ลำดับเหตุการณ์"น้ำมันรั่ว" ปัญหาซ้ำซากที่ต้องรีบแก้ไข

เหตุการณ์ "น้ำมันรั่ว" มีที่มาที่ไปอย่างไร นอกจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในอนาคตจะมีมาตรการป้องกันหรือไม่ เนื่องจากมูลค่าความเสียหายมหาศาล
กลางดึกวันที่ 25 มกราคม 2565 เวลา 22:10 น.สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) ได้รับแจ้งเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่น SPM ห่างจากท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด 10.5 ไมล์ทะเล (16.898 กม.) บริษัทแจ้งว่า น้ำมันดิบรั่วไหลจากท่อที่ใช้ในการโหลดจากเรือ ขออนุมัติฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน Dispersant 4 หมื่นลิตร เพื่อทำให้น้ำมันแตกตัว
เหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเลของ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (SPRC) ที่ตั้งอยู่ในท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ไม่ใช่ครั้งแรก
ในปี 2540 บริษัท สตาร์ ปิโตรเลี่ยม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เคยเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลในทะเลระหว่างขนถ่ายน้ำมันจากเรือสู่สถานีน้ำมันดิบของบริษัทมาแล้วกว่า 160,000 ลิตร
และย้อนไปวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 มีเหตุการณ์ท่อรับน้ำมันดิบของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) รั่วไหลกลางทะเลด้านทิศเหนือและตะวันตกของเกาะเสม็ด จ.ระยอง 50,000 ลิตร หรือ 50 ตัน แต่เมื่อเทียบกับครั้งนี้ (25 มกราคม 2565) หนักกว่าถึง 3 เท่า
- การจัดการน้ำมันรั่ว
เช้าวันที่ 26 มกราคม 2565 วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.), ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง, กองทัพเรือภาคที่ 1 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล จ.ระยอง (ศร.ชล.จว.รย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ลงพื้นที่ดูสถานการณ์ บริษัท SPRC คำนวณว่าปริมาณที่รั่วไหล 1.6 แสนลิตร หรือ 128 ตัน คิดเป็น 0.04% ของน้ำมันในเรือ มีความจุประมาณ 3.2 แสนตัน
วันที่ 27 มกราคม 2565 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข, ชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง, วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ.ได้ประชุมหาแนวทางแก้ไขและมาตรการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ
บริษัท SPRC ส่งนักประดาน้ำสำรวจจุดเกิดเหตุ พบว่า เกิดการรั่วไหลบริเวณท่ออ่อนส่งน้ำมันด้านล่าง (Submarine Hose) ที่ไม่สามารถหาจุดเกิดเหตุได้ เพราะท่อดังกล่าวมีอายุใช้งาน 26 ปีไม่มีเซ็นเซอร์บอกจุดที่รั่วไหลเหมือนท่อรุ่นใหม่
ซึ่งท่อและทุ่นอยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า ที่กำกับดูแลอนุญาต ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม ดูแลด้านโรงงานและโรงกลั่น
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA แสดงภาพถ่ายดาวเทียม เวลา 10:40 น. พบกลุ่มก้อนน้ำมันกระจายเป็นวงกว้างบริเวณอ่าวมาบตาพุด มีพื้นที่ 11.65 ตร.กม.(7,280 ไร่) หรือ 2 เท่าของเกาะเสม็ด อยู่ห่างชายฝั่งเมืองระยอง 16.5 กม.
