคโปร์ได้ ตั้งคณะแพทย์ หรืออธิการมาเต้นแร็พ อธิการฯ ปลอมตัวเป็นนักศึกษา ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ แต่มันเป็นไปได้”

 

 

  • เปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็นสมาร์ทซิตี้

 

จากบทสัมภาษณ์เมื่อปี 2562 นี้เอง ได้เห็นว่าเป้าหมายของ ศ.ดร.สุชัชวีร์ ที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯ ให้เป็นสมาร์ทซิตี้ ศ.ดร.สุชัชวีร์ เผยว่า อยากเห็นกรุงเทพฯ เปลี่ยน ผมอยากให้คนกรุงเทพฯ ไม่ต้องถูกรังแกจนเคยชิน พูดว่ารถในกรุงเทพฯ ยังไงก็ติด เห็นน้ำท่วมในซอยบ้านจนคิดว่ามันไม่มีทางที่น้ำจะไม่ท่วมจนชิน ขณะที่โตเกียวคน 40 กว่าล้านคน หนาแน่นกว่ากรุงเทพฯ แต่รถไม่ติด เจอพายุไต้ฝุ่น 7-12 ลูกต่อปี หนักกว่าไทย ทำไมน้ำไม่ท่วม พื้นที่ต่ำกว่าแม่น้ำอ่าวโตเกียวตั้งเยอะ แต่น้ำไม่ท่วม ทำไมเขาทำได้ ?

ลอนดอน ใหญ่เท่ากรุงเทพฯ ตอนนี้คนขี่จักรยานไปทำงาน กรุงเทพฯ บอกว่าทำไม่ได้ร้อน สิงคโปร์ร้อนกว่า เพราะอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรแต่เขาเดิน ส่วนประเทศไทยจะมีพายุเข้าก็ไม่รู้ก่อน ฟุตบาธเดินไม่ได้ ไม่ใช่เพราะร้อนแต่มันเดินไม่ได้จริงๆ เราควรใช้ความฉลาดของเทคโนโลยี AI มาแก้ไขเรื่องของการจราจร ตอนนี้เขาทำมาทุกเมืองแล้ว สิงคโปร์ก็เป็น Smart Nation โตเกียวก็ทำแล้ว ลอนดอนไปถึงไหนแล้ว และเทคโนโลยีปัจจุบันก็ทั้งถูกและเชื่อถือได้

 

  • ใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหา "ฝนตก-รถติด"

 

ศ.ดร.สุชัชวีร์ ระบุต่อไปว่า สจล. มีศูนย์พยากรณ์อากาศ ใช้งบประมาณเพียง 5 ล้านบาท แต่พยากรณ์อากาศแม่นมาก สามารถรู้ก่อน 24 ชั่วโมงว่าฝนจะตกไล่ตั้งแต่หนองจอก มีนบุรี เข้าไปที่รามคำแหง รัชดา เพลินจิต เพราะฉะนั้น สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้ว่า กรุณาไปทำงานช้าสัก 2 ชั่วโมง รถก็ไม่ติด หรือ อาจจะให้ทำงานที่บ้าน

 

นอกจากนี้ เรื่องเปิดปิดประตูน้ำ เอาไวไฟตัวเล็กๆ ไปติด ก็รู้แล้วว่า ตัวสูบน้ำทำงานดี ไม่ดีอย่างไร สามารถดูผ่านมือถือได้เลย เพราะขนาดเปิดไฟเปิดแอร์ที่บ้าน มือถือยังทำได้ นั่นคือ สมาร์ทซิตี้จริงๆ ใช้บริหารเมือง ทำให้ประชาชนมีความปลอดภัย แก้ปัญหาที่ซ้ำซาก แจ้งก่อนที่ฝนจะตก แก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนน้ำจะมา หรือแก้ปัญหารถติด ด้วยการบริหารการจราจร

 

  • แรงบันดาลใจ สู่การเป็น Disruptor

 

“ตอนเป็นเด็ก เราแสวงหา Role Model เคยบอกพ่อว่า อยากไปเหยียบดวงจันทร์เหมือน นีล อาร์มสตรอง มีความฝัน มีจินตนาการ พ่อไม่เคยบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่พ่อบอกว่าขอให้ตั้งใจเรียนให้ดี ก็สามารถเป็นนักบินอวกาศได้ ด้วยความที่พ่อเป็นครู จึงชอบซื้อหนังสือ เช่น National Geographic มีภาพสวยๆ เราเห็นตึกเอ็มไพร์สเตท และมีวิศวกรถ่ายรูปข้างหน้ารู้สึกว่าเท่มาก เห็นคนที่สร้างสะพานโกลเด้นเกท และขึ้นไปบนยอดสะพาน อยากจะเป็นอย่างเขาบ้าง อยากจะสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นบนโลกและยืนอยู่ตรงนั้นอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ เราก็ชอบคนนั้นคนนี้เป็น Role Model”

 

เมื่อถามว่า ทุกวันนี้คิดว่ามาถึงจุดสูงสุดในชีวิตแล้วหรือยัง ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ไม่มีใครรู้ได้ว่า จุดสูงสุดของเราอยู่ที่ตรงไหน ถามว่าพอใจไหม บอกได้ว่าที่สุดเลย ทำไมวันนี้เราถึงทำงานหนักได้ทุกวัน พอล้มตัวลงนอนก็หลับ นอนน้อยแต่หลับได้ วันละ 4-5 ชั่วโมง ทุกวันก่อนนอนผมคิดว่าเรามาถึงวันนี้ได้อย่างไร

 

เด็กต่างจังหวัดบ้านนอก เคยเรียนโรงเรียนระยองวิทยาคมเป็นที่หนึ่งของจังหวัด แต่ในกรุงเทพฯ เขาเก่งกว่าเยอะมาก สู้กันไม่ได้ ทำให้เราคิดว่ามาถึงวันนี้ได้ ไปเรียนมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก ได้เป็นศาสตราจารย์ เป็นนายกวิศวกรรมสถาน นายกสภาวิศวกร เป็นอธิการบดี ได้รางวัลมากมาย รู้สึกว่าเราภูมิใจ ดีใจ เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เราอยากจะทำอะไรให้คนอื่นบ้าง

 

“ความภาคภูมิใจของเรา กลายเป็นพลังที่ว่าเราน่าจะทำได้ดีขึ้น น่าจะทำอะไรให้คนได้เห็นมากขึ้น แก้ปัญหาที่ยากขึ้น ด้วยความมั่นใจมากขึ้น และยอมรับกับความล้มเหลวมากขึ้น สร้างพลังใจขึ้นมา ยิ่งมีปัญหาใจก็ยิ่งเข้มแข็ง เพราะฉะนั้น ความที่เราเจอปัญหาต่างๆ ทำให้ใจของผมแกร่งขึ้นทุกวัน และทำให้เราเข้าใจว่าปัญหามันเป็นบวก ยิ่งเจอปัญหามาก ยิ่งทำให้ได้พัฒนาตัวเอง” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวทิ้งท้าย