ธุรกิจ "สปา" แนวโน้มเติบโต 17% ต่อปี หลังวิกฤติโควิด-19
ก่อน "โควิด-19" เรียกว่าอุตสาหกรรมสปาทั่วโลกมีการเติบโตกว่า 8.7% ทุกๆ ปี มีรายได้ถึง 111 พันล้านดอลลาร์ในสปา 165,714 แห่งทั่วโลก แต่เมื่อเจอวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้รายรับลดลง -39% อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ยังมีแนวโน้มดีขึ้นหลังวิกฤติโควิด-19
ประเทศไทยถือว่าได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับภาพรวมทั่วโลก จากเดิมที่มีธุรกิจสปากว่า 9,000 แห่ง ขณะนี้ ถูกปิดตัวไปราว 30% อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า ธุรกิจ "สปา" ทั่วโลก จะมีการเติบโตสูงมากขึ้น ราว 17% ในปี 2568 และมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ราว 150.5 พันล้านดอลลาร์ การเตรียมความพร้อมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและคุณภาพ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ในการพร้อมรับการเติบโตในอนาคต
- ท่องเที่ยวไทย อันดับ 10 ของโลก
“กรด โรจนเสถียร” ประธานคณะอนุกรรมการธุรกิจบริการสุขภาพ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมสปาไทย ที่ปรึกษาประธานบริหาร บริษัท ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ต จำกัด กล่าวในงานเสวนาภายใต้หัวข้อ “วิชาชีพด้านความงามและสุขภาพสู่วงการสปาระดับโลก” พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกับ โรงเรียนสอนวิชาชีพความงามและสุขภาพสปาชีวาศรม เปิดตัว หลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาบูรณาการส่งเสริมสุขภาพและความงาม โดยระบุว่า เวลานี้เป็นเวลาสำคัญของไทยในการเตรียมพร้อม วันนี้การท่องเที่ยวไทยอยู่อันดับ 10 และรายได้อยู่อันดับ 4 ของโลก ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ ประกาศให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางด้านสุขภาพอันดับ 5 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย
- โควิด "สปา" ทั่วโลก รายได้ ลดลง -39%
ณ เวลานี้ ความมั่นใจของไทยอยู่ในสายตาของชาวโลก เพียงแต่ว่าอะไรจะมาตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่จะเดินทางเข้ามาในอนาคตอันใกล้ “สปาไทย” สถานการณ์ไม่ต่างจากทุกธุรกิจอื่นๆ แนวโน้มธุรกิจสปาที่อยู่ภายใต้ Wellness มีการเติบโตมาตลอดตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 จากปี 2560 - ปี 2562 อุตสาหกรรมสปาทั่วโลก เติบโตอย่างรวดเร็วในอัตรา 8.7% ต่อปี และมีรายได้ถึง 111 พันล้านดอลลาร์ในสปา 165,714 แห่ง โดยเพิ่มขึ้นอย่างมากในโรงแรม/รีสอร์ทสปา (จาก 48,248 แห่ง เป็น 60,873 แห่ง)
พอมีการเกิดขึ้นของโควิด-19 อุตสาหกรรมที่มีการสัมผัสสูง ได้รับผลกระทบอย่างหนักในปี 2563 รายรับลดลง -39% (เป็นตัวเลข 69 พันล้านดอลลาร์) และสถานประกอบการสปาลดลงเหลือ 160,100 โดยสูญเสียสปาทั่วโลกกว่า 4,000 แห่ง
“เมื่อมีการระบาดของโควิด-19 ทุกครั้ง อุตสาหกรรมที่มีการสัมผัสสูง ซึ่งถูกปิดทุกครั้ง คือ สปา แต่เรายังไม่เคยเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ในสปาเลยเพราะมาตรฐานที่เรามีอยู่ การรักษาระดับมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งวันนี้อย่างที่กล่าวว่ามหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ ให้ความมั่นใจด้านสาธารณสุขของไทยสูงระดับ 1 ในเอเชีย ดังนั้น สปาที่อยู่ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข ก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน”
- "ผู้ประกอบการสปา" ลดลง 30%
“กรด” กล่าวต่อไปว่า ในปี 2563 ไป รายได้ลดลง -39% จากที่โตมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เรามี พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 คนที่เข้าสู่ระบบมาตรฐานการได้รับใบอนุญาตมีราว 9,000 กว่าราย จากปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ 3,000 กว่าราย เราอยู่อันดับที่ 16 ของโลก และวันนี้อันดับอาจจะอยู่สูงกว่านั้น ขณะเดียวกัน คาดว่าในวันนี้สปาถูกปิดตัวราว 30% จาก 9,000 แห่ง
- คาด อนาคตธุรกิจสปา โต 17%
