พาทัวร์ มหกรรม "สมุนไพร" ครั้งที่ 18 สายเขียวห้ามพลาด
เริ่มแล้ว มหกรรม "สมุนไพร" ครั้งที่ 18 ที่กระทรวงสาธารณสุข จัดขึ้น เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ให้มีรายได้ สร้างเศรษฐกิจชุมชน โดยงานนี้รวบรวมทั้งสมุนไพร และ "กัญชา" ทั้งสินค้า บริการ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่น่าสนใจมารวมไว้ในงานเดียว
หลังจากที่ กระทรวงสาธารณสุข เปิดงาน มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติและการประชุมวิชาการประจำปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 18 “กัญชานำไทย สมุนไพรสร้างชาติ” เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยนำเสนอศักยภาพสมุนไพรไทยพลิกฟื้นเศรษฐกิจชาติ โดยการจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติทุกปีที่ผ่านมา ได้รับความนิยมจากประชาชนเข้าร่วมงานครั้งละไม่ต่ำกว่า 200,000 คน ทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสมุนไพรไทยมีรายได้หมุนเวียนหลายร้อยล้านบาท
งานนี้เรียกได้ถูกใจคนที่สนใจ สมุนไพร ของไทย รวมทั้ง กัญชา และ ฟ้าทะลายโจร เพราะภายในงานเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพ นวัตกรรมการบริการ และเส้นทาง ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พร้อมอบรมความรู้ สมุนไพร ต้านภัยโควิดฟรี และแจกต้นกล้าพันธุ์ไม้สมุนไพร หนังสือสมุนไพร และยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรตลอดงาน
นอกจากนี้ ภายในงานมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ นิทรรศการสายพันธุ์กัญชาทั่วไทยนับร้อยต้น พร้อมนวัตกรรมการพัฒนากัญชาไทยแบบไร้รอยต่อเพื่อต่อยอดเศรษฐกิจ, การแสดงนวัตกรรมและบริการของเครือข่ายกัญชา กัญชงและสมุนไพรไทยในสถานการณ์โควิด 19 พร้อมศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวสายสุขภาพ, กาดมั่ว ตลาดพื้นเมือง 4 ภูมิภาค, นิทรรศการภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรในดูแลสุขภาพทั้ง 4 ภาค
- กิจกรรม ความรู้ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร
สำหรับ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ สมุนไพรป้องกันโควิด รวมไปถึง กัญชา กระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชามากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาอุ่นใจ คุกกี้รื่นเริง ยาดมสมุนไพร น้ำมันนวดตัว ฯลฯ ซึ่งกัญชา นับว่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยปรับสมดุล ช่วยในเรื่องอาการนอนไม่หลับ และท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยสามารถปรับสมดุลได้ทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์สำหรับสปาและอาหาร
- กัญชาทางการแพทย์ ผู้ป่วยมะเร็ง