- ดักและดูดน้ำมันรั่ว
วันที่ 27 มกราคม 2565 ภาพถ่ายดาวเทียม GISTDA แสดงภาพเวลาเวลา 18:23 น. พบคราบน้ำมันมีบริเวณกว้างขึ้น พื้นที่ 47 ตารางกิโลเมตร (29,506 ไร่) หรือ 9 เท่าของเกาะเสม็ด
เคลื่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างชายฝั่งระยอง 6.5 กิโลเมตร ห่างเกาะเสม็ด 12 กิโลเมตร คาดว่าจะขึ้นฝั่งวันที่ 28 มกราคม ส่งผลกระทบชายฝั่งเมืองระยอง ชายหาดแม่รำพึง และพื้นที่ชายหาดใกล้เคียง
แล้วส่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมทำลาย ส่วนคราบน้ำมันที่เคลื่อนเข้าสู่ฝั่งจะใช้ทุ่นล้อมเบี่ยงออกสู่ทะเล จากนั้นดักและดูดไปทำลาย
วันที่ 29 ม.ค. 2565 คราบน้ำมันรั่วไหลซัดเข้าสู่ชายฝั่ง หาดแม่รำพึง บริเวณ ม.10 ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง เป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มและสีดำ ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่ว
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประเมินว่า มวลน้ำมันในทะเลมีขนาด 1,713,388 ตรม. ภาพจากดาวเทียม GISTDA วันที่ 29 มกราคม เวลา 10:35 น. พบคราบน้ำมันลอยบริเวณกว้าง มีพื้นที่ 67 ตารางกิโลเมตร (42,673 ไร่) แบ่งเป็น
1) คราบน้ำมันแผ่นฟิล์ม (Sheen oil /Thin oil) พื้นที่ 51 ตารางกิโลเมตร (32,478 ไร่)
2) คราบน้ำมันหนา (Thick Oil) พื้นที่ 16 ตารางกิโลเมตร (10,195 ไร่)
อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า สามารถเก็บกู้คราบน้ำมันตามแนวชายหาดด้วยเครื่องดูดคราบน้ำมันได้แล้วกว่า 13 คิว ที่เหลือใช้วิธีซับคราบน้ำมัน และใช้สารขจัดคราบน้ำมัน รวมถึงขุดร่องน้ำชายหาดให้น้ำมันไหลมารวมกัน และเฝ้าระวังคราบน้ำมันในทะเล
- ความเสียหายจากน้ำมันรั่ว
วันที่ 31 มกราคม 2565 พล.ร.ต.อาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า กองทัพเรือได้เก็บกู้คราบน้ำมันที่ชายฝั่งหาดแม่รำพึงได้เรียบร้อยหมดแล้ว รวมถึงหน้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ดด้วย ภาพถ่ายทางอากาศของ GISTDA และภาพถ่ายของกองทัพเรือไม่พบคราบน้ำมันแล้ว
วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันประเมินสรุปความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ ค่าเสียโอกาสทางการท่องเที่ยว การประมง การประกอบอาชีพ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
“ค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาทุกบาททุกสตางค์จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อทวงคืนจากบริษัทต้นเหตุอย่างถึงที่สุดต่อไป”
ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ศูนย์ดำรงธรรม อำเภอเมืองระยอง ได้ตั้งหน่วยเคลื่อนที่รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้ที่ได้รับผลกระทบกรณีน้ำมันรั่วไหลลงทะเลระยอง ที่สบายสบาย รีสอร์ต ชายหาดแม่รำพึง ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง มีผู้มายื่นเรื่องลงทะเบียนเยียวยา เกือบ 200 ราย
- อุบัติภัยน้ำมันรั่วในทะเล 235 ครั้ง
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประเมินว่าเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในทะเลครั้งนี้ (วันที่ 25 มกราคม 2565) มีมวลน้ำมันในทะเล 1,713,388 ตรม. ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลชายฝั่ง และปะการัง 1,708.77 ไร่ หญ้าทะเลรวม 1,885.38 ไร่
คราบน้ำมันลอยเป็นบริเวณกว้างมีพื้นที่ 47 ตร.กม. (29,506 ไร่) หรือ 9 เท่าของเกาะเสม็ด และในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เกิดอุบัติภัยน้ำมันรั่วในทะเลมากกว่า 235 ครั้ง
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานว่า คราบน้ำมันลอยบนผิวน้ำทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง ปิดกั้นการสังเคราะห์แสงของแพลงก์ตอน พืช สาหร่าย พืชน้ำ เปลี่ยนแปลงสภาวะการย่อยสลายของแบคทีเรียในน้ำ ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำที่กินสารพิษนี้ก็ส่งผลต่อมนุษย์
สารปนเปื้อนในน้ำมัน เช่น พวกปรอท แคดเมียม สารพิษอื่นๆ และสารเคมีที่กำจัดคราบน้ำมัน ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศทางทะเลในระยะยาว การทำประมง การเพาะเลี้ยงชายฝั่ง การท่องเที่ยว เศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจระดับประเทศ
- คดีฟ้องร้องน้ำมันรั่ว
ที่ผ่านมา กรณีน้ำมันรั่วไหล จ.ระยอง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 มีผู้ยื่นฟ้องเรียกค่าชดเชย 454 คน ผ่านไป 7 ปี ศาลแพ่งพิพากษาคดีอุทธรณ์เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ให้เพิ่มค่าเสียหายแก่ชาวประมง
โดยคำพิพากษาศาลชั้นต้นจากเดิม 90,000 บาทเป็นจำนวน 150,000 บาท และผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากเดิม 60,000 บาทเป็นจำนวน120,000 บาท
ส่วนการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพนั้น ศาลตัดสินว่าไม่มีกฎหมายรองรับ
เหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในทะเลไม่ว่าที่ใดก็ตาม ย่อมเป็นเรื่องอันตรายร้ายแรง มีผลกระทบมหาศาล ไม่ใช่แค่ระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศ ยังเชื่อมโยงไปถึงพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (Marine Protected Area - MPA) และนั่นคือผลกระทบระดับโลก