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในภูเก็ต พบว่า ธุรกิจสปาตอนนี้กำลังกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ เพื่อรับนักท่องเที่ยวที่กำลังกลับเข้ามา ตอนนี้เป็นโอกาสสำคัญมากๆ แต่ในอนาคต มีการคาดการณ์ว่า ธุรกิจสปาจะมีการเติบโตสูงมากเป็นประวัติการของโลก ราว 17% ทุกปี ไปจนถึงปี 2568 และมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ราว 150.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาสำคัญ ที่ต้องมานั่งมองกันแล้วว่าจะมีดีมานด์จากนี้ไป บุคลากรที่จะเข้ามาช่วยกันเสริมต้องเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
“เรื่องของ Wellness เป็นหัวใจสำคัญ วันนี้คนในโลกเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเอง หลายคนเริ่มขยับตัวในการผลักดัน เชื่อว่าศักยภาพของไทยยังมีโอกาสอีกมากในหลายพื้นที่ไม่ว่าจะใต้ เหนือ อีสาน หรือภาคกลาง ความหลากหลายเป็นจุดขายสำคัญ หากร่วมกันสร้างบุคลากรที่ดีจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และความเชื่อมั่นเกิดขึ้นแน่นอนจากนี้ไป” กรด กล่าว
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นปลายทางที่นักท่องเที่ยวอยากจะเดินทางมา มีนักท่องเที่ยวเข้ากว่า 40 ล้านคน เป็นอันดับ 10 ของโลกก่อนโควิด-19 “รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเสริมว่า เชื่อว่าโควิด-19 เป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ทิศทางการเติบโตอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โอกาสจะมีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน จะกลับมาในเร็ววัน ไทยเป็นอันดับ 10 ของโลกที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากที่สุด แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ หลายคนมีความคิดว่าการท่องเที่ยวของไทยจะเป็นในรูปแบบแบคแพ็ก คนใช้จ่ายไม่เยอะ แต่เรามีรายได้เป็นอันดับ 4 ของโลกจากการท่องเที่ยว แสดงว่านักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยจะเป็นกลุ่มที่ใช้เงินเยอะมากขึ้น
- "อุตสาหกรรมความงาม" โดดเด่น
จากการสอบถาม พบว่า นักท่องเที่ยวหลายคนมาดูแลสุขภาพในเมืองไทย เราจะเห็นการแพทย์ไทยมีคุณภาพระดับโลก และค่าใช้จ่ายคุ้มค่า หลายคนบอกว่าการแพทย์ของไทยเด่นไม่แพ้ประเทศในอาเซียน แต่ค่าใช้จ่ายไม่แพง และทุกคนยอมรับว่าในเรื่องธุรกิจความงามไทยค่อนข้างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสปา ความสวยความงาม ศัลยกรรม
"เชื่อว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตอย่างโดดเด่น เพราะอยู่ใน 10 ธุรกิจเด่นของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ติด 1 ใน 3 ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ ผลประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า อุตสาหกรรมความสวยความงามโดดเด่น และเชื่อว่าชาวต่างชาติจะเข้ามามากขึ้น"
“เราเชื่อว่าธุรกิจสปาและ Wellness จะเป็นตัวผลักดันประเทศให้มีความโดดเด่น และทำให้คนไทยมีรายได้ที่มากขึ้น การที่ไทยมุ่งมั่นให้เป็นมาตรฐานโลกสามารถดำเนินการได้ คำถามคือ บุคลากรเพียงพอหรือไม่”
- หลักสูตรรับ ธุรกิจสุขภาพ ความงาม เติบโต
อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวต่อไปว่า ม.หอการค้าไทย มองว่าไทยจะต้องพัฒนาประเทศโดยเอาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการเป็นตัวนำ จึงทำการร่วมมือกับ ชีวาศรม เนื่องจาก มีโรงเรียนสอนวิชาชีพความงามและสุขภาพสปาชีวาศรม ขณะเดียวกัน ม.หอการค้าก็มีคณะวิทยาศาสตร์ ที่รู้เรื่องโครงสร้างร่างกาย อาหาร และคณะท่องเที่ยวที่รู้เรื่องการบริหารท่องเที่ยว โรงแรม
และด้วย ม.หอการค้าไทย ที่มีความรู้เรื่องการจัดการธุรกิจ หากสามารถสร้างบุคลากรที่มีประสบการณ์จะมีโรงเรียนฝึกวิชาชีพเฉพาะ และส่งบุคลากรมาสอนที่ ม.หอการค้าไทย นักศึกษาก็จะมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และใส่การเป็นนักบริหารลงไปในหลักสูตร สาขาวิชาบูรณาการส่งเสริมสุขภาพและความงาม รวมถึงมีทุนการศึกษาเรียนฟรีตลอดหลักสูตรปีละ 1 ทุน และชีวาศรมมอบให้อีก 1 ทุน
ทั้งนี้ จุดเด่นหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาบูรณาการส่งเสริมสุขภาพและความงาม ผู้เรียนจะได้ใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข 2 ใบตามกรอบระยะเวลาการเรียน โดยหลักสูตรดังกล่าว จะเข้าอนุมัติผ่านสภามหาวิทยาลัยในเดือน มี.ค. ที่จะถึงนี้