อีกหนึ่งความน่าสนใจ คือ การนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ “ตำรับยาน้ำมันสนั่นไตรภพ” ของ โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี กรมการแพทย์ ซึ่งมีการเริ่มปลูกเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ในโรงเรือนของโรงพยาบาลประมาณ 60 ต้น นอกจากนี้ ยังทำการสกัดและใช้กับผู้ป่วยมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี เพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย และคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ประภัสสร วงศ์ศรีดา นักวิชาการสาธารณสุข โรงพยาลมะเร็งอุดรธานี อธิบายว่า ในช่วงแรกทดลองกับผู้ป่วยมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี 30 ราย 50 ซีซี กินครั้งละ 1 ซีซีทุกวัน และแจกให้กับคนไข้มะเร็งทั่วไปทดลองใช้ 5 ซีซี หยดใต้ลิ้นเพื่อกระตุ้นระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ในร่างกาย คนไข้มะเร็งจะมีภาวะนอนไม่หลับ ซึมเศร้า วิตกกังวล ซึ่งกัญชาจะช่วยได้ในเรื่องนี้ ยังไม่ถึงขั้นฆ่าเซลล์มะเร็ง แต่จะดูเรื่องคุณภาพชีวิต กินได้ นอนหลับ ลดปวด ทำให้ผู้ป่วยอยู่ได้นานขึ้น และถึงแม้จะจากไปก็จากไปอย่างสงบไม่ทุกข์ทรมาน ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยที่สนใจใช้กัญชากว่าร้อยคน
ทั้งนี้ ส่วนประกอบในน้ำมันกัญชา ตำรับยาน้ำมันสนั่นไตรภพ นอกจากดอกกัญชาแล้ว ยังมีสมุนไพรอื่นๆ อีก ได้แก่ ใบกะเพรา แมงลัก ผักเสี้ยนผี กระชาย พริกไทย หอมแดง หญ้าไทร ลูกคัดเค้า ลูกจันทร์ กระวาน กานพลู เทียนดำเทียนขาว การบูร น้ำมันงา ซึ่งข้อบ่งใช้ คือ แก้กษัยเหล็กเกิดจากลมอืดแน่นเป็นดานอยู่ในท้อง ทำให้มีอาการเจ็บปวดท้องแข็ง ลามขึ้นไปถึงยอดอก ช่วยให้อยากอาหาร ช่วยให้นอนหลับ กระตุ้นระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ในร่างกาย ซึ่งต้องใช้ตามคำแนะนำของแพทย์แผนไทย
- สมุนไพร ยกระดับชุมชน
ขณะเดียวกัน นอกจากกัญชาแล้ว ภายในงานยังมีผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่น่าสนใจอีกมากมาย และหนึ่งในนั้นคือผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากการ บริษัท ฮีโร่เลย จำกัด ซึ่งนอกจากจะ รับสร้างแบรนด์ จำหน่าย ปลีก/ส่ง ขายเครื่องจักรแปรรูปเกษตร สมุนไพร และจำหน่ายต้นกล้าแล้ว ยังมีการรับซื้อสมุนไพรจากเกษตรกร โดยเฉพาะใน อ.นาแห้ว จ.เลย ในราคาสูงกว่าท้องตลาด
“ธัญญรัตน์ จันทนา” รองประธานฝ่ายยุทธศาสตร์สภาอุตสาหกรรม จ.เลย และประธาน บริษัท ฮีโร่เลย จำกัด (Outlet กัญชา) เล่าว่า รับซื้อสมุนไพรจากกลุ่มเกษตรกร ในโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยรับซื้อสมุนไพร 18 ชนิด ที่ปลูกภายใต้โครงการฯ ที่ อ.นาแห้วเป็นหลัก รวมถึง อ.ภูเรือ และ อ.ด่านซ้าย เพื่อนำมาทำสมุนไพรแช่เท้าและสบู่ เน้นว่านหอมเป็นหลัก ซึ่งเรียกว่าว่านแผ่นดินเย็น จะหอมตั้งแต่ใบถึงราก
“กลุ่มเกษตรกร จ.เลย ส่วนใหญ่ในพื้นที่นาแห้วจะอยู่ในเขตป่าสงวน เพราะฉะนั้น เวลาทำกินก็จะต้องอยู่ภายใต้โครงการสร้างป่า สร้างรายได้ มีประโยชน์ในการทำกินแต่ไม่บุกรุกป่า เอื้ออาทรกับป่า และสมุนไพรก็อยู่ใน 4 ชั้นเรือนยอด คือ ชั้นล่างสุดของโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ คนที่เป็นสมาชิกจะปลูกสมุนไพรไว้ด้านล่าง ควบคู่เป็นรายได้เสริม นอกจากการทำเกษตร ปศุสัตว์ที่เป็นอาชีพหลัก ทั้งนี้ ยังสนับสนุนตำรับยาให้เกษตรกร เรียนรู้ สามารถใช้ดูแลตัวเอง ลดการเจ็บป่วยได้”
เราต้องทำให้ชุมชนลดรายจ่ายก่อน แล้วค่อยไปเพิ่มรายได้ สอนเขาในเรื่องของการทำสบู่ น้ำอบ น้ำร่ำ เครื่องปรุง ส่วนตัวเริ่มทำสมุนไพรมา 5 ปี และกัญชาทำมา 2 ปี โดยรับซื้อในราคาที่สูงกว่าปกติซึ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท แต่เรารับซื้อในกิโลกรัมละ 200 บาท
ธัญญรัตน์ เล่าย้อนไปว่า สิ่งที่ทำให้สนใจสมุนไพร จากการที่ได้รับผลข้างเคียงจากยาแผนไทยยี่ห้อหนึ่ง ด้วยความที่เขาใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวเร่ง จึงมาดูว่าสมุนไพรของเรา จะใช้สมุนไพรตัวไหนที่มีอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวเร่ง ไม่ต้องเกิดเอฟเฟคกับร่างกาย จึงศึกษามาเรื่อยๆ จนมาทำผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาเราโตมาจากงานพัฒนาชุมชน และจากการลงพื้นที่ พบว่า การทำเรื่องของสมุนไพรมีน้อยมาก ทั้งๆ ที่ อ.นาแห้ว มีสมุนไพรเยอะ จึงคุยกับทาง อำเภอ และหลายๆ ฝ่ายว่าเสียดาย ประกอบกับมีโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ จึงคิดว่าหากรับซื้อในเชิงเดี่ยวชาวบ้านจะต้องถางป่าและปลูก ดังนั้น จึงมีเงื่อนไขว่าต้องปลูกใต้ร่มเงาป่าไม้เราถึงจะรับซื้อ ซึ่งปกติเขาขายกิโลกรัมละ 50 บาท แต่เรารับซื้อกิโลกรัมละ 200 บาท รับซื้อในราคาที่สูงกว่าปกติ เพื่อเป็นแรงจูงใจในการปลูกให้เรา แต่ก็แลกกับว่า วันที่ปลูกต้องถ่ายรูปมาให้เราดูว่าเริ่มปลูก
ธัญญรัตน์ เล่าต่อไปว่า ส่วนตัวทำสมุนไพรแช่เท้าและมีการจดอนุสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงนำสมุนไพรแช่เท้าไปให้เขาหาวัตถุดิบมาให้ ซึ่งเราทำตามธาตุเจ้าเรือน ช่วยลดอาการปวดเท้าให้หายไวขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความสนใจตลาดกัญชา มากว่า 2 ปี เนื่องจากกัญชา เช่น ส่วนรากจะช่วยเสริมให้สมุนไพรออกฤทธิ์ไวขึ้น ช่วยให้คนที่นอนหลับยากนอนหลับได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยจิตเวชดีขึ้น โดยกัญชารับซื้อมาจากวิสาหกิจชุมชน จ.เลยเป็นหลัก รวมทั้ง จ.สกลนคร และ จ.เชียงใหม่
“การรับซื้อสมุนไพรจากชาวบ้าน มองว่าช่วยให้คุณภาพชีวิตเกษตรกรดีขึ้น เพราะเราไม่ได้บอกให้เขาเปลี่ยนวิถีชีวิต แต่เสริมจากจุดที่เขาสามารถหารายได้เพิ่มได้ พื้นที่ปลูกสมุนไพรของ อ.นาแห้ว มีกว่า 3 แสนไร่ และตลาดสมุนไพรยังขยายได้อีกมาก ถือเป็นโอกาสของเกษตรกร” ธัญญรัตน์ กล่าว
- ท่องเที่ยวกัญชา ฮักเลย เชียงคาน แซนด์บ็อกซ์
สำหรับสายท่องเที่ยวต้องไม่พลาดโปรแกรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อาทิ “เชียงคาน” จ.เลย ซึ่งได้เปิดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว พื้นที่สีฟ้าไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 64 นอกจากนี้ เชียงคาน ยังถือเป็น “แซนด์บ็อกซ์” สำหรับคนไทยและต่างชาติที่ต้องการท่องเที่ยวอย่างมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข
“เบญจมาภรณ์ ฉัตร์คำ” ประธานชมรมมัคคุเทศก์ ท้องถิ่นเมืองเชียงคาน และ คณะกรรมการโครงการฮักเลย เชียงคาน ตามกระบวนการ Sandbox เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 การท่องเที่ยวจะอยู่อย่างไรเมื่อทุกอย่างหยุดชะงัก ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่เรามอง คือ โครงการแซนด์บ็อกซ์ โดยเริ่มมาจากการพูดคุยกันระหว่าง สำนักงานเขตสุขภาพที่ 8 และผู้ประกอบการว่าต้องการทำหรือไม่ หากเปิดเมืองจะได้แซนด์บ็อกซ์และได้วัคซีนเร็ว โครงการแซนด์บ็อกซ์ คนในพื้นที่ต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 70% เพราะฉะนั้น คนของเราจะปลอดภัย และต้องสร้างมาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขต้องการ
“แซนด์บ็อกซ์ มีมาตรการทั้งการเข้าออก มาตรการท่องเที่ยว มาตรฐานโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ต้องมี SHA SHA+ หรือ COVID Free setting เพื่อเป็นเกณฑ์ว่าคนในพื้นที่ปลอดภัย คนที่มาจากข้างนอก คือ นักท่องเที่ยวปลอดภัย นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในเชียงคาน จะต้องรับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้วเท่านั้น”
“ผู้ประกอบการในพื้นที่โดยเฉพาะถนนคนเดิน ที่พัก ร้านอาหาร ต้องฉีดวัคซีนครบ 100% แซนด์บ็อกซ์ทำให้มีมาตรฐาน ถึงจะขยับการท่องเที่ยวได้ ถ้าไม่สร้างมาตรฐาน ก็ไม่มีใครกล้ามา ไม่เกิดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ”
หลังจากที่เปิดมาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เชียงคานแซนด์บ็อกซ์ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่กักตัวครบ และมองหาเมืองที่เป็นแซนด์บ็อกซ์ด้วยกัน เนื่องจากมองว่าเป็นเมืองนั้นมีคุณภาพ มาตรฐานของสาธารณสุข ดังนั้น จึงมีนักท่องเท่ยวจากภูเก็ตที่กักตัวแล้ว 14 วัน มาเที่ยวที่เชียงคานมากพอสมควร
“ตั้งแต่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา มูลค่าของการท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 121 ล้านบาท ตีขั้นต่ำว่า 1 คนใช้เงินแค่ 1,400 บาท และคาดว่าเดือนธ.ค. นี้จะเยอะมากขึ้น”
ทั้งนี้ สำหรับโปรแกรมทัวร์น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทัวร์ “ไทยเลยก๋อ” จากการรวมตัวของ 3 กลุ่มธุรกิจทัวร์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชียงคาน นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางท่องเที่ยวกัญชาทัวร์กัญชาเพื่อสุขภาพ 4 วัน 3 คืน และซึมซับบรรยากาศ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ภายใต้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยสาธารณสุขอีกด้วย
นอกจากนี้ ภายในงาน ยังมีผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร และกัญชา ไม่ว่าจะเป็นยานวด ยาดม อาหาร เครื่องดื่มสมุนไพร โดยเฉพาะชากัญชาที่มีให้ชิมตลอดทั้งงาน รวมไปถึง การนวดด้วยน้ำมันกัญชา และการปรึกษาในเรื่องสมุนไพร และกัญชา อีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมงานได้ระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ที่พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ติดตามข้อมูลการจัดกิจกรรม/ลงทะเบียนออนไลน์เข้าร่วมงานล่วงหน้าที่ https://herbexpo.dtam.moph.go.th/?page_id=2599